posttoday

หลอกยุคออนไลน์ โจรแฝงไซเบอร์ก่อคดี

04 มกราคม 2555

ห้ามไม่ให้นักประดิษฐ์คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไม่ได้ ก็ย่อมห้ามไม่ให้พวกมิจฉาชีพใช้ความทันสมัยนั้นมาเป็นช่องทางในการล่อลวงเหยื่อไม่ได้เช่นกัน

โดย...ธนก บังผล

ห้ามไม่ให้นักประดิษฐ์คิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการสื่อสารไม่ได้ ก็ย่อมห้ามไม่ให้พวกมิจฉาชีพใช้ความทันสมัยนั้นมาเป็นช่องทางในการล่อลวงเหยื่อไม่ได้เช่นกัน

นวัตกรรมไฮเทคที่นับวันก็ยิ่งจะทำให้เราเข้าถึงสังคมไซเบอร์ได้ง่ายเพียงปลายนิ้วมือในปัจจุบันนี้ เสมือนย่อโลกข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป

ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ใครไม่มี hi5 หรือ MSN ถือว่าเชยระเบิด แต่ก็เพียงไม่นานเมื่อความนิยมแพร่หลายไปยังกลุ่มคนหลากหลาย ก็เริ่มปรากฏช่องทางให้พวกกากเดนสังคมเข้ามาแชทล่อลวงผู้หญิงไปก่อคดีอาชญากรรมทั้งฆ่า ข่มขืน ไม่เว้นแม้แต่พระหรือเณรที่เคยตกเป็นคดีล่วงละเมิดทางเพศหลายครั้ง

เมื่อ hi5 เสื่อมถอยลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นแหล่งพบปะแลกเปลี่ยนของเหล่าบรรดาเด็กแว้น เด็กสก๊อย หรือกลุ่มเด็กวัยรุ่นบางประเภทที่แบบว่า เอิ่ม...ผู้ชายต้องถ่ายรูปถอดเสื้อ ส่วนผู้หญิงก็ต้องแบ๊วๆเต็มจอ อะไรประมาณนี้ จนทำให้หลายคนถึงกับต้องเลิกเล่น hi5 กันไปเลย

หลอกยุคออนไลน์ โจรแฝงไซเบอร์ก่อคดี

เคยมีหนุ่มเซลล์แมนแชท hi5 หลอกสาวออฟฟิศไปข่มขืนแล้วถ่ายคลิปแบล็กเมล์ หรือแม้แต่เด็กอายุแค่ 1619 ปี ร่วมกันลวงเด็กสาวอายุ 17 ปีไปข่มขืน

แต่คดีที่เริ่มมีผู้เสียหายแจ้งความเพิ่มมากขึ้นขณะนี้คือ การถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อซื้อสินค้าทางเว็บไซต์ และ สังคมออนไลน์ “เฟซบุ๊ค” โดยส่วนใหญ่เหยื่อที่ถูกหลอกลวงมักจะเป็นผู้หญิง หลังจากที่เข้าไปดูในเว็บไซต์ช็อปปิ้งต่างๆ มีทั้งตุ๊กตาบลายธ์ ไอโฟน4 ไอแพด รวมไปถึงเครื่องสำอางที่บางครั้งก็พบว่าไม่ได้ผ่านการขออนุญาตจำหน่ายกับทางสำนักงานอาหารและยา (อย.) มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ไม่เว้นแม้กระทั่งบริษัททัวร์ ที่หลอกว่าสามารถไปเที่ยวประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ได้ในราคาถูก มีเหยื่อหลงโอนเงินให้หลายสิบคน จนต้องนั่งเศร้าเฝ้าสนามบินมาแล้ว ซึ่งก็เกิดจากการที่เหล่าบรรดามิจฉาชีพหันมาใช้เทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เนตเป็นเครื่องมือทั้งสิ้น

ใกล้ตัวที่เห็นได้ชัดคือ กระแสไอโฟน ไอแพด กำลังพุ่งแรง ผู้เสียหายมักจะรู้จักกับพวกต้มตุ๋นมาก่อนจากเว็บบอร์ดบ้าง เพื่อนของเพื่อนบ้าง คนรู้จักบ้าง แต่มุขหลอกของคนพวกนี้ก็จะอ้างว่าได้ส่วนลดซื้อราคาถูกกว่าบ้าง มีญาติอยู่ต่างประเทศบ้าง หรือเว่อร์ๆหน่อยก็ชวนทำธุรกิจขายไอโฟน

วิธีการหว่านล้อม ชักชวน จนถึงอธิบายขั้นตอนการโอนเงิน รับของ ฟังแล้วเคลิ้ม ยังไงๆก็ไม่ขาดทุน แฟร์ๆดี แต่สุดท้ายถูกหลอกกันทั้งนั้น โดยคดีอย่างนี้จบลงตรงที่ผู้เสียหายทุกคนมักไม่ติดใจเอาความ ขอแค่ได้เงินคืนก็พอ

แม้ว่า กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) จะได้ออกโรงเตือนประชาชนที่มักจะประกอบธุรกรรมทางอินเตอร์เนตให้ระวังพวกมิจฉาชีพหลอกลวง แต่ทุกครั้งก็เหมือนไม่มีใครสนใจจะฟัง

ในขณะที่ พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ ผู้กำกับ4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ให้คำแนะนำหลังจากที่มีกลุ่มบุคคลที่ใช้เฟซบุ๊คเป็นที่จำหน่ายสินค้าเครื่องสำอาง อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์ที่อ้างว่าทำให้ผิวขาว เกลื่อนโซเชียลเน็ตเวิร์ค ว่า ประชาชนควรตรวจสอบส่วนผสม ฉลาก และ เลข อย. ของผลิตภัณฑ์นั้นๆว่ามีครบถ้วนถูกต้องหรือไม่ หรือมีสารเคมีที่เป็นอันตรายปะปนอยู่หรือเปล่า

“จริงๆแล้วส่วนใหญ่ที่ขายของในเฟซบุ๊คผิดทั้งนั้น เพราะมี พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ.2545 กำหนดให้ผู้ที่จะขายของบนอินเตอร์เนตต้องไปขออนุญาตกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก่อน แต่จะให้ไปตามจับเล็กๆน้อยๆนั้นก็เหมือนไปรังแกคนที่ทำมาหากิน จึงอยากจะขอความร่วมมือผู้ขายของนำสินค้าที่ได้รับอนุญาตจาก อย.มาจำหน่ายจะดีกว่า อย่าทำผิดกฎหมาย” พ.ต.อ.พฤทธิพงษ์ กล่าว

อาชญากรรมที่เกิดจากการนำเทคโนโลยีไปใช้กระทำความผิดนั้น ไม่ได้มีแค่ล่อลวงข่มขืน หลอกขายสินค้า เท่านั้น ยังรวมไปถึงการคุกคามละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งในกรณีนี้รวมถึง ผู้ที่ถูกบุคคลไม่หวังดีด่าทอ ให้ร้ายด้วยถ้อยคำอันก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย ข้อความที่หยาบคาย เช่นการส่งอีเมล์หรือการโพสต์ข้อความ สามารถนำมาดำเนินคดีทางกฎหมายได้ ในข้อหาหมิ่นประมาท

เพราะฉะนั้น ใครแฮ็คอีเมล์ แฮ็คข้อมูลองค์กร หรือแม้แต่แฮ็คทวิตเตอร์ ก็โดนเหมือนกัน ส่วนโทษนั้นก็แล้วแต่เหตุแตกต่างกันไป ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550) ซึ่งในปัจจุบันนี้คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีใครรู้และเข้าใจการนำกฎหมายไปบังคับใช้มากเท่าที่ควร

นับจากนี้เป็นต้นไปทางตำรวจคาดว่าแนวโน้มการใช้อินเตอร์เนตเพื่อก่ออาชญากรรมผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียหรือเว็บบอร์ด จะมีมากขึ้น รุนแรงขึ้น

เทคโนโลยีที่ทันสมัยนั้นผู้ใช้ต้องพึงระวัง เพราะเป็นเช่นดาบสองคม ใช้ถูกทางก็มีประโยชน์ หากหลงไปกับโลกไซเบอร์ก็ย่อมจะมีโอกาสเสี่ยงตกเป็นเหยื่อเหล่าโจรที่นั่งจ้องคอมพิวเตอร์ รอให้มาติดกับ

 

 


 

 

ข่าวล่าสุด

SME D Bank จัด 'Culture Day' ขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร "ประสานพลัง-พัฒนาเรียนรู้" สู่การเติบโต