ปล่อยกู้พม่า พาเครือชินฯรวย
พ้นจากคดีที่ดินรัชดาฯ-โอนหุ้นโดนเสน่หาฯให้กับบุตรชาย บุตรสาวไปยังมี “บ่วงกรรมของทักษิณ”ในเรื่องคดี “เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ย 3%”ซึ่งศาลพิจารณาคดีนัดแรกในวันที่ 16 ก.ย.
พ้นจากคดีที่ดินรัชดาฯ-โอนหุ้นโดนเสน่หาฯให้กับบุตรชาย บุตรสาวไปยังมี “บ่วงกรรมของทักษิณ”ในเรื่องคดี “เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาทในอัตราดอกเบี้ย 3%”ซึ่งศาลพิจารณาคดีนัดแรกในวันที่ 16 ก.ย.
คดีนี้แม้หลายคนจะมองว่าเป็นเรื่องนโยบายการเมือง แต่เนื้อแท้ของผลการสอบสวนและการเบิกปากพยานกลับพบว่า มีการใช้นโยบายการเมืองเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจที่เกี่ยวพันกับ อดีตนายกทักษิณจนดิ้นไม่หลุด
ข้อมูลที่ นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรมว.ต่างประเทศ ให้ข้อมูลต่อ คตส. ระบุว่า ได้เคยชี้แจงกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของพม่าว่า “ไม่สมควรจะมีความร่วมมือด้านโทรคมนาคมเป็นการเฉพาะกับประเทศไทย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไทยเป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดภายในประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ข้อครหาว่ามีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง”
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ กลับให้ความช่วยเหลือในโครงการพัฒนาด้านโทรคมนาคมแก่รัฐบาลพม่า โดยสั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้แก่รัฐบาลพม่า พร้อมทั้งเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อจัดซื้อจัดหาและพัฒนาระบบโทรคมนาคมจากบริษัทเครือชินคอร์ป จาก 3,000 ล้านบาทเป็น 5,000 ล้านบาท
แต่เมื่อนายสุรเกียรติ์ ได้นำเรื่องหารือ พ.ต.ท.ทักษิณ จึงได้สั่งการด้วยวาจาให้พบกันครึ่งทาง โดยให้พม่ากู้ 4,000 ล้านบาท
หนังสือตอบรัฐบาลพม่าที่อ้างถึงคำสั่งของนายกรัฐมนตรีทักษิณ ว่า “นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เพิ่มวงเงินจาก 3,000 บาท เป็น 4,000 ล้านบาท และพร้อมจะให้การอุดหนุนอัตราดอกเบี้ยบางส่วนที่พม่าต้องจ่ายตามข้อเสนอของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าฯ” คือหลักฐานชั้นดีที่จะมัดพ.ต.ท.ทักษิณให้จนมุม
หลังการเพิ่มวงเงินกู้จาก 3,000 ล้านบาท เป็น 4,000 ล้านบาท กระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติพม่า ก็ได้มีหนังสือขอกู้เพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคมรวม 3 โครงการ เป็นเงิน 24.05 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 962 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการ ระบุว่าผู้ขายสินค้าและบริการ คือ บริษัท ชินแซทเทลไลท์
และผลขอการสนับสนุนครั้งนี้ทำให้รัฐบาลไทยต้องควักงบประมาณสนับสนุนเพื่อชดเชยดอกเบี้ยกว่า 670 ล้านบาท