posttoday

เปิดตัว"พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว"มือปราบดีเอสไอ ตลุยคดีทุจริตฉาว

10 มีนาคม 2555

บทบาทหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นับว่ามีความสำคัญในงานด้านการป้องกัน ปราบปราม

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ

บทบาทหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นับว่ามีความสำคัญในงานด้านการป้องกัน ปราบปราม และควบคุมอาชญากรรมที่มีผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

การสืบสวนคดีสำคัญอย่างคดีทุจริตกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) การทุจริตจ่ายยาของโรงพยาบาล ทุจริตการทำบัตรประชาชนที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ ไปจนถึงการลักลอบซื้อขายอาวุธสงครามและการก่อการร้าย ทั้งหมดอยู่ภายใต้การสืบสวนสอบสวนของสำนักคดีความมั่นคงทั้งสิ้น

ทว่า บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการไขคดีซับซ้อน แต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อมากนัก คือ พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกำลังหลักสำคัญของดีเอสไอ รับผิดชอบคดีที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ

จากนายตำรวจติดตามผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น มาเป็นสารวัตรสืบสวนที่ จ.ชัยภูมิ ในช่วงปี 2545 เขายอมรับว่าเป็นช่วงเวลาทำงานที่เหนื่อยและอันตรายที่สุดในชีวิต เพราะเป็นช่วงประกาศสงครามยาเสพติดครั้งใหญ่ ในขณะนั้นมีการกวาดล้างอย่างเข้มงวด

พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ เล่าถึงผลงานปราบปรามยาเสพติดว่า เคยจับกุมพ่อค้ายารายใหญ่ได้ถึง 8 แสนเม็ด แต่เมื่อจุดเปลี่ยนของชีวิตมาถึง ก่อนการตัดสินใจย้ายมาทำงานให้กับดีเอสไอ เขาต้องทำภารกิจสุดท้ายโดยมีการนัดล่อซื้อยาเสพติดบนภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย ซึ่งกลุ่มขบวนการค้ายามีกองกำลังติดอาวุธเป็นจำนวนมาก

สถานการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้นเมื่อกลุ่มค้ายาเสพติดนัดส่งยาในภูมิศาสตร์ยากต่อการเข้าจับกุมและหลีกเลี่ยงการปะทะไม่ได้ แต่ด้วยความรักและเป็นห่วงว่าลูกน้องจะเสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ เขาจำเป็นต้องตัดสินใจยกเลิกภารกิจ

ทุกวันนี้เขายังคิดมาเสมอว่า แม้ปฏิบัติการครั้งนั้นจะยุติลงโดยไร้ผลงาน แต่ถือว่าตัดสินใจถูกต้องแล้วเพราะจะไม่ยอมแรกหนึ่งผลงานกับหนึ่งชีวิตลูกน้องเพราะเป็นสิ่งที่เปรียบเทียบกันไม่ได้เลย

เมื่อย้ายมาอยู่กับดีเอสไอ ผบ.สำนักคดีความมั่นคงผู้นี้พกเอาความเชี่ยวชาญด้านการสืบสวนมาด้วย ในแต่ละคดีที่ทำจะใช้เวลาทุ่มเทให้กับการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้กระทำผิด หาข้อมูลอย่างรอบด้าน รวมถึงวิธีการวิเคราะห์การสืบสวน

น้อยคนจะรู้ว่าคดีใหญ่อย่างคดีคลองด่าน มูลค่า 2.3 หมื่นล้านบาท และการทุจริตจัดซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ของกระทรวงมหาดไทยที่มีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ในขณะนั้นเขาเป็นคนไขความจริงด้วยตัวเอง

“ผมนั่งมองแผ่นชาร์ตของคดีทุกวัน ครุ่นคิดถึงกลวิธีที่ผู้กระทำผิดพยายามหลอกลวง โดยต้องคิดอย่างผู้ร้าย งานสืบสวนจึงมีความซับซ้อน และมีเอกสารจำนวนมากต้องอ่านอย่างละเอียด อีกทั้งเกี่ยวข้องกับผู้ที่มีอิทธิพลซึ่งก็คือนักการเมืองในพื้นที่ ยังไม่เท่านั้นจะต้องเจอกับทนายความเก่งๆ จบจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ที่พร้อมยั่วอารมณ์เรา” พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าว

เปิดตัว"พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว"มือปราบดีเอสไอ ตลุยคดีทุจริตฉาว

 

เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบแผ่นชาร์ตแสดงใบหน้าของกลุ่มผู้กระทำผิดในคดีที่รวบรวมข้อมูลใกล้เสร็จสิ้นแล้ว โดยมีลูกศรเชื่อมโยงกันเป็นขบวนการ อาทิ คดีทุจริตยาของโรงพยาบาลสารพัดกลวิธี สร้างความเสียหายให้ประชาชนและรัฐอย่างมาก โดยแบ่งออกเป็น 3 พฤติกรรม คือ 1.“การเบิกยาโดยทุจริต” เกิดจากเภสัชกรเบิกยาเท็จโดยไม่มีผู้ป่วยจริง แต่ปลอมใบเสร็จนำยาออกจากคลังยาไปแสวงหาผลประโยชน์ เช่นเดียวกับกรณีทุจริตยาแก้หวัดที่มีส่วนผสมของสารซูโดอีเฟรดีน 2.“การยิงยา” เกิดจากแพทย์ที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับบริษัทยา มีการให้เงินหรือเชิญไปดูงานต่างประเทศ (ไปเที่ยว) เพื่อหวังให้แพทย์จ่ายยาให้ผู้ป่วยตามที่บริษัทยาต้องการให้ได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ ผลกระทบที่ตามมาคือ ผู้ป่วยต้องจ่ายเงินซื้อยาที่ไม่เกี่ยวกับการรักษาโดยไม่รู้ตัว

สำหรับแบบที่ 3.“ช็อปปิ้งยา” กรณีนี้จะเกี่ยวกับข้าราชการ ที่ผู้เป็นญาติจะได้รับสิทธิโครงการสวัสดิการข้าราชการในการเบิกจ่ายค่ายาได้ฟรีโดยตัวผู้ป่วยจริงหรือไม่จริง มีพฤติกรรมเดินทางเข้าโรงพยาบาล 56 แห่ง เพื่อให้ได้ยาตัวเดียวกันมาจำนวนมากๆ จากนั้นจะสะสมไว้แล้วนำไปขายต่อ

ผบ.สำนักคดีความมั่นคงยังอธิบายถึงคดีทุจริต กรอ. ว่าเป็นคดีที่มีผลกระทบต่อนักศึกษาทั่วประเทศที่เข้าร่วมกองทุนกู้ยืม วงเงินถึง 4,000 ล้านบาท ซึ่งผู้กระทำผิดฉวยโอกาสหาช่องว่างของการทำเอกสารกู้เงินจากสถาบันการศึกษา ไปจนถึงระบบการอนุมัติเงินของ กรอ. และต้องยอมรับว่าระบบเองก็มีปัญหามาก ทั้งที่ผู้เสียหายยังเป็นนักศึกษาที่ต้องการโอกาสต่อยอดการเรียนรู้ แต่เขากลับต้องมีหนี้สิน 8 หมื่น1 แสนบาท ทั้งที่ไม่ได้เข้าไปเรียนในสถานศึกษาแห่งนั้น

ทั้งนี้ ความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริต กรอ. พบว่ามีสถาบันการศึกษาจำนวน 32 แห่งเข้าข่ายทุจริต ตั้งแต่วันที่แถลงข่าวเรื่องนี้มีผู้เสียหายเข้ามาให้ข้อมูลกับดีเอสไออย่างต่อเนื่อง จึงเชื่อได้ว่าน่าจะมีผู้เสียหายอีกเป็นจำนวนมาก เพราะข้อมูลนักศึกษาที่ยื่นกู้เงินกับ กรอ.มีจำนวนถึง 3 แสนราย และสถาบันการศึกษาร่วมนโยบายมีทั้งหมด 873 แห่ง

แนวทางการสอบสวนคดีของดีเอสไอจากนี้จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.เกิดจากความผิดพลาดคลาดเคลื่อนของเจ้าหน้าที่สถาบันการศึกษาหรือไม่ 2.ความเป็นไปได้ในเจตนาทุจริตของเจ้าหน้าที่สถาบัน ด้วยการปลอมแปลงลายมือชื่อผู้เสียหาย และ 3.ขั้นตอนการอนุมัติเงินจาก กรอ.ที่เข้ามายังสถาบันการศึกษา และ กรอ.ยอมรับว่าระบบมีปัญหาจริง ดังนั้นเมื่อรู้ถึงปัญหาแล้วได้มีการแก้ไขหรือไม่

“หากพิสูจน์ได้ว่ามีการนำเอกสารทางราชการไปแสดงโดยความเท็จ และหน่วยงานของรัฐคือ กรอ. ในกำกับของกระทรวงการคลัง เชื่อว่ามีการกู้ยืมจริง จึงโอนเงินมาให้ ก็ถือว่าที่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341” พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าว

อีกคดีหนึ่งที่กำลังเสร็จสิ้นเร็วๆ นี้ คือ ขบวนการทุจริตทำบัตรประชาชนให้แรงงานต่างด้าว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ โดยมีเครือข่ายผู้กระทำผิดกระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยจะใช้ช่องทางการทำทะเบียนชื่อของผู้เสียชีวิตที่ขั้นตอนตามปกติต้องจำหน่ายออกจากทะเบียนบ้าน แต่กลุ่มมิจฉาชีพจะใช้ช่องทางนี้นำคนต่างด้าวหรือผู้ร้ายหลบหนีจากต่างประเทศมาสวมชื่อผู้ตายทำบัตรประชาชนทันที

ช่วงท้ายของการสนทนา แม้จะมีเหลือเวลารับราชการอีก 9 ปี พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ พยายามถ่ายทอดความรู้ให้เจ้าหน้าที่งานด้านสืบสวนอยู่ตลอด เนื่องจากดีเอสไอมีคดีในความรับผิดชอบเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในนั้นเป็นคดีที่เกี่ยวกับการเมือง ซึ่งนั่นหมายความว่า ความกดดันจากฝ่ายการเมืองต้องมีอย่างแน่นอน

“การทำงานตรงนี้จะต้องไม่ตกม้าตายในขณะเบิกความในชั้นศาล ต้องแม่นยำ และที่สำคัญต้องใจถึงด้วย ไม่อย่างนั้นปราบคอร์รัปชันไม่ได้ เรื่องกระแสข่าวโยกย้ายมีมาตลอด แต่ก็พยายามไม่เข้าไปยุ่งกับการเมือง แต่โดยหน้าที่แล้วปฏิเสธไม่ได้ เพราะสำนักคดีความมั่นคงจะมีเรื่องเกี่ยวกับการเมืองแน่นอนอยู่แล้ว อย่างเช่นคดีผังล้มเจ้าที่เรารู้อยู่แล้วว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลจะต้องเจอกับอะไร แต่ก็ต้องทำ และเมื่อเข้าไปทำคนอื่นอาจจะมองว่าเราไม่เป็นกลาง จึงต้องพยายามทำให้ดีที่สุด หลักสำคัญที่สุดคือต้องอธิบายคดีให้อัยการและศาลเข้าใจตามเราให้ได้” พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา