รื้อบิ๊กแบ็กน้ำทะลักทุ่งบางกะดี คนดอนเมืองเซ็งน้ำไม่ลด...บุกศฉ๓.เปิดประตูเพิ่ม
ประชาชนที่อาศัยอยู่เหนือคันกั้นน้ำกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็กรอบนอกพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ประชาชนที่อาศัยอยู่เหนือคันกั้นน้ำกระสอบทรายยักษ์ หรือบิ๊กแบ็กรอบนอกพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.)
ด้านทิศเหนือ ซึ่งได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมยาวนานร่วมเดือน ยังคงนัดเคลื่อนไหวกดดันให้ศูนย์ปฏิบัติ การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.) เปิดคันบิ๊กแบ็ก รวมทั้งเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเติมเนื่องจากแม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลง แต่หลายหมู่บ้านยังคงมีน้ำท่วมขังถึงระดับ 1.80 ม. ขณะที่แผนการกู้ชุมชนที่ได้รับผลกระทบเหนือคันบิ๊กแบ็กของ ศปภ. ด้วยการสร้างคันกั้นน้ำขึ้นใหม่ตลอดแนวคลองรังสิตประยูรศักดิ์จากคลอง 1-4 และเร่งสูบน้ำจากหมู่บ้านลงคลองรังสิต เพื่อระบายออกแม่น้ำเจ้าพระยายังไม่มีการดำเนินการเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้ ในวันที่ 28 พ.ย. กลุ่มชาวบ้านในซอยแอนเน็กซ์ ถนนพหลโยธิน 58 เขตดอนเมือง จะไปรวมตัวกันที่ประตูระบายน้ำคลองสองสายใต้ ซึ่งเป็นรอยต่อระหว่างคลองหกสายล่าง เพื่อเรียกร้องให้ ศปภ.เปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเป็น 2 ม. จากปัจจุบันเปิดอยู่ที่ 1.20 ม. ช่วยระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ สืบเนื่องจากสำนักงานเขตสายไหมได้ล้มเลิกแผนกู้น้ำท่วมภายในซอยแอนเน็กซ์ หลังจากไม่สามารถอุดไม่ให้น้ำเข้าท่วมเพิ่มเติม อีกทั้งเครื่องสูบน้ำก็ยังไม่สามารถเริ่มทำงานได้
ชาวบ้านการ์เด้นโฮม เขตดอนเมือง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เข้ารื้อบิ๊กแบ็กบริเวณสี่แยกกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (คปอ.) กองทัพอากาศ ตลอดถนนพหลโยธินประมาณ 30 ม. ล่าสุด ระดับน้ำในหมู่บ้านยังอยู่ระดับ 1.70-1.80 ม. ดังนั้น วันที่ 28 พ.ย. จะรวมตัวกันเข้าพบตัวแทน ศปภ. เวลา 13.00 น. อีกครั้ง เพื่อเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำด้านล่างที่กั้นน้ำเข้าเขตสายไหมเพิ่มเติม
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.ดาวฤทธิ์ ทองนิ่ม ประธานนิติบุคคลหมู่บ้านฟ้าลากูน เปิดเผยว่า ขณะนี้กำลังประเมินสถานการณ์ร่วมกับตัวแทนชุมชนพันธมิตรอีก 13 ชุมชนริมคลองรังสิตอีกครั้งว่า การที่ ศปภ.จะเปิดบิ๊กแบ็กบนถนนวิภาวดีรังสิตและการสร้างคันกั้นน้ำเพื่อสูบน้ำออกจากหมู่บ้านได้ดำเนินการไปถึงไหน เพราะแม้ระดับน้ำจะเริ่มลดลง แต่หลายหมู่บ้านยังมีน้ำท่วมสูงและชาวบ้านยังได้รับความเดือดร้อนอยู่อีกมาก เช่น ในหมู่บ้านฟ้าลากูนน้ำยังสูงระดับ 60-90 ซม. หาก ศปภ. ยังไม่สามารถทำให้น้ำลดระดับลงกว่าที่ควรจะเป็นจะรวมตัวกันเรียกร้องอีกครั้ง
ด้านหมู่บ้านรัตนโกสินทร์ 200 ปี ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ก็ได้นัดประชุมกับเจ้าหน้าที่เทศบาลนครรังสิต และ พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาคที่ 1 ในเวลา 10.00 น. เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ปัญหาน้ำท่วมขังหลังน้ำเริ่มลดระดับลง แต่หลายจุดยังท่วมขังสูง ขณะที่หมู่บ้านไวท์เฮ้าส์ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ก็เป็นอีกพื้นที่ที่น้ำยังท่วมสูงระดับ 1.20-1.50 ม. จากเดิมสูงถึง 3 ม. ทาง พิเชษฐ์ หาญจางสิทธิ์ สจ.เขตคลองหลวง ได้นำเครื่องสูบน้ำติดตั้งแล้ว 1 ชุด และจะทยอยนำเข้ามาเพิ่มเติม
สมเดช แจ้งประสิทธิ์ แกนนำชาวบ้านภายในซอยแจ้งวัฒนะ 14 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. เปิดเผยว่า เวลา 07.00 น. วันที่ 28 พ.ย. จะไปรวมตัวกันหน้าปากซอยแจ้งวัฒนะ 14 เพื่อรอให้ ศปภ.มารับข้อเสนอการสูบน้ำให้แห้งภายใน 3 วัน ซึ่งขณะนี้หมู่บ้านกว่า 6-7 หมู่บ้าน น้ำยังท่วมสูงระดับ 60-70 ซม. มานานกว่า 1 เดือนแล้ว ทำให้น้ำเน่าและยุงชุม โดยไมมีหน่วยงานใดมาดูแล
นอกจากนี้ ด้าน จ.ปทุมธานี ได้มีกลุ่มชาวบ้านร่วม 100 คน ที่อาศัยอยู่ในซอยสนามกีฬา จ.ปทุมธานี ม.1 ต.บางกะดี อ.เมือง ได้เข้ารื้อบิ๊กแบ็ก บริเวณเกาะกลางและบริเวณ ริมถนนติวานนท์ตรงข้ามปากทางเข้าโรงแรมปทุมธานี เพลส ขาดเป็นช่องประมาณ 10 ม. ส่งผลให้น้ำไหลลงกลางทุ่งฝั่งนิคมอุตสาหกรรมบางกะดี
สมพร พั่วพงษ์ ตัวแทนชาวบ้าน เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ถนนในซอยสนามกีฬามีระดับน้ำประมาณ 30 ซม.เศษ แต่เมื่อวันที่ 25 พ.ย. หมวดแขวงการทางปทุมธานีได้นำบิ๊กแบ็กมาวางปิดช่องกลับรถหน้าปากทางเข้าสนามกีฬา พร้อมสูบน้ำออกสู่กลางทุ่งฝั่งตะวันออก ทำให้ถนนติวานนท์ฝั่งขาเข้าน้ำลดลงจนเกือบแห้งแต่ถนนติวานนท์ฝั่งขาออกน้ำกลับสูงขึ้นกว่า 50 ซม.
นอกจากนี้ สายวันเดียวกันได้มีกลุ่มชาวบ้านในซอยโรงเรียนจารุศร ม.18 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ประมาณ 100 คน พร้อม สท.เมืองท่าโขลง เป็นแกนนำชาวบ้านเสนอให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (เอไอที) ดำเนินการ 2 เรื่อง 1.ขอให้สถาบันเอไอทีลดเครื่องสูบน้ำจาก 12 เครื่อง ให้เหลือ 6 เครื่อง 2.ขอให้ลอกคลองและผักตบชวาที่ขวางทางน้ำตั้งแต่ต้นคลองจนถึงท้ายคลองริมทางรถไฟ หากเอไอทีไม่ทำตามข้อเสนอกลุ่มชาวบ้านจะรวมตัวปิดถนนพหลโยธินขาออกหน้าสถาบันเอไอที อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันเอไอทีได้รับข้อเสนอและยอมทำตามข้อเรียกร้อง ทำให้กลุ่มชาวบ้านพอใจและยอมสลายตัว
ด้าน ภูมิพัฒน์ ดำรงเกียรติศักดิ์ ผู้อำนวยการเขตดอนเมือง ระบุว่า ระดับน้ำในพื้นที่ลดลงอย่างน่าพอใจ และจะไม่เป็นเขตสุดท้ายของ กทม.ที่น้ำจะแห้ง ขณะที่ศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัย กทม. ได้รายงานว่าระดับน้ำในพื้นที่เขตดอนเมืองวันที่ 27 พ.ย. เริ่มลดลงอีก 3 ซม. แต่ระดับน้ำโดยเฉลี่ยในพื้นที่ยังท่วมสูง 20-45 ซม. จุดท่วมสูงสุดอยู่ที่ถนนสรงประภาประมาณ 45 ซม.
ส่วนระดับน้ำในฝั่งธนบุรีลดลงเล็กน้อย ธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าว ว่า กรมชลประทานวางแผนการระบายน้ำจากพื้นที่ จ.นนทบุรี ออกเป็น 30 บล็อก โดยจะใช้ถนนกาญจนาภิเษกและทางหลวงหมายเลข 346 ลงแม่น้ำเจ้าพระยา อ.บางกรวย จะเป็นบล็อกแรกที่เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ หลังสิ้นเดือน พ.ย.การระบายน้ำจะดีขึ้น เมื่อน้ำทะเลลงจะเร่งสูบน้ำตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.เป็นต้นไป กลางเดือน ธ.ค.จะเห็นระดับน้ำใน จ.นนทบุรี ลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุที่น้ำในคลองมหาสวัสดิ์ลดลงวันละ 2-3 ซม. เพราะปริมาณน้ำจากทุ่งพระพิมลและทุ่งพระยาบันลือยังไหลเข้ามากกว่า 10 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์พลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร กล่าวว่า น้ำเหนือลงเติมคลองรังสิตน้อยมาก ขณะที่น้ำในบริเวณหมู่บ้านการ์เด้นโฮม มีประมาณ 30 ล้าน ลบ.ม. หากระบายน้ำได้วันละ 1 ล้าน ลบ.ม. ก็จะใช้เวลา 30 วัน ด้านเมืองเอกจากคลองรังสิตถึงถนนสรงประภา มีน้ำ 15 ล้าน ลบ.ม. อีกประมาณ 10 วันน่าจะลด พื้นที่ดอนเมืองจากถนนสรงประภาถึงถนนแจ้งวัฒนะมีน้ำ 10 ล้าน ลบ.ม. จะใช้เวลาระบายอีกประมาณ 10 วัน


