โวย2ปีคดีฆ่าวินจักรยานยนต์ไม่คืบ
ลูกสาววินจักรยานยนต์ร้องกองปราบ 2 ปีคดีฆ่าพ่อไม่คืบ เผยเหตุจากขัดแย้งกับมาเฟียเก็บเงินคุ้มครอง
ลูกสาววินจักรยานยนต์ร้องกองปราบ 2 ปีคดีฆ่าพ่อไม่คืบ เผยเหตุจากขัดแย้งกับมาเฟียเก็บเงินคุ้มครอง
เมื่อเวลา 13.30 น.ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) น.ส.วริศรา พลราช (ลูกสาว) และน.ส.อารยา ภูนาเหนือ (ภรรยา) แจ้งความต่อ บก.ป.เพื่อให้ติดตามคดีมาเฟียวินจักรยานยนต์รับจ้าง ยิง นายบัวเรียน พลราช อายุ 47 ปี บ้านเลขที่ 36 ซ.อ่อนนุช 19 แขวงและเขตสวนหลวง กทม. หัวหน้าวินจักรยานยนต์รับจ้างสุขุมวิท 77 ซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวเสียชีวิต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2553 ซึ่งผ่านมานานกว่า 2 ปีร้องเรียนหลายที่แต่ยังไม่มีความคืบหน้า
น.ส.วริศรา กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุยิงนายบัวเรียน จนเสียชีวิตนั้น ทางวินจักรยานยนต์ สุขุมวิท 77 ได้มีความขัดแย้งเรื่องการเก็บค่าวินมาตั้งแต่ปี 2548 โดยผู้มีอิทธิพลในวินเรียกเก็บค่าวิน วันละ 20 บาท แม้ว่าจะมีกฎหมายคุ้มครองแล้ว
"ก่อนนี้พ่อของหนูขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นแค่ลูกวินธรรมดา พอติดต่อกับทางวิน ซึ่งมี นายบรรพจน์ จันทมาลี ,นายไพลินทร์ สุวรรณเจิดจิต ,นายวัฒนา สง่าเมือง และ นายสมชาย สีเที่ยงธรรม เพื่อซื้อเสื้อเข้ามาวิ่งที่วินสุขุมวิท 77 ตอนนั้นมีการเก็บค่าวินอยู่แล้ว วันละ 20 บาท ทุกคนก็ยอมจ่ายมาตลอด พ่อเห็นว่าไม่ถูกต้องก็เลยไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง และทำเรื่องส่งคำร้องไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าได้รับความเดือดร้อน ไม่ได้รับความเป็นธรรม ทำให้พ่อถูก นายยอด น้องชายของนายสมชาย ที่คุมวินนี้ ข่มขู่มาโดยตลอด"น.ส.วริศรา กล่าว
ต่อมามีการจดทะเบียนเสื้อวินเป็นเสื้อสีส้ม มีชื่อและตราสัญลักษณ์ของกระทรวง ขึ้นทะเบียน ประกาศห้ามซื้อขายเสื้อวิน ห้ามเก็บเงินคุ้มครอง จึงมีการจัดตั้งประธานและคณะกรรมการวินจักรยานยนต์รับจ้าง สุขุมวิท 77 ขึ้นมา ซึ่งนายบัวเรียน ได้เป็นประธาน
"พ่อได้รับเลือกให้เป็นประธานจากลูกวินมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด 83 คัน และไม่ให้มีการเก็บเงินค่าคุ้มครองอีก มีการจัดหาที่พักรถให้กับลูกวิน เนื่องจากมีลูกวินจำนวนมาก ต้องเช่าที่ในการจอดรถ และมีการเก็บค่าเช่ากับผู้ที่มาวิ่งวินประจำ จำนวน 200 บาทต่อเดือน เพื่อนำไปจ่ายค่าที่เช่ารถจำนวน 9,600 บาทต่อเดือน แต่มาเฟียกลุ่มนี้ประกาศว่าพวกเขาเป็นคนตั้งวินแล้วไม่ได้รับเลือกจึงไม่จ่ายค่าที่จอด ทำให้บางเดือนพ่อต้องออกเงินจ่ายเอง นอกจากนี้นายยอดยังเคยใช้หมวกกันน็อคทุบพ่อด้วย ซึ่งเคยได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สน.พระโขง ประมาณปี 2550"น.ส.วริศรากล่าว
น.ส.วริศรา กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายนายบัวเรียน ก็ได้มีการก่อกวนส่งคนมาแซงวิน ขุ่มขู่ กดดันให้นายบัวเรียนลาออกจากประธานวิน เพื่อต้องการกลับมาเก็บค่าคุ้มครองเหมือนเดิม แต่นายบัวเรียนไม่ยอม กระทั่งมีการขอวินคืน โดยมาเฟีย 4 คนนี้พาพวกอีก 10 คน นัดพ่อให้ไปเจอที่บิ๊กซีอ่อนนุช แต่พ่อกลัวจะถูกทำร้ายจึงนักให้มาเจรจาที่บ้านแทน มีแม่ (น.ส.อารยา) เป็นพยานอยู่ในเหตุการณ์ด้วย นายสมชายบอกกับพ่อว่าให้ลาออกไปจากการเป็นประธาน เมื่อพ่อปฏิเสธนายสมชายยังบอกอีกว่า กูเป็นคนก่อตั้งวินขึ้นมา น่าจะมีส่วนแบ่งให้กูบ้างไม่มากก็น้อย นอกจากนี้ยังมีการขู่อาฆาต นายยอด ได้เข้ามากระชากคอเสื้อแล้วขู่ฆ่าด้วย
น.ส.วริศรา กล่าวว่า หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นต้นมา นายบัวเรียน ยังถูกข่มขู่และมีปากเสียงอยู่เรื่อยๆ จนเคยบอกกับลูกสาวและภรรยาว่าหากเกิดอันตรายอะไรขึ้นก็เป็นเพราะคนกลุ่มนี้
ด้าน น.ส.อารยา กล่าวว่า วันเกิดเหตุนั้นนายบัวเรียนได้ไปส่งผู้โดยสารซี่งเป็นผู้หญิงที่อ่อนนุช 17 แยก 18 ระหว่างทีขี่จักรยานยนต์กลับก็ถูกดักยิงเสียชีวิต
"สอบถามจากคนในวินทราบมาว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งเรียกนายบัวเรียนที่วินมอเตอร์ไซค์ให้ไปส่งอ่อนนุช 17 แยก 18 คาดว่าผู้หญิงคนดังกล่าวนั้นเป็นนกต่อล่อให้นายบัวเรียนออกจากพื้นที่ สน.พระโขนง เนื่องจากนายบัวงเรียนได้เคยแจ้งความข้อหาทะเลาะวิวาทไว้ที่ สน.พระโขนง พอส่งผู้หญิงคนนี้เสร็จก็ถูกประกบยิง คาดว่าน่าจะเป็นกระสุนหัวระเบิดเพราะด้านหลังมีรูกระสุนใหญ่มาก พอนายบัวเรียนเสียชีวิตมาเฟียกลุ่มนี้ก็กลับเข้ามาตั้งตัวเองเป็นประธานวินเรียกเก็บค่าคุ้มครอง"น.ส.อารยากล่าว
ทั้งนี้ น.ส.วริศรา และ น.ส.อารยา ยังกล่าวอีกว่าได้ตั้งแต่นายบัวเรียน ถูกยิงเสียชีวิต ก็ได้เดินทางไปร้องเรียนหลายแห่ง อาทิ พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา ผกก.สน.บก.น.5 ขณะนั้น ,พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ,กรรมาธิการตำรวจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็คดีก็ไม่คืบหน้า จึงหวังว่าทาง บก.ป.จะเป็นที่พึ่งสุดท้าย หากไม่มีอะไรคืบหน้าคงไม่ร้องเรียนที่ไหนอีกแล้ว
ขณะที่ พ.ต.ท.ศานุวงศ์ คงคาอินทร์ สว.กก.1 บก.ป. กล่าวว่า หลังจากรับเรื่องไว้แล้วจะรีบประสานไปยัง สน.คลองตัน เพื่อขอทราบความคืบหน้าในคดี แล้วจะเร่งดำเนินการสืบสวนต่อไป


