สปภ.กางแผนระบายน้ำท่วมขัง
คณะทำงานระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัย ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)
คณะทำงานระบายน้ำในพื้นที่สาธารณภัย ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (ศปภ.)
ได้สรุปแผนการจัดการน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเร่งระบายออก ให้แต่ละพื้นที่กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะเสนอโครงสร้างการจัดการน้ำท่วมขัง โดยแต่งตั้ง “คณะทำงานจัดการพื้นที่น้ำท่วมขัง” ชุดใหม่ขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการน้ำในพื้นที่น้ำท่วมขัง โดยใช้กลไกกระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะประกอบด้วยหน่วยงาน ศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัด (ศปภ.จังหวัด) เป็นหลัก และให้การสนับสนุนด้านเทคนิคโดยกรมชลประทาน กรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้แทนของคณะทำงานระบายน้ำฯ และจัดประชุมผู้แทนดังกล่าวทุก 3 วัน เพื่อทบทวนผลการดำเนินการ
ขณะที่แผนการดำเนินการจะแยกออกเป็นแผนการระบายน้ำฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา
พื้นที่ฝั่งตะวันออก พื้นที่ดำเนินการประกอบด้วย
รังสิตด้านฝั่งตะวันตกของถนนพหลโยธิน (ตลาดรังสิตสำแล) จะเริ่มดำเนินการการซ่อมแนวคันกั้นน้ำและเสริมแนวกระสอบทรายการติดตั้งเครื่องสูบน้ำของกรมชลประทาน 30 เครื่อง และมาตรการของท้องถิ่นที่ได้ดำเนินไป ทำให้ระดับน้ำลดลงอย่างเป็นรูปธรรม และคาดว่าน่าจะสามารถเริ่มฟื้นฟูที่ดังกล่าวได้ภายใน 1 สัปดาห์
รังสิตด้านเหนือ (บริเวณคลอง 1 ถึงคลอง 6 อ.คลองหลวง และ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ต่อเนื่องถึงพื้นที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา บางส่วน) จะประกาศให้ทำนาปรังได้ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ ซึ่งจะมีการระบายน้ำออกจากคลองระพีพัฒน์แยกตก ผ่านประตูระบายน้ำคลอง 8-12 ซึ่งจะทำให้ระดับน้ำให้คลองระพีพัฒน์ฯ ลดลงได้อีก และจะพิจารณาเปิดประตูระบายน้ำพระอินทร์ราชาเพิ่มขึ้น ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยพิจารณาจากระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและระดับน้ำในคลองรังสิต เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนที่อยู่อาศัยทางด้านใต้ของประตูระบายน้ำ และจากมาตรการต่างๆ ที่ดำเนินมา ระดับน้ำในคลองรังสิตปัจจุบันอยู่ที่ 3 ซม. และคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องวันละ 3-4 ซม.
ทุ่งรังสิตด้านใต้ (อ.ลำลูกกา) จะเร่งลดระดับน้ำในคลองหกวาสายล่างให้ต่ำกว่าตลิ่งทางด้านเหนือ (ฝั่งลำลูกกา) ให้ได้ภายในวันที่ 30 พ.ย. โดยเปิดประตูระบายน้ำคลอง 8 คลอง 9 และคลอง 10 ในคลองหกวาสายล่างเพื่อระบายน้ำเข้าสู่พื้นที่ กทม. และเปิดประตูระบายน้ำคลองแสนแสบช่วงมีนบุรี เพื่อรองรับน้ำที่ไหลเข้ามาบางส่วน
นอกจากนี้ กระทรวงทรัพยากรฯ จะนำเครื่องสูบน้ำไปติดตั้งบริเวณลำลูกกาและเริ่มสูบน้ำออกเมื่อระดับน้ำลดต่ำลงกว่าตลิ่ง และขอให้ ผวจ.ปทุมธานี โดยการสนับสนุนของ ศปภ.จังหวัดปทุมธานี เชิญชวนประชาชนซ่อมแซมคันกั้นน้ำเพื่อให้สูบน้ำออกได้
กรณีเมืองเอก เขตดอนเมือง และหลักสี่ กทม. ทาง ศปภ.กรมชลประทานและภาคประชาชน ติดตั้งเครื่องสูบน้ำที่ประตูระบายน้ำคลองเปรมประชากรใต้เพื่อสูบน้ำไปลงคลองรังสิต ทำให้ระดับน้ำที่ประตูคลองเปรมประชากรใต้ลดลงตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย. และ กทม.ซ่อมเครื่องสูบน้ำบริเวณวัดไผ่เขียวและปากคลองตาอูฐ เพื่อเร่งระบายน้ำลงคลองเปรมประชากร รวมถึงติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำในคลองบางเขนเพื่อระบายน้ำลงคลองเปรมประชากร และขอให้ ผวจ.นนทบุรี หารือร่วมกับผู้นำในท้องถิ่น ในการระบายน้ำผ่านคลองบ้านใหม่ และคลองบางตลาดลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา
ฝั่งตะวันตก หลักการแก้ปัญหาให้เป็นระบบจากล่างขึ้นบน จากพื้นที่ กทม. ทุ่งพระพิมล และทุ่งพระยาบันลือ เพื่อสามารถจัดการให้น้ำเข้าสู่ระบบ ซึ่งไม่ได้หมายความว่าน้ำจะแห้ง แต่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้พื้นที่ กทม. สามารถบริหารจัดการได้ทั้งหมดแล้ว และคลองทวีวัฒนาเริ่มเร่งระบายน้ำคลองราชมนตรีและคลองอื่นๆ ทั้งยังเร่งระบายน้ำในคลองชักพระ และพื้นที่คลองพระพิมล คลองมหาสวัสดิ์
สิ่งที่ต้องดำเนินการคือ ปิดปากคลองที่จำเป็น เช่น คลองทวีวัฒนา ในช่วงจังหวะแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงต่ำกว่าตลิ่ง ซึ่งจะดำเนินการโดยหน่วยงานท้องถิ่นและกรมชลประทาน คาดว่าภายใน 7 วันจะสามารถจัดการน้ำได้ จากนั้นจะเปิดประตูระบายน้ำคลองขุนศรีบุรีรักษ์ คลองซอย และคลองควายเพิ่มเป็น 1 ม. ทั้งนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาการเปิดคลองทวีวัฒนา
พื้นที่ทุ่งพระยาบันลือจะปิดปากคลองในแนวเหนือใต้ เช่น คลองลากค้อนในจังหวะที่ระดับน้ำลดลงต่ำกว่าตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ดำเนินการโดยหน่วยงานท้องถิ่นและกรมชลประทาน โดยคาดว่าอาจใช้เวลา 2 สัปดาห์ จะสามารถจัดการน้ำได้ และจะใช้มาตรการ เช่นทางระบายน้ำ หรือ Flood way โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ
พื้นที่ด้านเหนือของ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี จะดำเนินการไล่ขึ้นไปจากด้านใต้ไปด้านเหนือ โดยเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทาง 4 คลอง หลัก คือ คลองบางกรวย คลองอ้อมนนท์ คลองอ้อมเกร็ด คลองพระอุดม ซึ่ง ศปภ.จังหวัดนนทบุรี จะระดมเครื่องสูบน้ำเข้าไปในพื้นที่เพื่อกู้ อ.บางกรวย บางบัวทอง โดยเสริมคันกั้นแล้วสูบน้ำออกไปยังฝั่งตะวันตกแม่น้ำท่าจีน ปัจจุบันนี้สามารถจัดการได้แล้วโดยกรมชลประทานเปิดประตูระบายน้ำลงแม่น้ำท่าจีนได้แล้ว โดยสามารถเปิดได้ 24 ชม. เช่น ประตูระบายน้ำมหาสวัสดิ์ ประตูระบายน้ำพระพิมล ประตูระบายน้ำพระยาบันลือ สามารถจัดการได้อัตราวันละ 70 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 60 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน
พื้นที่ฝั่งธนบุรีเร่งระบายน้ำในคลองมหาสวัสดิ์ลงแม่น้ำเจ้าพระยา โดยใช้เครื่องผลักดันน้ำ 4 เครื่อง โดยเร่งผันน้ำผ่านประตูระบายน้ำฉิมพลี ลงคลองบางกอกน้อย
การดำเนินการในพื้นที่พิเศษ ระบายน้ำในพื้นที่ อ.อ้อมน้อย จ.สมุทรสาคร ผ่านคลองอ้อมน้อยสู่คลองภาษีเจริญ ส่วนการฟื้นฟูอุตสาหกรรมในพื้นที่อ้อมน้อย ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเข้าฟื้นฟูและการป้องกันสวนส้มโอ ที่ ต.ทรงคนอง อ.นครไชยศรี จ.นครปฐม โดยการวางคอนกรีตแบริเออร์พร้อมวางกระสอบทราย ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ขนกระสอบทรายไปไว้ที่วัดทรงคนอง และรอกำลังพลของกองทัพไทยเข้าดำเนินการจัดวางในพื้นที่


