posttoday

การขับเคี่ยวระหว่าง Apple กับ Samsung ในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา(ตอนจบ)

22 กุมภาพันธ์ 2555

การขับเคี่ยวระหว่าง Apple กับ Samsung เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา

การขับเคี่ยวระหว่าง Apple กับ Samsung เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา

โดย..พวงรัตน์ อัศวพิศิษฐ์ 

และความพยายามที่เจ้าของทรัพย์สินทางปัญญาจะปกป้องผลงานอันเป็นความคิดสร้างสรรค์ของตนเองทุกวิถีทาง เรียกว่าใช้ทั้งการจดสิทธิบัตรการประดิษฐ์ สิทธิบัตรออกแบบ เครื่องหมายการค้า และถ้าใช้ลิขสิทธิ์ได้ก็ใช้ด้วย ไม่ให้มีช่องว่างช่องโหว่กันได้เลย

ที่จริงเรื่องของแนวความคิดเรื่องทรัพย์สินทางปัญญานั้นมีอยู่ 2 แนวความคิดที่ต่อสู้กันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว และขณะนี้ก็ยังมีอยู่ แนวความคิดหนึ่งเป็นแนวความคิดในด้านสวัสดิภาพของสังคม คือใครคิดอะไรได้ ไม่ควรครอบครองไว้แต่ผู้เดียว แต่ควรมอบให้กับสังคมเพื่อประโยชน์ของมนุษยชาติ กับอีกแนวความคิดหนึ่งเป็นแนวความคิดทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่เห็นว่า ใครคิดอะไรได้ควรได้เป็นเจ้าของสิ่งนั้น อย่างน้อยก็ชั่วระยะเวลาหนึ่งเพื่อนำผลงานที่ตนได้ลงแรง ลงทุน และใช้ความคิดนั้นไปทำให้เกิดประโยชน์ทางการเงินแก่ตนเอง (Wealth) เพื่อจะได้มีแรงจูงใจให้เกิดการวิจัยคิดค้นและลงทุนลงแรงต่อไป มนุษยชาติก็จะได้รับผลประโยชน์จากสิ่งที่ได้คิดค้นและได้มีการพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ

แน่นอนว่า แนวความคิดด้านเศรษฐศาสตร์นี้เป็นที่นิยมกันมากกว่า ผู้เขียนใช้คำว่าเป็นที่นิยมมากกว่า เนื่องจากแนวความคิดด้านสวัสดิภาพของสังคมนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะตกไปเสียทีเดียว เพียงแต่ไม่ได้รับความนิยมเท่ากับแนวความคิดด้านเศรษฐศาสตร์ ท่านผู้อ่านจึงได้เห็นการฟ้องร้องขับเคี่ยวระหว่าง Apple กับ Samsung อยู่ต่อหน้านี้ และที่จริงไม่ใช่แค่ Apple กับ Samsung หรือการฟ้องร้องแค่ในโลกของ IT แต่มีการฟ้องร้องขับเคี่ยวในผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมาก เพียงแต่ในเรื่อง Apple กับ Samsung นี้ ค่อนข้างจะโรมรันพันตูกับแบบครบกระบวนท่า จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษา

พูดแล้วก็เห็นว่าน่าจะกลับมาดูกันต่อดีกว่า จากที่ผู้เขียนได้กล่าวถึงไปแล้ว 6 ประเด็น ต่อไปก็เป็นประเด็นที่ 7

ประเด็นที่ 7 เพื่อไม่ให้มากความก็ขอทับศัพท์ไปเลยว่าเป็น Ellipse Fitting for MultiTouch Surfaces เพราะเป็นเรื่องที่ Apple เคยฟ้อง Motorola มาแล้ว และมีหลักฐานค่อนข้างชัด

ประเด็นที่ 8 ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นใหญ่ๆ สุดท้ายที่ Apple ฟ้อง Samsung และเรียกได้ว่าเป็นเรื่องของ Hardware หรือตัวเครื่อง ซึ่งก็คือปุ่มกดให้เสียงดังขึ้นหรือค่อยลง เป็นต้น โดยกดหัวทำให้เสียงดังขึ้น กดปลายทำให้เสียงค่อยลง ซึ่งจะมีปรากฏที่ iPhone 3G และ 3Gs ท่านผู้อ่านที่มี iPhone หรือ Samsung ลองยกขึ้นมาดูจะได้เห็นชัดๆ หรือเรียกทับศัพท์ทางเทคนิคว่า Cantilevered push button having multiple contacts and fulerums. ซึ่งปรากฏใน Galaxy S ของ Samsung ด้วย แต่อันที่จริงการดูด้วยตาเปล่านั้น เราๆ ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเหมือนกันหรือไม่ นอกจากจะผ่าดู โดยผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องนี้ จึงจะบอกได้ ทำให้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องติดตามดูผลการพิสูจน์ทางเทคนิคกันต่อไป

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งน่าจะเป็นประเด็นใหญ่เหมือนกัน เนื่องจากเป็นสิทธิบัตรเกี่ยวกับพื้นฐานปฏิบัติการระบบ iOS ที่เรียกว่า Scrolling Behavior ซึ่ง Apple จดสิทธิบัตรไว้ แล้วก็ฟ้อง Motorola กับ HTC มาแล้ว แต่อย่าเข้าใจผิดนะคราวนี้ Apple กลับไม่หยิบยกขึ้นฟ้อง Samsung ผู้เขียนไม่ทราบและไม่อาจเดาได้ว่าทำไม ในเมื่อ Apple มีสิทธิบัตรนี้อยู่ในมือและเคยฟ้องชาวบ้านเขามาแล้ว ทำไมไม่ยกขึ้นฟ้องอีกเพราะโอกาสชนะก็มีอยู่ อาจเป็นได้ว่าเทคโนโลยีนี้เป็นเทคโนโลยีพื้นฐานที่เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปแล้ว เพราะก็เป็นที่ทราบกันดีว่าเทคโนโลยีด้าน IT นั้น พัฒนาไปเร็วมาก

จากช่วงนี้ไปจนอีกประมาณ 1 ปี เราคงได้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้กันอย่างไร ในแง่ของ Apple การแสดงให้ศาลเห็นและเข้าใจประเด็นด้านเทคนิคว่า Samsung ลอกเลียนแบบไปอย่างไร ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ดูจากเรื่องการขอคุ้มครองชั่วคราวที่บางประเทศ Apple ก็ขอได้ บางประเทศก็ไม่ได้ หรือได้มาในเบื้องต้น แต่ก็ยกเลิกไปในชั้นอุทธรณ์

แน่นอนว่า Apple ต้องการฟ้องว่า Samsung ว่าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของ Apple และต้องการให้ชดเชยให้ไม่เฉพาะในแง่ของตัวเงิน แต่รวมไปถึงการห้ามขาย ห้ามจำหน่ายจ่ายแจก การให้ประกาศโฆษณาข้อเท็จจริง รวมไปถึงการ จ่ายค่าเสียหายที่เรียกว่า Punitive Damage ด้วย (ซึ่งประเด็นนี้ในกฎหมายไทยยังไม่มีโดยตรง)

Samsung คงมีเรื่องที่ต้องแก้ต่างมากอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะประเด็นในแง่เทคนิค คงไม่ใช่เฉพาะการฟ้องกลับ Apple เท่านั้น

ก็อย่างที่ว่า เป็นเรื่องรามเกียรติ์ที่ต้องติดตามดูกันต่อไป

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"