วิ่งราว ปัญหาเล็กๆแต่ผลใหญ่หลวงนัก
เมืองหลวงอย่าง กทม. มีคนอยู่มากมายร้อยพ่อพันแม่มาอาศัยอยู่ร่วมกัน
เมืองหลวงอย่าง กทม. มีคนอยู่มากมายร้อยพ่อพันแม่มาอาศัยอยู่ร่วมกัน
โดย..กันติพิชญ์ ใจบุญ
ต่างคนต่างนิสัยและต่างสันดาน อาชญากรรมในพื้นที่ก็มีมากเป็นเงาตามจำนวนประชากรเช่นกัน
การวิ่งราวทรัพย์เป็นปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นแทบทุกพื้นที่ เพราะลงทุนน้อย แค่ใช้กำลังและความกล้านิดหน่อย แต่ผลที่ได้คุ้มค่ากับความเสี่ยงถ้าไม่ถูกจับได้ หรือถูกรุมสหบาทาเสียก่อน
วิ่งราวทรัพย์เดิมเหล่ามิจฉาชีพมักจะก่อเหตุในยามวิกาล ในตรอกซอกซอยเปลี่ยวลับหูลับตาผู้คน แต่ในปัจจุบันข้าวยากหมากแพง ยิ่งมามีปัญหาน้ำท่วม เหล่ามิจฉาชีพไม่เลือกเวลาและสถานที่กันแล้ว เจอเหยื่อที่หมายปองเมื่อไหร่ จะอาศัยจังหวะลงมือก่อเหตุทันที
มีตัวอย่างคดีที่ฮือฮาอยู่ไม่น้อย ก็ในพื้นที่ บก.น.9 ที่ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตราผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 รับผิดชอบอยู่ ตำรวจ สน.ท่าข้าม พื้นที่เล็กๆ ไปรวบ“นายอ้วน” หรือวินัย สมัยกลาง ในวัยหนุ่มฉกรรจ์ 28 ปี ที่ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์โดยใช้รถจักรยานยนต์ก่อเหตุ
อาจจะดูเหมือนว่าเป็นคดีบ้านๆ เกิดขึ้นทั่วไป แต่ “นายอ้วน” คนนี้ ก่อเหตุกับผู้เสียหายมากว่า 100 รายแล้ว ตำรวจต้องผงะกับของกลางมากมายก่ายกองดังภูเขา เมื่อนำตัวนายอ้วนเข้าไปค้นห้องพักในซอยทุ่งครุ 46 และมีเจ้าทุกข์มาชี้ตัวพร้อมกับตรวจสอบดูทรัพย์สินจำนวนหลายสิบคน
แต่ประเด็นอยู่ที่พฤติกรรมการก่อเหตุของคนร้ายที่ใช้ความ “ตกใจ” ของเหยื่อเข้าเล่นงาน นายอ้วนเคยมีอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ปากซอยประชาอุทิศ 81 สวมเสื้อเบอร์ 47 อ้างว่ารายรับไม่พอกับรายจ่าย อาชีพสุจริตไม่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเองและครอบครัวได้เพราะมีลูกน้อยที่ต้องดูแล
เลยเดินเข้าวิถีโจรเลือกเป็นมิจฉาชีพนายอ้วนจะใช้วิธีก่อเหตุด้วยการขับรถจักรยานยนต์คู่ใจจี้ก้นและจี้ท้ายเหยื่อที่เดินอยู่ตามบาทวิถี หรือตามตรอกซอกซอยเปลี่ยวๆ จี้ชนิดที่ดูเหมือนจะพุ่งชน ไม่เพียงแต่ด้านหลังของเหยื่อเท่านั้น ด้านหน้า ด้านข้างนายอ้วนก็ทำ ครั้นเมื่อเหยื่อหรือใครเห็นแบบนี้เข้าก็แน่นอนว่า ใจต้องตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเหยื่อตกใจนายอ้วนก็เข้าไปกระชากกระเป๋าทันที
นายอ้วนยอมรับว่า ก่อนก่อเหตุต้องถอดป้ายทะเบียนรถออก เอาเสื้อวินเก็บไว้ใต้เบาะรถ สวมหมวกนิรภัยปิดบังใบหน้า ออกลาดตระเวนหาเหยื่อโดยไม่เลือกว่าเป็นหญิงหรือชาย ทั้งในพื้นที่ท่าข้าม บางมด ทุ่งครุ และราษฎร์บูรณะ ก่อเหตุมานานนับปีก่อนจะถูกตำรวจจับกุมหลังก่อเหตุล่าสุด ที่บริเวณย่านเลียบทางด่วนท่าข้ามทุ่งครุ
อย่างที่บอกไว้ ถึงแม้จะเป็นคดีบ้านๆ ทั่วไป แต่เรื่องการวิ่งราวทรัพย์และจี้ทรัพย์ในลักษณะข้างต้น ถือเป็นภัยใกล้ตัวประชาชนมาก สามารถเกิดขึ้นกับใครก็ได้ หากไม่ระมัดระวังตัวให้ดีพอ
ฑฤณ เอี่ยมสุวรรณ ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย เหยื่อที่ถูกนายอ้วนชิงกระเป๋าเงินไปตั้งแต่เดือน ก.พ.ต้นปี เธอออกจากบ้านปั่นจักรยานไปซื้อของ โดยนำกระเป๋าเงินใส่ไว้ที่ตะกร้าหน้ารถ ก่อนที่นายอ้วนจะขับรถมอเตอร์ไซค์เข้าประกบแล้วหยิบกระเป๋าเงินไปทันที
กรณีแบบนี้ก็ถือว่าเป็นความประมาท เพราะนำกระเป๋าเงินโชว์ล่อตาล่อใจ เปิดช่องทางให้คนร้ายก่อเหตุได้ ดังนั้นการปิดซ่อนทรัพย์สินไม่ว่าจะเป็นของมีค่ามาก มีค่าน้อย ถือเป็นการปิดทางไม่ให้มิจฉาชีพลงมือก่อเหตุได้ ถือเป็นการตัดไฟแต่ต้นลมนั่นเอง
การวิ่งราวทรัพย์ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นในสังคม แต่จะเป็นเรื่องใหญ่ทันทีหากคนร้ายไม่ได้เอาไปแต่ทรัพย์ แต่เกิดพลาดพลั้งทำเจ้าของทรัพย์ต้องเสียชีวิต ปัญหาเล็กๆ แต่ผลที่เกิดขึ้นจะใหญ่หลวงทันที!!!


