ตาบอดได้ถ้าไม่ระวัง อุทาหรณ์ยาป้าเช็ง
“ดวงตา” เป็นอวัยวะที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึก และละเอียดอ่อนซับซ้อน เฉพาะ “การลองยา” ที่ไม่มีคุณสมบัติของยาหรือยาที่ไม่ผ่านมาตรฐานรับรอง คุณมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาล
“ดวงตา” เป็นอวัยวะที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึก และละเอียดอ่อนซับซ้อน เฉพาะ “การลองยา” ที่ไม่มีคุณสมบัติของยาหรือยาที่ไม่ผ่านมาตรฐานรับรอง คุณมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาล
โดย...ธนกร บังผล
“มีเงิน 20 ล้านก็ซื้อดวงตาคืนไม่ได้” คำพูดสั้นๆ ของ นายสมชาย เขื่อนศรี เหยื่อยาหยอดตาเจียระไนเพชร ขวดละ 2,000 บาท สูตร “ป้าเช็ง” หรือ นางศรวรรณ ศิริสุนทรินทร์ ตัดพ้อในความไม่รู้ ที่หลงเชื่อไปซื้อยาหยอดตาสูตรป้าเช็งมาหยอด จนลุกลามเลวร้ายถึงขั้นดวงตาข้างซ้ายมองไม่เห็น ต้องให้หมอโรงพยาบาลวชิระควักเอาดวงตาออกโรงพยาบาลราชวิถี ได้รับนายสมชายจากโรงพยาบาลชลบุรีมารักษา เมื่อเดือนพ.ย.2552 ขณะผู้ป่วยขับรถจักรยานยนต์ ไม่รู้ว่ามีอะไรเข้าตาข้างซ้าย มีอาการเคืองตา ปวดตา
แต่ยังสามารถมองเห็น จึงไปพบแพทย์ที่คลินิกทั่วไป แพทย์แนะนำให้ไปพบจักษุแพทย์ จนได้ยามารับประทาน และยาหยอดตามาหยอดประมาณ 5 วัน
หลังจากนั้นเขาตัดสินใจไปซื้อยาจากร้านป้าเช็งมาใช้ จนอาการปวดทุเลาลง แต่ให้หลัง 4-5 วัน เริ่มมีอาการปวดตามากขึ้น ตามัวลง
เรื่อยๆ จึงไปพบแพทย์ในโรงพยาบาลเอกชนใน จ.ชลบุรี แพทย์แจ้งว่าตาข้างซ้ายบอด ผู้ป่วยจึงเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลชลบุรีประมาณ 1 เดือน แพทย์เจาะเอาหนองในตาออก และเอาเยื่อบุตาขาวมาแปะไว้ และติดตามการรักษาเป็นระยะ พร้อมแนะนำให้คนไข้ผ่าตัดเอาลูกตาออก ก่อนจะส่งตัวมารักษาต่อที่โรงพยาบาลวชิระ
ผลการผ่าตัด แพทย์ได้ผ่าตัดเอาลูกตาข้างซ้ายออกแล้วเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ก่อนจะใส่แก้วตาเทียมให้ เพื่อให้ผู้ป่วยอยู่ร่วมกับสังคมได้อย่างปกติ โดยคนไข้หมดโอกาสกลับมามองเห็นได้เหมือนคนปกติอีกครั้ง เนื่องจากแก้วตาด้านซ้ายทะลุ และแก้วตาถูกทำลายไปหมดไม่สามารถรักษาให้ฟื้นคืนสภาพได้อีกถือเป็นกรรมของนายสมชาย เขื่อนศรี ที่ดวงตาข้างซ้ายหมดโอกาสกลับมามองเห็นเหมือนเดิม เขายอมรับว่า ประมาทที่หลงเชื่อคำโฆษณายาหยอดตาเจียระไนเพชรของป้าเช็ง ที่บอกว่ารักษาต้อกระจกได้ แต่เมื่อใช้ยาไประยะหนึ่งตาก็บอด และทำใจไม่ได้ที่จะต้องถูกควักลูกตาออก แต่หวั่นอาการรุนแรงมากกว่านี้ ก็ต้องยอมทำตามแพทย์สั่ง
เขาฝากไปถึงคนทั่วไปว่า อย่าหลงเชื่อคำโฆษณายาใดๆ ที่บุคคลนั้นไม่ได้เป็นแพทย์ เพราะอาจต้องรับเคราะห์กรรมเหมือนกับเขา จึงอยากให้กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุทาหรณ์ ของการหลงเชื่อโฆษณาเกินจริง หากมีปัญหาเรื่องตาควรปรึกษาหรือพบจักษุแพทย์เท่านั้น อย่างไรก็ตาม กรณีของนายสมชายโชคดีกระทรวงสาธารณสุขจะออกค่ารักษาพยาบาลให้ทั้งหมด เพราะถือเป็นกรณีตัวอย่าง ที่ช่วยเตือนสติประชาชนไม่ให้หลงเชื่อ ตกเป็นเหยื่อ โฆษณาชวนเชื่อของผู้ประกอบการ ที่อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง
ที่ผ่านมายาสูตรป้าเช็งถูกแพร่หลายไปในวงกว้าง และลามไปยังต่างจังหวัดอย่างรวดเร็ว เนื่องจากป้าเช็งใช้กลยุทธ์โฆษณาชวนเชื่อ
ผ่านเคเบิลทีวี รายการซุปเปอร์เช็ง จนสามารถเข้าถึงชาวบ้านเหยื่อที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ในหลายจังหวัด มีข้อมูลน่าตกใจ เกือบทั้งหมู่บ้านใน อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ถึงกับหมักน้ำมหาบำบัด ยาอีกสูตรหนึ่งของป้าเช็งมาเก็บไว้ประจำบ้านเลยทีเดียว
มีคำเตือนจากกระทรวงสาธารณสุข ห้ามขายยาหยอดตาเจียระไนเพชรอีกต่อไป เพราะมีผลตรวจทางวิทยาศาสตร์ จากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ยืนยันว่า ยาหยอดตาสูตรป้าเช็ง ไม่มีสรรพคุณทางการรักษา มีค่าความเป็นกรดสูงเกินที่จะใช้หยอดตาได้ และ
ยังสูงเกินที่จะอนุญาตตามกฎหมาย โดยมีค่าพีเอช 3.15
นอกจากนั้น ยังไม่พบตัวยาที่มีผลต่อการรักษาทั้งยาแผนปัจจุบันและยาสมุนไพร ที่สำคัญพบแบคทีเรีย 2 ชนิด ได้แก่ คลอสทริ
เดียม เพอร์ฟรินเจินส์ และบาซิลลัสพูมิลุส (Bacillus pumilus) ส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้องอีกทั้งยังพบเชื้อราปนเปื้อน ซึ่งตามเกณฑ์มาตรฐานของยาหยอดตา ต้องปลอดเชื้อโรค แบคทีเรีย และเชื้อรา 100% ค่าความเป็นกรดด่างที่เหมาะสมต้องมีค่าพีเอช 5.5-7.6 และมีตัวยาที่มีประสิทธิภาพต่อการรักษาและไม่เป็นอันตราย
แม้จะมีคำเตือนออกมาดังๆ แบบนี้ แต่เหล่าสาวกก็ยังแห่แหนกันไปซื้อหามาเก็บไว้ ทั้งที่ความสูญเสียน่าจะเป็นคำเตือนทำให้คนกลัวได้ดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาสังคมไทยมีการหลอกลวงเช่นนี้มากมาย แต่คนก็ยังไม่หลาบจำเสียที แล้วใครจะเป็นเหยื่อรายต่อไป !!!!
กางตำราหยอดตาถูกวิธี
พญ.พนิดา โกสียรักษ์วงศ์ จักษุแพทย์ แนะนำว่า เชื้ออะแคนทะมีบา เป็นสาเหตุสำคัญของกระจกตาอักเสบ หากติดเชื้อจะทำให้ปวด
ตามาก สู้แสงไม่ได้ กระจกตาขุ่น ฝ้า เกิดแผลอักเสบที่กระจกตา การรักษาต้องให้จักษุแพทย์ตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด ก่อนใช้ยาฆ่าเชื้อหยอดตาที่แพทย์จัดให้ โดยต้องหยอดตาบ่อยๆ เป็นเวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี พร้อมเฝ้าติดตามดูอาการอย่างต่อเนื่อง
บางคนดวงตาไม่ตอบสนองต่อยาหยอดตา เชื้ออาจลุกลามไปทั่วกระจกตา มีอาการอักเสบมาก จักษุแพทย์จะทำการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาให้ แต่ก็สามารถกลับมามีเชื้อชนิดนี้ได้อีกเนื่องจากนำกระจกตาส่วนที่มีรอยโรคออก แต่ส่วนที่ดูว่าใสยังอาจมีเชื้ออยู่ ผู้เสี่ยงจะเจออาการลักษณะนี้มักพบในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ เพราะมีโอกาสที่เชื้อจะเข้าสู่ดวงตาได้ง่ายมาก
นอกจากนี้ มีข้อมูลระบุว่า การซื้อยามาหยอดตาตามโฆษณาทางโทรทัศน์หรือทางวิทยุเป็นเรื่องที่มีความเสี่ยง การจะใช้ยาหยอดตา
หรือป้ายตา จึงควรระวังเพราะโรคตาแต่ละโรคไม่เหมือนกัน โดยแนะนำวิธีรักษาที่ถูกต้องดังนี้
1.ถ้ามีอาการระคายเคืองเหมือนมีฝุ่น ผง ให้ล้างตาได้ด้วยน้ำยาบอริก 3% ขององค์การเภสัชกรรมที่มีประจำบ้าน ถ้าไม่หายควรไปให้
แพทย์ตรวจดู ห้ามขยี้เด็ดขาด
2.ถ้ามีอาการตาแดง น้ำตาไหล คันตา ให้เช็ดตาด้วยน้ำอุ่นหรือน้ำยาบอริก 3% จนขี้ตาหมดแล้วหยอดตาด้วยแอลลูซิด 10% ซึ่งเป็น
ยาพวกซัลฟา ยาสามัญประจำบ้าน หยอดบ่อยๆ วันละ 4-5 ครั้ง ประมาณ 3-4 วัน นอกจากแอลลูซิด 10% แล้วอาจจะใช้ยาปฏิชีวนะ
ชนิดอื่น เช่น เทอร์รามัยซิน (Terramycin) เพนิซิลลินป้ายตา ป้ายวันละ 3 ครั้ง หรืออาจเป็นคลอแรมฟินิคอลหยอดตา หยอดวันละ 4-5 ครั้ง ติดต่อกัน 4-5 วัน เช่นเดียวกับแอลลูซิด 10% ก็ได้
3.ถ้ามีอาการตาแดง ระคายเคือง น้ำตาไหล ไม่มีขี้ตา ออกแดดปวดมาก ควรรีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว ท่านอาจจะเป็นม่านตาอักเสบแบบเฉียบพลันได้ ต้องใช้ยาเฉพาะโรคมิฉะนั้นตาอาจบอด
4.ถ้ามีอาการตาแดง น้ำตาไหล ตามัว มองเห็นดวงไฟมีลักษณะเหมือนรุ้งกินน้ำ ปวดลูกตามาก รับประทานยาแก้ปวดก็ไม่ทุเลา ท่านอาจจะเป็นต้อหินชนิดมุมปิดแบบเฉียบพลันได้ ให้รีบไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว
5.ถ้ามีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา นับตั้งแต่ฝุ่นละออง ผง เศษดินหรือใบไม้ เศษแกลบ เศษเหล็กเข้าตา มีอาการระคายเคือง ตาแดง น้ำตาไหล ให้ล้างตาด้วยบอริก 3% ก่อน แล้วป้ายตาด้วยเทอร์รามัยซินป้ายตา (หรือออคคิวเล้น-ที่ ป้ายตา) หรือเพนิซิลลินป้ายตา ป้ายตาข้างนั้น แล้วปิดตาไว้ก่อน ค่อยไปปรึกษาแพทย์
6.ถ้ามีอุบัติเหตุที่ตา เป็นต้นว่า ถูกกระแทกอย่างแรง ถูกตบ ตี โดนของมีคม รถคว่ำ หกล้มกระแทกพื้น แง่หรือเหลี่ยมโต๊ะ ตาเขียวช้ำเป็นจ้ำ ขอแนะนำให้ป้ายตาหรือออคคิวเล้น-ที ป้ายตา หรือเพนิซิลลินป้ายตา ป้ายตาข้างนั้นไว้ก่อนปิดตา แล้วค่อยไปปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจดูบาดแผลแตกต่อไป
7.ประเภทสุดท้ายที่พึงควรสังวร คือ ยาหยอดตาหรือยาป้ายตา ไม่ว่าชนิดใด แม้จะเป็นยาสามัญประจำบ้าน ควรตรวจดูให้แน่ทุกครั้งก่อนใช้ว่าหมดอายุหรือยัง เพราะยาพวกปฏิชีวนะ หรือยาบางอย่างจะมีฉลากยาปิดไว้ด้านข้างขวดว่า ยาหมดอายุการใช้งานเดือนไหน ปีไหน
“ดวงตา” เป็นอวัยวะที่ค่อนข้างไวต่อความรู้สึก และละเอียดอ่อนซับซ้อน เฉพาะ “การลองยา” ที่ไม่มีคุณสมบัติของยาหรือยาที่ไม่ผ่านมาตรฐานรับรอง คุณมีโอกาสสูญเสียการมองเห็นไปตลอดกาล ดังนั้นอย่าเสี่ยงเด็ดขาด...


