ห่วงนักสืบสูญพันธุ์ คลอดตำราสอนตำรวจ
เกือบทุกคดีที่ถูกคลี่คลาย จนนำไปสู่การจับตัวเหล่าวายร้าย
เกือบทุกคดีที่ถูกคลี่คลาย จนนำไปสู่การจับตัวเหล่าวายร้าย
โดย..วัสยศ งานขำ
โดยเฉพาะคดีที่สำคัญ อยู่ในความสนใจของชาวบ้าน เราจะพบเห็นชื่อของตำรวจนักสืบชุดเดิมเดินเข้าออกวนเวียนทำคดี ราวกับว่าทั้งกรมปทุมวันมีตำรวจเพียงไม่กี่นายเท่านั้นที่กำลังทำงานหนักเพื่อปิดแฟ้มคดีอุกฉกรรจ์ นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้นักสืบรุ่นใหญ่อย่าง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่ปรึกษา (สบ 10) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดความรู้สึกขึ้นมาว่า “นักสืบกำลังสูญพันธุ์”
นี่จึงเป็นที่มาของการคลอดหนังสือ “ตำรานักสืบ Style อัศวิน” ที่ถือเป็นตำราเรียนนอกเวลาของตำรวจที่ฝันอยากเข้าสู่วงการ “สืบสวน” ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.อัศวิน ในยุคนี้ถือได้ว่าเป็น “นักสืบตัวพ่อ” พร้อมด้วยทีมงาน ก็ตระเวนเปิดห้องเรียนให้กับตำรวจทั่วประเทศที่ทำหน้าที่สืบสวน ก่อนที่ตัวเขาจะอำลาวงการด้วยวัยเกษียณในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ ด้วยความหวังที่ว่าสักวันหนึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติคงจะมีตัวตายตัวแทน
“โลกเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าขึ้น ประชากรมากขึ้น แต่กำลังฝ่ายสืบสวนกลับลดลง” พล.ต.อ.อัศวิน เปรยให้ฟัง การสืบสวนเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ สมัยก่อนจะใช้การหาข่าวจากพรรคพวก แหล่งข่าว หรือสายลับ แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีเจริญมากขึ้น ตำรวจได้หลักฐานส่วนใหญ่จากกล้องวงจรปิด โทรศัพท์มือถือ เป็นการสืบสวนภาคอากาศ แต่การสืบสวนภาคพื้นดิน การสืบสวนจากหลักฐานแบบเดิมๆ เช่น ความผูกพันกับชาวบ้านในชุมชน ผู้หวังดี หรือสายข่าว ก็ยังมีความสำคัญ
“ตำรานักสืบ Style อัศวิน” ที่จัดทำออกมานี้ อยู่ในโครงการพัฒนาผู้ปฏิบัติงานด้านการสืบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มี พ.ต.อ.ฉัตรชัย เรียนเมฆ รองผู้บังคับการศูนย์สืบสวนบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งนับเป็นฝ่ายเสธ.ของ พล.ต.อ.อัศวิน เป็นผู้เสนอและผู้จัดการโครงการ
โดยก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะคลอด พล.ต.อ.อัศวิน ได้เปิดวอร์รูมขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองพัทยา นัดหมายบรรดานักสืบรุ่นเล็กยันรุ่นใหญ่ หรือมือระดับปรมาจารย์ที่เรียกได้ว่า“เข้าตา” มาสุมหัวรวมตัวกันแชร์ประสบการณ์ด้านการสืบสวนไขคดีต่างๆ ที่ตัวเองพบ จากนั้นได้สังเคราะห์กลั่นกรองให้เป็นองค์ความรู้ ก่อนที่จะถอดแบบออกมาเป็นตำราเรียนนอกเวลาเล่มนี้
ขณะที่ พ.ต.อ.ฉัตรชัย ในฐานะโปรเจกต์แมนเนเจอร์ บอกว่า อยากให้ความสำคัญกับการพัฒนาการทำงานด้านการสืบสวน เพื่อควบคุมสภาพปัญหาอาชญากรรมที่รุนแรงขึ้น โดยเน้นพัฒนาการตำรวจทั้งระบบ เพื่อให้มีความเป็นมืออาชีพในระยะเวลา 13 ปี นอกจากจะพัฒนาให้มีนักสืบขึ้นมาทดแทนแล้ว ทีมงานยังจะได้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวกับงานสืบสวนในยุคปัจจุบันอีกด้วย อย่างน้อยที่สุดในระดับสารวัตรสืบสวนของโรงพักต่างๆ ก็ควรที่จะต้องรู้กลยุทธ์และวิธีการสืบสวน
อย่างไรก็ตาม หลังตำราเล่มนี้คลอดออกมาแล้ว พล.ต.อ.อัศวิน และทีมงาน จะนำตำราเล่มนี้ไปแจกจ่าย พร้อมกับบรรยายให้กับตำรวจสืบสวนทั่วประเทศเข้าใจถึงการสืบสวนในรูปแบบต่างๆ
“การไปบรรยายแต่ละครั้ง ผมและ พล.ต.อ.อัศวิน จะพยายามชี้ให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนเข้าใจว่า การคลี่คลายคดีอาชญากรรมเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ ที่ผ่านมาตำรวจไม่สนใจ เพราะเมื่อคดีอุกฉกรรจ์เกิดขึ้น ถึงตำรวจจะตามจับคนร้ายไม่ได้ แต่ก็ไม่ถูกย้าย ไม่เหมือนกับถูกจับบ่อน จับซ่องในพื้นที่ จะโดนย้ายทันที นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นเทคนิคต่างๆ ที่เหล่านักสืบชั้นครูแต่ละคนถ่ายทอดไว้ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งมันไม่มีอะไรตายตัว แต่มันสามารถนำไปปรับใช้ได้ มันเป็นศิลปะที่ไม่เคยสอนในโรงเรียน” พ.ต.อ.ฉัตรชัย กล่าว
สำหรับการสืบสวนไม่ใช่ยุทธวิธี ต่างกับตำรวจสายป้องกันปราบปราม แต่เป็นศิลปะการครองใจคน และการหาหลักฐาน ทุกวันนี้พวกเรากำลังเริ่มจุดไฟให้ลุกขึ้นอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นก็จะไม่มีนักสืบมาสานงานต่อหลังจากที่นักสืบรุ่นเก่าๆ เกษียณอายุราชการไป การบรรยายจึงต้องการที่จะให้ตำรวจฝ่ายสืบสวนไปพัฒนาตนเอง จะทำได้ก็ต้องมีใจเท่านั้น โดยอาจจะเริ่มจากหนังสือเล่มนี้ที่ไม่ได้เป็นตำราวิชาการ แต่เป็นเพียงไกด์ไลน์นำทางให้ไปขุดคุ้ยคดีที่เกิดขึ้น มันไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องทำแบบ “สไตล์อัศวิน” หรือ “นักสืบลูกทุ่ง” เพียงแต่นำไปปรับใช้ให้เข้ากับตนเอง
สำหรับตำราเล่มนี้เกิดจากการตกผลึกการคลี่คลายคดีดังๆ หลายคดี เช่น คดีฆ่าข่มขืน แคทเธอรีน อลิซาเบธ ฮอร์ตัน อายุ 21 ปี นักศึกษาสาวชาวอังกฤษที่เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อปี 2549 โดยคดีนี้ถือได้ว่า “ครบเครื่อง” มีการประสานตำรวจหลายหน่วย ไม่เว้นแม้แต่ตำรวจสากล การใช้เทคโนโลยี นิติวิทยาศาสตร์
รวมทั้งการเดินเท้าหาหลักฐาน หรือคดีการทลายแก๊งค้ายาเสพติด “โจ๊กจิ๊บ” ไผ่เขียว รวมทั้งคดีการยิงอาร์พีจีใส่กระทรวงกลาโหม ไม่เว้นแม้แต่คดีขว้างขี้ใส่บ้านของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ที่หลายคนคาดว่าไม่น่าจะจับได้แต่ชุดสืบสวนก็สามารถลากตัวมาดำเนินคดีได้ ทั้งหมดก็ถูกนำมาบอกเล่าในห้องเรียนด้วย
สำหรับ “ตำรานักสืบ Style อัศวิน” จะแบ่งออกเป็น 5 บท เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านและนำไปปรับใช้ ประกอบด้วย บทแรกที่พูดถึงสภาพปัญหาอาชญากรรมในปัจจุบัน และแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต บทที่สอง จะพูดถึงการบริหารงานสืบสวน ซึ่งนับว่ามีความสำคัญมากในการที่จะเริ่มสืบสวนคดีในแต่ละคดี ในบทนี้จะเริ่มตั้งแต่การตรวจที่เกิดเหตุ การวิเคราะห์พยานหลักฐาน การตั้งสมมติฐาน รวมทั้งการซักถามพยาน เป็นต้น
บทที่สาม จะให้ความสำคัญกับการใช้เครื่องมือพิเศษ และการวิเคราะห์ข้อมูล โดยจะลงรายละเอียดถึงเครื่องมือต่างๆ ที่ช่วยในการสืบสวน ทั้งเครื่องมือที่หาได้ทั่วไป และเครื่องมือที่ต้องมีกฎหมายควบคุม บทที่สี่ จะพูดถึงข้อควรระวังในการสืบสวน และคำพิพากษาศาลฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานสืบสวน ส่วนในบทสุดท้ายจะพูดถึงการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในการสืบสวนคดีอาญา
นักสืบจะสูญพันธุ์หรือไม่นั้น บางครั้ง “ตำรานักสืบ Style อัศวิน” อาจจะเป็น “คำตอบสุดท้าย” ที่จะตอบได้ว่าไฟที่เขากำลังจุดอยู่นี้จะลุกโชน และสร้างนักสืบพันธุ์ใหม่ขึ้นมาได้หรือไม่


