เส้นทางออกจาก กทม.

พื้นที่ปริมณฑลซึ่งถูกน้ำท่วม ทำให้เส้นทางหลักสายต่างๆ ถูกตัดขาด แม้บางเส้นทางจะยังใช้การได้บ้าง

แต่การจราจรที่หนาแน่นรวมทั้งการลำเลียงความช่วยเหลือเข้าสู่พื้นที่ประสบอุทกภัย ก็ทำให้ถนนทุกสายคับคั่งและติดขัดอย่างหนัก

กรมทางหลวง แจ้งว่า การเดินทางขึ้นภาคเหนือไปได้ 2 เส้นทาง

เส้นทางที่ 1 วกลงใต้ใช้ถนนเพชรเกษมหรือบรมราชชนนีมุ่งหน้า จ.นครปฐม ไป อ.กำแพงแสน อ.อู่ทอง เลี้ยวขวามาทาง จ.สุพรรณบุรี ใช้ทางเลี่ยงเมืองสามารถออกถนนสายเอเซียได้ 2 เส้นทาง คือ จากแยกวิเศษชัยชาญไปออก จ.อ่างทอง หรือมุ่งหน้า อ.สามชุก ไปออก อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี จากนั้นใช้สายเอเซียมุ่งหน้าแยก จ.ชัยนาทตากฟ้า เลี้ยวไปทาง อ.ตาคลี ไป อ.ตากฟ้า จากนั้นเลี้ยวซ้ายสามารถเดินทางไปทุกจังหวัดของภาคเหนือ หรือจากถนนสายเอเซียตรงไปข้ามสะพานเดชาติวงศ์ได้ แต่เปิดให้วิ่งสวนกันเพียง 1 ช่อง

เส้นทางที่ 2 เดินทางโดยวงแหวนกาญจนาภิเษกตะวันออกเลี้ยวออกตรง อ.ธัญบุรี อ.บ้านนา แยกหินกองมุ่งหน้าสระบุรีตรงไปทางหลวง (ทล.) หมายเลข 21 เลี้ยวซ้ายที่แยกม่วงค่อม ไป อ.โคกสำโรง ไป อ.ตากฟ้า แล้วใช้ถนนหมายเลข 11 ตรงขึ้นไปได้หลายจังหวัด เช่น จ.พิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง

ส่วนการเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สามารถใช้วงแหวนกาญจนาภิเษกฝั่งตะวันออกลง อ.ธัญบุรี ใช้ถนนรังสิตนครนายก มุ่งหน้า อ.บ้านนา แยกหินกองมุ่งหน้า จ.สระบุรี ได้ปกติ ซึ่งจะเดินทางไปภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ปกติ และเดินทางไปกลับ จ.ลพบุรี เพชรบูรณ์ พิษณุโลก นอกจากนี้สามารถใช้เส้นทาง อ.โคกสำโรง ตากฟ้า ตาคลี เพื่อวนรถเข้าถนนสายเอเซีย เพื่อตรงไป จ.นครสวรรค์ และภาคเหนือได้ (สะพานเดชาติวงศ์เปิดให้บริการ 1 ช่อง) และสามารถย้อนลงมาสายเอเซีย จ.สิงห์บุรี อ่างทอง

กฤษฎา หอมสุด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เปิดเผยว่า จ.ปราจีนบุรี ได้ประสานขอให้เปิดเส้นทางให้กับประชาชนเดินทางไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเป็นการระบายรถจากถนนสาย 304 กบินทร์บุรี–นครราชสีมา มาใช้เส้นทางด่านทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.ปราจีนบุรี ไป อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อนุญาตให้เปิดในช่วงเวลา 06.00–21.00 น. แต่ห้ามรถเกิน 6 ล้อวิ่งผ่าน

ด้านชาติชาย ยุวชิต รักษาการนายสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.นครราชสีมา ระบุว่า หลังสถานการณ์น้ำท่วมผู้โดยสารจาก กทม.มายัง จ.นครราชสีมา เพิ่มขึ้นวันละประมาณ 20% จากวันละ 2,000 คน เพิ่มเป็น 2,700 คน