posttoday

แรงงานไทยหนุนห้ามขายเหล้าในโรงงาน

24 กุมภาพันธ์ 2555

แรงงานไทยจับมือนายจ้าง หนุนออกกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเหล้าในโรงงาน 24 ชั่วโมง ชี้ผลสำรวจนายจ้างลูกจ้าง เกิน 95% เห็นด้วย

แรงงานไทยจับมือนายจ้าง หนุนออกกฎหมายห้ามขายห้ามดื่มเหล้าในโรงงาน 24 ชั่วโมง ชี้ผลสำรวจนายจ้างลูกจ้าง เกิน 95% เห็นด้วย 

มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า(สคล.)  และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมจัดเสวนานโยบายโรงงานสีขาว ลด ละ เลิกเหล้า  พร้อมเดินหน้า ผลักดันร่างกฎหมายห้ามขายหรือบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกอบกิจการโรงาน พ.ศ. ....เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับลูกจ้างและผู้ประกอบการ  ทั้งนี้มีผู้ประกอบการ  และลูกจ้าง กว่า 100 คนเข้าร่วม

นายสุชาติ   ตระกูลหูทิพย์  หัวหน้าฝ่ายส่งเสริมภาคีเครือข่าย มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล  กล่าวว่า  ระหว่างวันที่ 16-20 ก.พ.2555 ทางมูลนิธิฯได้สำรวจ ความคิดเห็นลูกจ้างและนายจ้าง ในประเด็นผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และความคิด เห็นต่อร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง “ห้ามขาย หรือห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่ประกอบกิจการโรงงาน พ.ศ. ...” จากจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 948 ราย แบ่งเป็น ลูกจ้าง  900 ราย และนายจ้าง 48 ราย ทั้งหมด 30 โรงงาน จากพื้นที่จังหวัดลำพูน  นนทบุรี  สมุทรสาคร นครปฐม พบว่า  ลูกจ้าง  95.78% เห็นด้วยกับร่างประกาศฯ ฉบับดังกล่าว ขณะที่ นายจ้างเห็นด้วย 100 %  เชื่อ จะช่วยลดปัญหาการดื่มเหล้าของคนงานในโรงงานได้ 

นายสุชาติ   กล่าวว่า สำหรับผลกระทบจากการดื่มเหล้ามีเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน เห็นได้จากข้อมูลที่กลุ่มลูกจ้าง ระบุว่า กระทบต่อเศรษฐกิจและสุขภาพมากเป็นลำดับแรกคิดเป็น 19.47% ตามด้วยการทำให้เกิดอุบัติเหตุ18.44%เกิดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว18.05%ต้องถูกนายจ้างให้ใบเตือน 12.69% และถูกให้ออกจากงาน 13.39% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มนายจ้าง ยืนยันว่า การที่ลูกจ้างดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผลผลิตแย่ลงเป็นลำดับแรกคิดเป็น 29.01% ตามด้วยชิ้นงานที่ขาดคุณภาพ 21.16%  ต้องสูญเสียพนักงานเพราะอุบัติเหตุ 25.31% และปัญหาการถูกเลิกจ้างเพราะเมาทะเลาะวิวาท 18.52% 

 “จากผลสำรวจดังกล่าว ชี้ให้เห็นว่า ผลเสียที่เกิดขึ้นมีทั้งต่อตัวลูกจ้างและนายจ้าง เพราะค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ การทำงานขาดประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน ยังมีผลวิจัยด้านนโยบายสุขภาพที่พบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลเสียทางเศรษฐกิจเกือบ 200,000 ล้านบาท  และสถิติกลุ่มแรงงานที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควรเพราะดื่มแอลกอฮอล์มีมากถึง 40,000 คน ส่วนใหญ่อายุ 30-44 ปี รองลงมา 15-29 ปี ซึ่งผู้ที่ดื่มหรือเคยดื่มจะขาดงาน เพราะปัญหาสุขภาพ ประสิทธิภาพขณะทำงาน  ลดลงกว่าผู้ไม่ดื่ม 1.7- 5.7 % ดังนั้น หากร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน  ปัญหาต่างๆคงดีขึ้นโดยลำดับ” นายสุชาติ กล่าว

นพ.สมาน  ฟูตระกูล  ผอ.สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  กล่าวว่า   ร่างกฎหมายฉบับนี้ เชื่อว่าจะผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ และนายกรัฐมนตรีลงนามเพื่อบังคับใช้ เนื่องจากทุกภาคส่วนเห็นด้วยกับร่างกฎหมายฯฉบับดังกล่าว

 


 

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา