กองทุนอินฟราสตรัคเจอร์

ในที่สุดคณะรัฐมนตรีก็ไฟเขียวมาตรการภาษีจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์)

โดย...ทีมข่าวการเงิน

ในที่สุดคณะรัฐมนตรีก็ไฟเขียวมาตรการภาษีจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์) หลังจากที่มีความพยายามหลายรัฐบาลผลักดันเรื่องนี้ เพื่อลดภาระงบประมาณของรัฐบาลจำนวนมากที่ต้องไปลงทุนสาธารณูปโภคต่างๆ ของประเทศ

ความจริงแล้วกองทุนนี้เริ่มมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 1 มีการผุดไอเดีย อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า และต่อมาสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 ก็ไม่มีการสานต่อ ทั้งที่เป็นรัฐบาลที่มีการเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

มาถึงรัฐบาลประชาธิปัตย์ ที่มี กรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ก็ได้พยายามเข็นการตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ อีกครั้ง แต่ในช่วง 2 ปี ก็สามารถสานต่อได้ครึ่งทาง ให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ที่ดูแลการจัดตั้งกองทุน คลอดเงื่อนไขการจัดตั้งกองทุนมาหลายครา

แต่ไม่สามารถผลักดันมาตรการภาษีได้ทัน ก็มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลเสียก่อน

จนมาถึงรัฐบาลปัจจุบัน จึงสามารถคลอดมาตรการภาษี ทำให้การตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ ครบถ้วนกระบวนความเสียที

อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ จะเป็นประโยชน์ต่อการระดมทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งระบบขนส่งทางราง ไฟฟ้า ประปา ถนนหรือทางพิเศษ ทางสัมปทาน ท่าอากาศยาน ท่าเรือน้ำลึก โทรคมนาคม และพลังงานทางเลือกในการผลิตไฟฟ้า

 โครงการต่างๆ ก็จะสามารถระดมเงินจากสถาบันการเงินและประชาชน เป็นการลดภาระงบประมาณระยะยาว เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเป็นการพัฒนาตลาดทุนได้อีกด้วย

จะเห็นว่าการตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ เป็นประโยชน์กับประเทศอย่างมาก โดยแต่ละปีการลงทุนของรัฐวิสาหกิจปีละไม่ต่ำกว่า 3 แสนล้านบาท

หากนับรวมตลอด 10 ปี ที่พยายามจัดตั้งกองทุน มีเงินรัฐวิสาหกิจลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานไม่ต่ำกว่า 3 ล้านล้านบาท หากมีการเข็นการตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ มา จะช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณของประเทศได้มากลองบวกลบคูณหารกันดูว่า หาก 10 ปี ที่ผ่านมา สามารถระดมทุนผ่าน อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ ได้ 10% ก็ลดเงินงบประมาณได้ 3 แสนล้านบาท หากระดมได้ 50% ก็ลดภาระเงินงบประมาณไปได้ถึง 1.5 ล้านล้านบาท

จะว่าไปแล้วการจัดตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ ก็ไม่ได้ยากเย็นแสนเข็ญ ผ่านความเห็นชอบจาก ก.ล.ต. ซึ่งหลักเกณฑ์ก็ไม่ได้ต่างกับการจัดตั้งกองทุนทั่วไปในตลาดทุน โดยกำหนดการตั้งกองทุนต้องไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท

หรืออย่างมาตรการภาษีที่รัฐบาลเพิ่มออก ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ให้มีการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ อากรแสตมป์ และค่าธรรมเนียมการโอนสินทรัพย์ 2% เหลือ 0.01% ค่าจดจำนอง 1% เหลือ 0.01% ค่าจดทะเบียนการเช่า 1% เหลือ 0.01% ที่ต้องทำกับกองทุน อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์

นอกจากนี้ ให้มีการเว้นเงินภาษีผู้ซื้อหน่วยลงทุนและได้เงินปันผลและกำไรเป็นเวลา 10 ปี ตั้งแต่ตั้งกองทุน

เมื่อพิจารณาแล้วเห็นว่า หากรัฐบาลมีความจริงใจในการผลักดันการจัดตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ อย่างจริงจัง น่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

ดังนั้น การที่ อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ จัดตั้งล่าช้าออกไป ทำให้ประเทศเสียประโยชน์จำนวนมาก หากใช้ตัวเลขของรัฐบาลปัจจุบันที่ดีดลูกคิดออกมาว่า การลดภาษีการตั้งกองทุนทำให้รัฐเสียเงินภาษีปีละ 1,200 ล้านบาท แต่รัฐบาลจะประหยัดดอกเบี้ยเงินกู้ได้ถึง 2,700 ล้านบาท

คิดแล้ว ก็ยังกำไรประหยัดงบดอกเบี้ยได้ปีละ 1,500 ล้านบาท

ที่สำคัญตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ไทยมีการก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่จำนวนมาก ไม่ว่า จะเป็นการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท โครงการรถไฟฟ้าหลายสายรวมกันไม่ต่ำกว่าอีก 1 แสนล้านบาท หากสามารถทำผ่าน อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ จะสามารถประหยัดเงินประเทศได้จำนวนมหาศาล

เงินที่ประหยัดได้หลายแสนล้านบาท หากคิดในการพัฒนาประเทศ นำไปพัฒนาด้านอื่นเพื่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สาธารณสุข จะทำให้ประเทศมีสวัสดิการที่มั่นคงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันมาก

ต้องถือว่า การเดินหน้าตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ ของรัฐบาลที่ล่าช้าแบบไม่ควรล่าช้า ทำให้ประเทศเสียผลประโยชน์เป็นตัวเงินจำนวนมหาศาล ยังไม่รวมการเสียโอกาสด้านอื่นๆ ที่จะนำเงินงบประมาณที่ประหยัดได้ไปดำเนินการแทน

แต่อย่างว่า ในภาคการเมืองของไทยนั้น กองทุนอินฟราสตรัคเจอร์เปรียบเสมือนภัยคุกคามต่อฝ่ายการเมือง เพราะหมายถึง ค่าหัวคิวที่เคยได้หายไปมหาศาล

ตอนนี้การตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ เกิดขึ้นในทางปฏิบัติอย่างจริงจัง

มีโครงการที่ต่อแถวรอจัดตั้ง อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ มีรัฐวิสาหกิจเพียง 3-4 แห่งเท่านั้นที่พร้อมดำเนินการ คือ การประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย รอคิวจัดตั้งอยู่

และยิ่งสถานการณ์น้ำท่วมที่ต้องมีการลงทุนฟื้นฟูประเทศเป็นเงิน 8-9 แสนล้านบาท ก็ถือว่า อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ เป็นจิ๊กซอว์ที่สำคัญของการระดมทุนประเทศไทย เพื่อลดภาระงบประมาณ ที่สำคัญลดการกู้เงิน

หากรัฐบาลมี อินฟราสตรัคเจอร์ ฟันด์ แต่เมินไม่ใช้ และยังใช้วิธีเก่าเป็นภาระงบประมาณ หรือออกกฎหมายพิเศษใช้เงินเพื่อดำเนินโครงการ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ รัฐบาลก็จะหนีไม่พ้นตกเป็นจำเลยสังคมจี้ใจดำอยู่ตลอดเวลาว่า มีของดี แต่ไม่รู้จักใช้ ก็ต้องชี้แจงให้กระจ่างว่า ทำไมประเทศยังต้องจ่ายแพงอยู่อีกต่อไป