แม่ร.อ.เจตน์ยังทำใจไม่ได้
กำลังพลหลั่งน้ำตาบอก พล.ต.ตะวัน จะอยู่ในหัวใจ ตลอดไป ขณะที่แม่ ร.อ.เจตน์ ยังทำใจไม่ได้ กอดเครื่องแบบแน่น
กำลังพลหลั่งน้ำตาบอก พล.ต.ตะวัน จะอยู่ในหัวใจ ตลอดไป ขณะที่แม่ ร.อ.เจตน์ ยังทำใจไม่ได้ กอดเครื่องแบบแน่น
เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บ้านพักประจำตำแหน่งของ พล.ต.ตะวัน เรืองศรี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 ซึ่งอยู่ภายในบริเวณกองพลทหารราบที่9 ค่ายสุรสีห์ พ.อ.หญิง ปรีญานุช เรืองศรี ภรรยา ได้เก็บตัวเงียบอยู่ภายในบ้านพัก เพราะยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีบรรดาญาติที่ทราบข่าวเดินทางมาปลอบและให้กำลังใจอย่างไม่ขาดสาย แต่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าพบในตอนนี้ ส่วนบรรยากาศโดยรวมในกองพลทหารราบที่9 เป็นไปด้วยความหดหู่
และเมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่9 ซึ่งเป็นที่ทำงานของ ร.อ.เจตน์ สุดใจ รอง ผบ.ร้อย.ลว.ไกล 9 ร.อ.จักรพันธ์ บำรุงพืช นายทหารยุทธการและการฝึก ร้อย.ลว.ไกล 9 ส.ต.อิทธิศักดิ์ หิณะสุทธิ์ พลลาดตระเวน ร้อย.ลว.ไกล 9 ซึ่งเป็น 3 ใน 9 ของผู้เสียชีวิต นางมาลี สุดใจ อายุ 56 ปี มารดา พร้อม นางสกุลรัตน์ ศรเวช บุตรสาว และนางอัมพร สุดใจ ภรรยา และลูกๆ ทั้ง 3 คน ของ ร.อ.เจตน์ ได้เดินทางมาเก็บข้าวของเครื่องใช้ของ ร.อ.เจตน์ ที่ห้องทำงานซึ่งอยู่บนชั้น 2 ของอาคาร ซึ่งห้องดังกล่าวเป็นทั้งที่ทำงานและห้องพัก โดยมีชุดเครื่องแบบของ ร.อ.เจตน์ แขวนไว้อยู่ที่ผนังภายให้ห้องดังกล่าว นอกจากนี้ภายในห้องพักยังมีรูป ด.ช.นรบดี สุดใจ อายุ 4 ปี นักเรียนชั้นอนุบาล 1 รร.พันธศึกษา ซึ่งเป็น 1 ในบุตร 3 คนของ ร.อ.เจตน์ ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงนอนอีกด้วย
โดย นางมาลี กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอ พร้อมกับนำเครื่องแบบของ ร.อ.เจตน์ มากอดไว้แนบอกตลอดเวลา ว่า ตนรู้สึกเสียใจมากที่บุตรชายต้องมาประสบเหตุเสียชีวิตเช่นนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกภูมิใจในตัวเขา ที่เขาได้ทำหน้าที่ของชายชาติทหารอย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งตนได้เจอกับเขาครั้งสุดท้ายคือวันที่ 3 ก.ค. 54 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นเลือกตั้ง ส.ส. และยังพากันไปเลือกตั้งที่เขตสาธร ก่อนที่ตนจะเดินทางกลับไป จ.ยโสธร ส่วนเขาก็เดินทางกลับไปทำงานต่อที่ จ.กาญจนบุรี ซึ่งตนมีบ้านพักอยู่ที่นั่น โดยจะนัดมาเจอกันเดือนละ 1 ครั้ง แต่จะพูดคุยกันทางโทรศัพท์เป็นประจำ โดยครั้งสุดท้ายได้โทรศัพท์คุยกันเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 54 เวลาประมาณ 20.00 น.โดยเขาโทรมาบอกตนว่า จะไปปฏิบัติหน้าที่ที่ อ.แก่งกระจาน เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ฮ.ฮิวอี้ ตก ตนก็บอกให้เขาระวังตัวด้วย อย่าประมาท และเขาตอบกลับมาว่า ฮ.เป็น ฮ.อย่างดี ไม่ต้องเป็นห่วง ซึ่งเขาเป็นเสาหลักของบ้าน และคอยดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายของตนด้วย
ในวันเกิดเหตุตนกำลังดำนา ประมาณ 14.00 น. ก็ได้ยินข่าวด่วนจากโทรทัศน์ช่องหนึ่งว่า ฮ.แบบแบล็กฮอว์กตก และมีรายชื่อนักบิน ช่างเครื่อง และผู้โดยสารที่โดยสารไปกับเครื่องด้วย โดยมีชื่อบุตรชาย ตนถึงกับช็อค ทำอะไรไม่ถูก ประคองตัวเองมานั่งนิ่งอยู่บริเวณคันนา รู้สึกตกใจ เสียใจ ตั้งตัวไม่ติด และไม่พูดกับใครเลย เพราะพูดไม่ออก ทุกวันนี้ตนมีอาชีพทำนา และอาศัยอยู่เพียงลำพังที่ จ.ยโสธร เพราะสามีเสียชีวิตแล้ว โดยตนพยายามทำงานเพื่อหาเงินและส่งลูกทั้ง 3 คน เรียน ซึ่ง ร.อ.เจตน์ เรียนจบโรงเรียนนายร้อย จปร. ส่วนบุตรอีก 2 คน จบปริญญาตรี ต่อจากนี้ไปตนก็ต้องอาศัยบุตรอีก 2 คน ที่ทำงานแล้ว คอยช่วยเหลือและเป็นกำลังใจเพื่อใช้ชีวิตต่อไป
สำหรับบรรยากาศที่วัดทุ่งลาดหญ้า หมู่1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี กำลังพลกองพลทหารราบที่ 9 นับร้อยนาย กำลังเร่งตระเตรียมสถานที่เพื่อทำพิธีทางศาสนา โดยปรับเปลี่ยนศาลาการเปรียญ เพื่อใช้เป็นสถานที่เพื่อประกอบรับศพ รดน้ำศพ และสวดอภิธรรมศพ เนื่องจากศาลาอื่นคับแคบ อีกทั้งที่ศาลาธรรมสังเวช ได้ใช้เป็นสถานที่ตั้งศพ พ.ต.กิติภูมิ เอกพันธ์ รอง ผบ.ร.19 พัน 2 ซึ่งประสบเหตุเฮลิคอปเตอร์แบบฮิวอี้ตกก่อนหน้านี้
โดย พ.อ.ชัยยา จุ้ยเจริญ รอง ผบ.กรมทหารปืนใหญ่ที่ 9 ซึ่งมาควบคุมดูแลการจัดเตรียมสถานที่ กล่าวถึง พล.ต.ตะวัน ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ และน้ำตาคลอตลอดเวลาว่า กำลังพลทุกคนต่างมีความรู้สึกว่าเราได้สูญเสียผู้บังคับบัญชา สูญเสียพี่ที่ดีที่สุดท่านหนึ่งไป ส่วนตัวนับถือในน้ำใจที่พี่เขามีให้กับน้องทุกคน กับผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ซึ่งท่านมีความเมตตา มีความจริงใจต่อผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งครอบครัวและลูกหลาน เป็นคนที่มีนิสัยเป็นกันเอง เป็นคนติดดิน เรียบง่าย ไม่ถือตัว
“หากสามารถสื่อไปถึงท่านได้ผมอยากบอกว่า พี่ติ่งคับพี่เหนื่อยมามากแล้ว พี่หลับให้สบาย พักผ่อนให้สบาย เพราะทั้งชีวิตพี่เหนื่อยมาตลอด และน้องๆ ทุกคน ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนจะสานต่อเจตารมย์ของพี่ และพี่จะอยู่ในหัวใจของพวกเราตลอดไป” พ.อ.ชัยยา กล่าว


