posttoday

ปริศนาเงินพันล้าน ฤาแค่เป่าให้ตกเก้าอี้

19 พฤศจิกายน 2554

กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ไปเสียแล้ว กับคดีอุกอาจของกลุ่มโจรที่เข้าปล้นบ้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม

กลายเป็น “ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์” ไปเสียแล้ว กับคดีอุกอาจของกลุ่มโจรที่เข้าปล้นบ้าน สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม

ที่บ้านเลขที่ 77 ซอยลาดพร้าว 64 แยก 2 ในคืนวันที่ 12 พ.ย. ซึ่งเป็นวันวิวาห์ของลูกสาวคนโตของสุพจน์ นั่นคือ สุทธาวรรณ ทรัพย์ล้อม กับสืบพงษ์ ปราบใหญ่

ทั้งนี้ กลุ่มคนร้ายได้รับสารภาพภายหลังว่าได้ขนเงินสดไปจำนวน 200 ล้านบาท ทั้งๆ ที่ในบ้านมีเงินเป็นพันล้านบาท แต่ขนไปไม่ไหว ขณะที่สุพจน์ ชี้แจงว่า เงินที่ถูกขโมยนั้นเป็นเงินสินสอดจำนวนเล็กน้อย ไม่ได้มากมายขนาดเป็นร้อยเป็นพันล้านบาทตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด

จำนวนเงินที่ออกจากคำสารภาพของโจรที่ตำรวจจับได้นั้น แม้ว่าจะยังไม่ได้ถูกคัดกรองว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ แต่ก็ถูกสื่อกระพือออกไปเหมือนกับไฟลามทุ่งว่ามีเงินสดอยู่อีกเกือบ 1,000 ล้านบาท อยู่ในบ้านพัก สุพจน์ ทั้งๆ ที่ยังไม่มีใครได้เห็นเงินจำนวนดังกล่าว

ปริศนาเงินพันล้าน ฤาแค่เป่าให้ตกเก้าอี้

 

คำสารภาพของ สิงห์ทอง หรือไก่ ใจชมชื่น อายุ 44 ปี และเสาร์แก้ว หรือแก้ว นามวงศ์ อายุ 59 ปี ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา คือที่มาของเรื่องนี้ โดยนายไก่บอกว่า

“เบื้องต้นเงินที่ได้มามีทั้งหมดกว่า 200 ล้านบาท โดย วีระศักดิ์ (หัวหน้าทีม) ได้ให้เงินจำนวน 15 ล้านบาท มาแบ่งกันใช้ไปก่อน ส่วนเงินสดที่เหลือวีระศักดิ์เป็นผู้เก็บไว้ แล้วจะนำมาแบ่งกันภายหลัง โดยตกลงกันว่าเงินที่ได้มาทั้งหมด 50% แบ่งให้ลูกพี่ของวีระศักดิ์ซึ่งเป็นข้าราชการ ส่วน 30% เป็นของวีระศักดิ์ อีก 20% แบ่งพวกตนที่เหลือ ส่วนภายในบ้านที่เกิดเหตุพบเงินสดซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าต่างๆ รวมประมาณ 700-1,000 ล้านบาท ส่วนเหตุที่ผมได้เข้าปล้นครั้งนี้ทราบมาว่าเป็นเงินที่โกงมาจากทางราชการ”

คำสารภาพของนายไก่น่าสังเกตว่าระบุชัดเจนถึงเงินที่เหลืออยู่ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่าจริงหรือไม่ แล้วดูจากอะไรถึงรู้ว่ามีเหลืออีก 700-1,000 ล้านบาท และที่สำคัญมีการบอกด้วยว่าเงินที่มาปล้นคือ “เงินที่โกงมาจากทางราชการ” ถือเป็นคำสารภาพที่สร้างกระแสได้อย่างดีเยี่ยม

ขณะที่ของกลางที่ถูกนำมาแสดงต่อสื่อมวลชนคือเงินสดแค่ 2,822,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท จำนวน 2 เส้น และอุปกรณ์ในการประกอบการโจรกรรมต่างๆ เท่านั้น ซึ่งน้อยนิดเหลือเกินเมื่อเทียบกับเงินที่ถูกขนไปได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 15.30 น. พล.ต.ต.วินัย ทองสอง รรท.ผบช.น. เปิดเผยว่า ขณะนี้ชุดสืบสวนได้จับกุมผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย คือ วนัญกฤต หรือจ่อย จับได้ที่ จ.อุตรดิตถ์ พร้อมเงินสด 9 ล้านบาท บุญสืบ (ไม่ทราบนามสกุล) อยู่ระหว่างควบคุมตัวไว้สอบสวน

เบื้องต้นตำรวจทราบว่าทั้งสองได้ร่วมวางแผนและคอยดูต้นทาง ซึ่งเชื่อได้ว่าทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปนั้นน่าจะมีมาก เนื่องจากภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุเห็นคนร้ายได้หิ้วกระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกไป ซึ่งสอดคล้องกับคำรับสารภาพของผู้ต้องหาที่จับกุมได้ก่อนหน้านี้

ส่วนความคืบหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องการข้อมูลเรื่องเส้นทางการเงินนั้น พล.ต.ต.วินัย บอกว่า ได้รับการประสานมาทางโทรศัพท์เพื่อขอข้อมูลเพื่อนำไปตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเรื่องเป็นลายลักษณ์อักษร ก็เลยยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้

เรื่องนี้คงต้องรอดูต่อไปว่าตำรวจที่รับผิดชอบคดีนี้จะสามารถสรุปคดีนี้ได้เมื่อไหร่

และเมื่อถึงเวลานั้นเราคงจะได้รู้ความจริงกันเสียทีว่า โจรปล้นครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่

แต่ขณะนี้รู้แล้วว่า ไม่ว่าเงิน 700-1,000 ล้านบาท จะมีจริงหรือไม่ แต่ สุพจน์ ทรัพย์ล้อม ก็ถูกคำสั่งให้ไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว นั่นยิ่งทำให้คำพูดของ สุพจน์ ที่ว่า “ผมถูกดิสเครดิต” นั้นมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น!!

 

ข่าวล่าสุด

ประเสริฐยันจบด้วยดี “ไชยา” ลาเพื่อไทยเหตุจำเป็นการเมือง