posttoday

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

29 สิงหาคม 2554

เปิดกระทรวงดูบรรดารัฐมนตรีปรับปรุงห้องทำงานเปลี่ยนฮวงจุ้ยเสริมดวง เสริมสร้างพลังใจก่อนเข้าทำงาน

เปิดกระทรวงดูบรรดารัฐมนตรีปรับปรุงห้องทำงานเปลี่ยนฮวงจุ้ยเสริมดวง เสริมสร้างพลังใจก่อนเข้าทำงาน  

โดย...ทีมข่าวการเมือง

สะเทือนไปถึงหลังคาวังจันทรเกษม  เมื่อ วรวัจน์  เอื้ออภิญญากุล รมว.ศึกษาธิการคนใหม่ มีนโยบายทำได้ทันทีชนิดที่หลายคนตื่นตะลึงนึกว่านโยบายแจกแทบเล็ตเด็กนักเรียนประถมศึกษาตามที่หาเสียงคลอดออกมาแล้ว หรือไม่ก็คงประกาศแผนปฏิรูปการศึกษาพลิกโฉมหน้าระบบการศึกษาชาติครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์  

แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่!!!

เพราะคำสั่งที่มาแรงแซงนโยบายการศึกษา กลับกลายเป็นให้ความสำคัญปรับปรุงห้องทำงานรัฐมนตรีจนถูกฝ่ายค้านหยิบยกเป็นประเด็นนำไปอภิปรายในช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา

 

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

ห้องทำงานดังกล่าวอยู่บริเวณชั้น 2 เป็นอาคารเชื่อมต่ออาคารราชวัลลภ  ภายในวังจันทรเกษม ซึ่งมีการขึ้นทะเบียนโบราณสถาน  แต่เมื่อวรวัจน์เข้ามาก็สั่งรื้อไม่เหลือเค้าโครงเดิม โดยอ้างว่าอาคารดังกล่าวทรุดโทรมมาก หลังคารั่ว  ฝนตกน้ำซึม มีกลิ่นอับ จำเป็นต้องทำการซ่อมแซม    แต่ไม่วายที่จะถูกท้วงติงถึงความไม่เหมาะสม และสิ้นเปลือง ถึงกับประเมินกันว่าน่าใช้งบ 2-3 ล้านบาททำการซ่อมแซม  แต่วรวัจน์อ้างว่าควักเงินในกระเป๋าตัวเองแค่หลักแสนบาทเท่านั้น 

น่าสนใจว่าการปรับปรุงห้องทำงานหนนี้ถือเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี  เนื่องจากสมัยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ดำรงตำแหน่งรมว.ศธ.ทำการเปลี่ยนพรมทางเดินและวอลเปเปอร์ภายในห้องทำงาน เท่านั้น ขณะที่ยุคของนายชินวรณ์  บุณยเกียรติ อดีต รมว.ศธ.เข้ามาทำงานก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนใด ๆ เนื่องจากสภาพห้องยังดีอยู่ แต่สำหรับรมต.วรวัจน์กลับปรับปรุงใหม่ไม่ว่าจะเป็น ผนัง พรหม พื้นห้อง และฝ้าทั้งหมด 

ความมุ่งมั่นใฝ่ศึกษาหาวิธีทำห้องทำงานใหม่ของรัฐมนตรีวรวัจน์   ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นี้แต่ยังเดินหน้าที่จะปรับปรุงห้องชั้นล่างใต้ห้องทำงานนายวรวัจน์ ซึ่งอยู่หลังองค์พระจำประกระทรวงอีกด้วย   โดยจะใช้เป็นที่นั่งทำงานของทีมงานส่วนตัว และที่ปรึกษา เลขานุการ

“โดยส่วนตัว ผมไม่เชื่อเรื่อง ฮวงจุ้ย ไม่ได้ชอบสีอะไรเป็นพิเศษนอกจากสีที่กลมกลืนกับสีเดิมๆ ที่มีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องรายละเอียดการปรับปรุงห้องให้ถามที่ปลัดกระทรวงได้” วรวัจน์ระบุ

ทุกครั้งของการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงใด  รมต.และผู้เกี่ยวข้อง มักจะพิถีพิถันต่อการปรับปรุงห้องทำงาน  บ้างนิมนต์พระสงฆ์ปะพรมน้ำมนต์ อัญเชิญพระพุทธรูปขึ้นหิ้งบูชา  บ้างนำชินแสเข้ามาปรับภูมิทัศน์ จัดวางโต๊ะทำงานอุปกรณ์ต่างๆให้ถูกทิศถูกทาง หรือแม้แต่ยึดถือฤกษ์ผานาที กำหนดวันเวลาเข้าทำงาน

เพราะเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย เชื่อว่าทำแล้วเสริมดวงเป็นสิริมงคล เชื่อว่าต้องการปัดเป่าอาถรรพ์ผีสางนางไม้  บางรายจึงยึดพิธีกรรมทำเต็มรูปแบบ บางรายแค่ทำพอเป็นพิธี  อยู่ที่แต่ละคนจะเชื่อแบบพอดีหรือเชื่อแบบงมงาย

ข่าวคราวของการเนรมิตห้องทำงาน รวมถึงปรับภูมิทัศน์ จึงแฝงเร้นหลายอย่าง ทั้งต้องการอำนวยความสะดวกสบาย ให้กับตัวเอง บ้างต้องการแสดงให้เห็นถึงศักดิ์ศรีบารมี   ขณะเดียวกันก็เป็นการเสริมสร้างพลังใจจะเจริญก้าวหน้าอยู่รอดปลอดภัย   ซึ่งไม่ใช่กรณีของนายวรวัจน์ เท่านั้น  แต่มีให้เห็นอย่างดาษดื่น เพียงแต่นายวรวัจน์ดันออกตัวแรงกว่าใครเพื่อน

 

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

ไม่ไกล้ไม่ไกลมองมาที่ทำเนียบรัฐบาล ศูนย์กลางอำนาจรัฐ ในยุคที่ นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเผชิญสารพันปัญหารุมเร้ามีการติดต่อชินแสมาปรับปรุงภูมิทัศน์  ไม่ว่าจะเป็นการนำรูปปั้นพระสังกัจจายน์ไปวางไว้บนยอดตึกไทยคู่ฟ้า ตั้งเสาธงสีทองยอดเสาทำเป็นรูปกรวยสีเขียว  ปลูกปาล์ม วางกระถางต้นสน 6 กระถางขวางสนามหญ้า   หรือผนึกไม้บรรทัดเหล็กตามขอบบนประตูทางเข้าตึกไทยคู่ฟ้า ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยเชื่อว่าต้องการวางค่ายกลดูดพลังแห่งเทพขับไล่มารร้าย

ย้อนกลับไปยุครัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี  สั่งปรับปรุงถนนทางขึ้นตึกไทยฯ นำต้นข่อยทรงพุ่มปลูกเป็นแนวตามทางขึ้นในความหมายต้องการป้องกันศัตรูอันตรายจากภายนอก  แต่บางฝ่ายอดแซวไม่ได้ เนื่องจากใบข่อยไม่ถูกโฉลกกับรัฐบาลปลาไหลใส่สะเก็ตเพราะสามารถนำมาขับเมือกปลาไหลได้

ยิ่งในยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปรับปรุงภูมิทัศน์ครั้งใหญ่ ตอนนั้นให้เหตุผลเพื่อเตรียมต้อนรับผู้นำชาติสมาชิกเอเปค  แต่หนีไมพ้นถูกวิจารณ์ต้องการเสริมดวงบารมีนายกฯ  ทุ่มงบหลายร้อยล้านบาท ซ่อมแซมตึกไทยคู่ฟ้า ตึกสันติไมตรี รื้อนำพุใจกลางตึกสันติไมตรีออกไป  รอบนอกอาคารนำพันธุ์ไม้ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชื่นชอบมาปลูก

อึ้งกว่านั้นสั่งทุบกำแพงคอนกรีตรอบทำเนียบสร้างกำแพงเหล็กดัดโปร่งใส พร้อมติดตั้งเครื่องทำนำพุในคลองผดุงกรุงเกษม ตามหลักฮวงจุ้ยหวังดูดพลังงานภายนอกเข้ามายังผู้มีอำนาจที่อยู่ภายใน

มาถึง  ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน เป็นคนธาตุไฟเหมือนกับอดีตนายกฯพ.ต.ท.ทักษิณ วิธีปรับภูมิทัศน์ตามหลักฮวงจุ้ยจึงไม่ค่อยแตกต่าง ซึ่งก็มีทีมงานชุดเดิมของพ.ต.ท.ทักษิณ ผู้เป็นพี่ชายคอยให้คำแนะนำปรับปรุงสถานที่ ห้องทำงาน      

 

ก่อนหน้านี้ผู้บริหารระดับสูงสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์ ทำเนียบฯยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรมากมาย  แต่ไม่อาจมองข้ามได้ เพราะด้วยความเป็นสุภาพสตรีแตกต่างกับเพศบุรุษจึงต้องมีรายละเอียดมากกว่าผู้ชาย  

ที่แน่ๆ มีการจัดห้องแต่งตัวสำหรับผู้หญิงเป็นการเฉพาะไว้บนตึกไทยฯ พรมที่ใช้ในห้องทำงานเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งหมด  และปรับทิศทางโต๊ะทำงาน หันไปทางทิศเหนือ จากเดิมที่อดีตนายกฯอภิสิทธิ์  หันไปทางทิศตะวันออก และเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด  เน้นสีเอิร์ธโทน และสีชมพู เหมือนที่เคยทำงานที่อาคารชินวัตร 3  รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารให้ทันสมัยมากขึ้น

อีกทั้งวันที่นายกฯยิ่งลักษณ์มากราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในทำเนียบ เลือกใช้สีแดงประกอบพิธี ทั้งธูปเทียน  ด้านบริเวณทางขึ้นบันไดชั้น 2 ตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งมีตุ๊กตาเชิงเทียนสำริดตั้งอยู่ 2 ข้าง ได้มีการนำเทียนสีแดงสด 9 เล่มมาประดับ จากเดิมรัฐบาลชุดที่แล้วใช้เทียนสีขาว 

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

ซินแซช้าง-ทศพร ศรีตุลา ให้ความเห็นว่า แน่นอนสีกับฮวงจุ้ยมีส่วนสัมพันธ์กันตามศาสตร์ความเชื่อของคนจีน เพราะสีแดงเป็นสีของธาตุไฟ เป็นสีของดวงอาทิตย์ บ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ แต่ก็ต้องใช้อย่างพอดีๆถ้ามากเกินไป จะเหมือนไฟเผาทำให้ร้อนรุ่ม หงุดหงิด ไม่เหมาะการใช้ในห้องทำงานของคนทั่วไป  ยกเว้นว่าที่นั่นเป็นศาลเจ้าก็ โอเค  แต่บ้านหรือที่ทำงานของคนทั่วไปถ้าใช้สีนี้เยอะไปจะร้อนรนใจอยู่ได้ไม่นาน

ชัชวาล เผ่าสวัสดิ์ หมอดูนักกฎหมาย กล่าวว่า การให้ความสำคัญกับสีแดงนั้นเป็นเพราะเป็นสีของความผูกพัน เนื่องจากพรรคเพื่อไทยใช้สีพรรคเป็นสีแดง ตอนเลือกตั้งได้เบอร์ 1 คือดาวอาทิตย์ก็สีแดงอีก  ชนะเลือกตั้งก็เพราะคนเสื้อแดง การเลือกใช้สีนี้เพราะคิดว่าเป็นสีเฮงของเขา และเพื่อเป็นการขอบคุณคนเสื้อแดงอีกทางหนึ่งก็ได้ เรียกว่าเป็นผลทางจิตใจ จิตวิทยา แต่คงไม่มีผลกับการทำงานที่จะช่วยให้อายุรัฐบาลยาวนานขึ้นหรืออยู่ครบ 8 ปี เป็นไปไม่ได้แน่นอน

หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ ให้ความเห็นได้ดุเดือดว่า การใช้สีแดงก็แค่เป็นผลทางจิตวิทยาเท่านั้นเอง ไม่มีผลกับการทำงาน ระวังไว้ไม่เกินสิ้นปีนี้ เตรียมรับปัญหาหนัก  และฝากเตือนรัฐบาลเมื่อใดที่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญไปใช้ฉบับปี 2540 จะเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดสงครามประชาชนอย่างแน่นอน และเมื่อนั้นก็จะมีการปฏิวัติ

“เข้าปีใหม่ไปแล้วปัญหาในพรรคจะมากขึ้น พรรคจะแตกเป็นเสี่ยงๆเพราะหลายก๊กหลายพวก แถมดวงเมืองก็ไม่เป็นใจอะไรๆก็เละไปหมด ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ภัยธรรมชาติ เรียกว่าโจ๊กยังเรียกพี่ เป็นรัฐบาล “ปูขาเก” ไปเลย  สรุปว่านายกหญิงคนนี้ มาสวย แต่ไปไม่สวยแน่นอน” 

ขณะที่หลายรายทุ่มทุนเนรมิตห้องเก่าเป็นห้องใหม่  แต่สำหรับบางรายไม่ต้องปรับปรุงแต่ไปประเดิมห้องทำงานใหม่เอี่ยม อย่าง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก  รมว.ยุติธรรม  ซึ่งเจ้าหน้าที่จัดเตรียมห้องรมต.บริเวณชั้น 9 ที่ศูนย์ราชการ อาคารเอ   ถือเป็นรัฐมนตรีรายแรกที่ได้ประเดิมห้องทำงานใหม่ เพราะรมว.ยุติธรรมที่ผ่านมาใช้ห้องทำงานที่ตึกซอฟต์แวร์ ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ  ถึงกระนั้นได้เชิญนายคฑา ชินบัญชร หมอดูฮวงจุ้ย มาปรับฮวงจุ้ยภายในห้องทำงาน

เช่นเดียวกับนายพิชัย นริพธะพันธ์ รมว.พลังงาน   ภายในห้องทำงานไม่ได้มีการปรับแต่งอะไรเป็นพิเศษ เนื่องจากกระทรวงพลังงานเพิ่งจะย้ายเข้ามาประจำที่ตึกเอ็นเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์ ตั้งอยู่ในบริเวณของสำนักงานใหญ่บริษัทปตท.เมื่อเดือนม.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น ห้องทำงานรัฐมนตรี และผู้บริหาร คงเป็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทั้งหมด

 

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

วงการชินแสต่างคึกคัก   แม้แต่กระทรวงสาธารณสุขซึ่งน่าจะออกไปทางหลักวิทยาศาสตร์แต่สำหรับเจ้ากระทรวงแล้วยึดหลักฮวงจุ้ยอย่างเคร่งครัด  ตั้งแต่วันแรกเข้ากระทรวง วิทยา  บุรณศิริ รมว.สาธารณสุขและต่อพงศ์ ไชยสาสน์ รมช.สาธารณสุข ถือเคล็ดในการเข้าอาคารสำนักปลัด โดยเลือกเข้าประตูขวาสุด ซึ่งตามหลักฮวงจุ้ย ระบุว่า ประตูกลางของอาคาร จะทำให้ทำงานได้ไม่นาน โดยก่อนที่นายวิทยา จะเข้าห้องทำงานได้มีซินแซสองจากเยาวราช ทำการเขียนอักขระบริเวณด้านบนบานประตูทางเข้าห้องทำงาน โดยการจุดธูปเทียนบูชาต้องใช้เทียนเล่มใหญ่กว่าปกติ เพื่อให้เกิดการส่องสว่าง ถือเป็นการขออนุญาตสิ่งศักดิ์สิทธิ์

สำหรับโต๊ะทำงานของวิทยา มีการปรับเปลี่ยนทิศการนั่งใหม่ คือหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากเป็นทิศที่ถูกโฉลกเสริมให้มีบารมีแสดงถึงการเป็นผู้นำ พร้อมกันนี้โต๊ะทำงานจำเป็นต้องหันไปด้านหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเพื่อแสดงถึงความเคารพ ขณะที่พรมห้องทำงานจากเดิมที่เป็นสีฟ้ามีการเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อถูกกับดวงชะตาเช่นกัน

ห้องทำงานของต่อพงศ์ ได้เชิญ พ่อครูภูมิชัย สุรรัตน์ พ่อครูจากสำนักครูยานนาวา เดินทางมาเพื่อทำพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพ่อครูได้ทำพิธีนำสวดตั้งแต่ก่อนเข้าห้อง และนำสวดก่อนจุดธูปสักการะโต๊ะหมู่บูชา และสวดมนต์ก่อนที่จะเปิดหนังสือเพื่อเซ็นต์รับมอบตำแหน่งเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย แต่ไม่มีการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยแต่อย่างใด

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่น้อยหน้า โดยเฉพาะห้องของพรศักดิ์ เจริญประเสริฐ รมช.กระทรวงเกษตรฯ ซึ่งใช้ห้องทำงานเดิมของศุภชัย โพธิ์สุ อดีตรมช.เป็นห้องทำงาน มีการเปลี่ยนพรมปูห้อง จากสีน้ำเงินเป็นสีเขียว และโต๊ะประชุมในห้องทำงานเปลี่ยนจากโต๊ะยาวพื้นขาวขนาด 6 ที่นั่ง เป็นโต๊ะไม้ขนาด 6 ที่นั่ง ส่วนโต๊ะหมู่บูชา หรือเทียนสำหรับบูชาพระยังใช้เทียนขี้ผึ้งสีเหลืองตามปกติ   อย่างไรก็ตามมีการปรับตำแหน่งของที่ตั้งโต๊ะงานจากเดิมที่อยู่ด้านขวาหรือทิศตะวันออก ซึ่งเมื่อมีบุคคลเข้าพบจะเห็นรมช.ด้านข้างขวา มาเป็นการตั้งโต๊ะทำงานด้านทิศเหนือของห้อง

รมต. อีกจำนวนหนึ่งไม่เคร่งครัดฮวงจุ้ยแต่อยู่ในประเภท” ข้ามากับพระ” เช่น  3  รมต.คมนาคม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.คมนาคม   กิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ รมช.คมนาคม  พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รมช.คมนาคมบอกไม่ค่อยเชื่อเรื่องการปรับตำแหน่งที่นั่งตามหลักฮวงจุ้ย  แต่ยึดถือกราบไหว้พระตามแบบฉบับพุทธศาสนิกชน  

ลักษณะคล้ายกับสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ถือฤกษ์เวลา 08.20 น. ของวันที่ 17 ส.ค. เหยียบเท้าเข้ากระทรวงทำงานเป็นวันแรก โดยอัญเชิญองค์สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี และพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มาประดิษฐานไว้ที่ห้องทำงาน 

สภาพภายในห้องทำงาน เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างยังคงเป็นของเดิมที่รัฐมนตรีคนที่แล้วใช้ทำงาน อีกทั้ง โต๊ะทำงานในห้องก็ตั้งอยู่ในตำแหน่งเหมาะสม คือ หน้าหันไปทางทิศใต้และหลังไปทางทิศเหนือ แต่เสริมราศีความเป็นรัฐมนตรีให้เพิ่มมากขึ้น ด้วยการตั้งโต๊ะหมู่บูชามาไว้ด้านหลังโต๊ะทำงาน และมีการปรับแสงให้ตกมาที่องค์พระเพื่อให้เป็นประกาย

นอกจากนี้ กลุ่ม รมต.ไม่เน้น มีฮวงจุ้ยก็ดีมีพระก็ได้  เช่น รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ทั้ง 3 คน โดยรัฐมนตรีจากโควตาพรรคเพื่อไทย 2 ราย คือ กิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ และภูมิ สาระผล รมช.พาณิชย์ ไม่ได้มีการห้องทำงานเป็นพิเศษ มีเพียงการจัดวางโต๊ะที่ทำงานใหม่ เพื่อให้เพียงพอต่อทีมงานที่เข้ามาร่วมงานด้วย     

ส่วนศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รมช.พาณิชย์ จากพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ได้ปรับแต่งห้องตามหลักฮวงจุ๊ยเช่นกัน ทั้งหมดมีเพียงการนำพระพุทธรูปมาประจำห้อง ตามความศรัทธาของแต่ละรายเพื่อกราบไหว้บูชาเท่านั้น ส่วน นอ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.ไอซีที ก็บอกว่าไม่ได้ปรับปรุงห้องทำงานมากนัก มีแต่เอกสารหนังสือที่วางกองในห้องมากขึ้นกว่าเดิม

เผดิมชัย สะสมทรัพย์  รมว.แรงงาน ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รมว.มหาดไทย ไม่ได้มีการตกแต่งอะไรเพิ่มเติม มีเพียงแต่ย้ายโต๊ะทำงานสลับมุมเท่านั้น  เช่นเดียวกับ ชุมพล ศิลปอาชา รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไม่ต้องปรับปรุงอะไรมากนัก เพราะกลับมาดำรงตำแหน่งเก่า  เก้าอี้เป็นตัวเดิมไม่เปลี่ยนแปลง 

ความเชื่อและศรัทธา แต่ละคนอาจเหมือนหรือแตกต่างกันได้ แต่บทสรุปดูเหมือนทุกคนจะเพียบพร้อมด้วยห้องหรู ปูพรมแดง เปล่งประกายราศีโดดเด่นไปซะทั้งหมด   

แต่อย่างว่าต่อให้ปรับโฉมห้องวิริศมาหราขนาดไหน สูญเสียงบประมาณมากเท่าไหร่  ถ้าไม่ปรับปรุงตัวเอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน มันก็ไปไม่รอด

**********************

แนะปูจัดพิธีล้างเลือด

ศักดิ์ระพี พรหมชาติ พราหมณ์กลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่า การปรับฮวงจุ้ยหรือปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์สถานที่ทำงานภายในทำเนียบรัฐบาลและกระทรวงต่างๆ ไม่ใช่สาระสำคัญที่จะช่วยให้รัฐบาลชุดใหม่มีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ รัฐบาลต้องเร่งทำพิธีกรรม “บัตรกรีเลือด” เพื่อแก้ไสยศาสตร์มนตร์ดำจากพิธีกรรมเทเลือดของคนเสื้อแดงที่กระทำไว้ก่อนหน้านี้

 

ห้องหรู พรมแดง ราศีรมต.

ศักดิ์ระพี กล่าวว่า การทำพิธีบัตรกรีเลือดจะช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายที่คนเสื้อแดงเคยใช้ในการขับไล่รัฐบาลชุดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพื่อให้การทำงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เกิดความราบรื่นและมั่นคง รวมทั้งจะช่วยสกัดกั้นมิให้มีคนคิดร้ายต่อรัฐบาล

“แม้ว่ารัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์จะทำพิธีทางสงฆ์ไปแล้ว แต่ก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะนั่นเป็นเรื่องของความเป็นสิริมงคล แต่การเทเลือดเป็นพิธีกรรมทางคุณไสยมนตร์ดำ หากไม่แก้ไขจะส่งผลให้รัฐบาลชุดนี้สะดุด ไม่มีเสถียรภาพ เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย เพราะสิ่งเลวร้ายยังฝังอยู่ที่ทำเนียบ”

พราหมณ์เสื้อแดง บอกด้วยว่า การทำพิธีบัตรกรีเลือดจะต้องเชิญพราหมณ์มาเป็นเจ้าพิธี โดยมีเครื่องเซ่นไหว้ประกอบด้วย หัวหมู เป็ด ไก่ ปลาช่อน กุ้ง ปู ขนมหวานและผลไม้ 9 อย่าง เพื่อบวงสรวงเทพเทวดา พระพรหม และพระแม่ธรณีบีบมวยผมที่สถิตย์อยู่ ณ ทำเนียบรัฐบาล

“ที่จริงคุณยิ่งลักษณ์เป็นคนดวงดีอยู่แล้ว และตอนนี้ดวงผู้นำกำลังขึ้นสูงสุด แต่อยากฝากเตือนไว้ว่า ของแบบนี้อย่ามองข้าม แม้คุณยิ่งลักษณ์จะเป็นคนรุ่นใหม่อาจจะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ แต่ถ้าทำพิธีเสียแต่เนิ่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร อย่ารอให้เกิดปัญหาจวนตัวแล้วค่อยมาแก้ทีหลัง มันจะยุ่ง” ศักดิ์ระพี กล่าว 

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์ชู 3 แกนพัฒนาคน รับรางวัล HR Leader for Social Impact 2025