แก้รธน.ไม่แก้ปัญหา-เลือกตั้งใหม่เหมือนเดิม
กองบก.หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ได้จัดเสวนาโต๊ะกลมเมื่อวันที่ 31 ม.ค.โดยเชิญนักการเมืองและนักวิชาการมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
กองบก.หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์และโพสต์ทูเดย์ได้จัดเสวนาโต๊ะกลมเมื่อวันที่ 31 ม.ค.โดยเชิญนักการเมืองและนักวิชาการมาร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
"รัฐบาลใหม่ไม่มีเสถียรภาพ"
สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
สมบัติ
การแก้รัฐธรรมนูญแค่มาตรา 190 และ 93-98 เป็นเพียงประเด็นเล็กน้อย ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการเมือง หรือพรรคการเมือง รวมไปถึงปัจจัยในการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชน
หลังการเลือกตั้งจะไม่มีพรรคการเมืองไหนมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งเบ็ดเสร็จเพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ โดยตัวแปรสำคัญอยู่ที่พรรคขนาดกลาง 3-4 พรรคที่มีอยู่ในปัจจุบัน ถ้าพรรคการเมืองเหล่านี้ไปร่วมกับพรรคใหญ่พรรคหนึ่งพรรคใดจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ทันที
รัฐบาลใหม่ไม่มีทางอยู่ได้ยาว สมมติถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล จะทนกับแรงกดดันจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้หรือไม่ เช่นเดียวกับพรรคประชาธิปัตย์ ต้องเจอกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)
ส่วนเรื่องการรัฐประหารตอนนี้ยังมีปัจจัยน้อยอยู่ เพราะมีแรงกดดันจากนานาชาติ เว้นแต่จะทำแบบพม่าโดยไม่สนใจประชาคมโลก
"มีอำนาจนอกระบบแทรกแซง"
สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล กรรมการที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
สมศักดิ์
การมี สส.บัญชีรายชื่อ 125 คน ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้มี สส.ใหม่มากขึ้น ตรงกันข้ามจะทำให้นายทุนเข้ามามีอำนาจต่อรองมากขึ้น เหมือนกับที่เคยเกิดในอดีต ทั้งๆ ที่เดิมมีเจตนาต้องการให้ สส.บัญชีรายชื่อเข้ามาเป็นตัวเชื่อมโยงกับ สส.เขตในฐานะเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน แต่สุดท้ายก็กลายเป็นช่องว่างให้นายทุนเข้ามามีอำนาจ
ในการลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 บอกไม่ได้ว่าจะผ่านหรือไม่ เพราะมีผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์หลายคนแสดงความเห็นในทำนองไม่อยากแก้ไข จึงบอกว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ไม่ว่าจะเป็นเขตไหน เราเป็นนักกีฬา ถ้าพอใจกติกานี้ก็เล่น ถ้าไม่พอใจก็ไม่เล่นเหมือนปี2549
ผมสัมผัสได้มาตลอดว่าระบบพรรคประชาธิปัตย์เข้มแข็งมาก ทำให้เวลาคุยกับเลขาธิการพรรคและนายกรัฐมนตรี รู้สึกว่าทั้งสองคนเป็นเพียงเมสเซนเจอร์ (ผู้ส่งสาร) เท่านั้น นอกจากนี้การเมืองเวลานี้ยังไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะมีการสั่งจากเขาคนนั้นอยู่ เป็นรูปแบบแอบแฝงเข้ามา
เคยคิดว่าเมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2540 คงจะไม่มีรัฐประหารอีก แต่พอเกิดขึ้นมา ร่างกติกากันใหม่ แม้จะไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน พวกผมก็เป็นนักกีฬาพอที่จะยอมรับ แต่กลายเป็นว่าเมื่อผมยอมรับแล้ว แต่พวกคุณกลับไม่ยอมรับ จนเป็นปัญหา และบ้านเมืองเดินหน้าไม่ได้ แบบนี้การปฏิวัติจะไม่ตายไปจากสังคมไทย ตราบใดถ้าอำนาจประชาชนมากขึ้น แต่ยังไม่ถูกใจเขา
"เสียงต้องเบ็ดเสร็จเพื่อเป็นรัฐบาล"
พีรพันธุ์ พาลุสุข สส.ยโสธร พรรคเพื่อไทย
พีรพันธุ์
ว่ากันตามความเป็นจริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องการให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะต้องการสร้างความได้เปรียบเอาไว้ เช่นเดียวกับระบบ 375+125 รัฐบาลต้องการควบคุมให้ได้มากที่สุด โดยระบบการเลือกตั้งตามที่มีการแก้กันอยู่ ไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมืองเล็ก
ส่วนพรรคเพื่อไทยยอมรับอยู่แล้วว่าถ้าอยากเป็นรัฐบาลต้องมีเสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภา หรือรัฐบาลพรรคเดียวให้ได้ มิฉะนั้นต้องเจอกับคนนอกรัฐธรรมนูญเข้ามาแทรกแซง เนื่องจากการเลือกตั้งได้มีการขอให้พรรคเดิมกลับมาเป็นรัฐบาลกันแล้ว และขอร้องทหารว่าอย่ามายุ่ง ปล่อยให้การเมืองแก้ด้วยการเมือง
ส่วนสมมติฐานเรื่อง พธม.จะมาต่อต้านหากพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลในอนาคต เราพร้อมจะแก้ปัญหาต่อไป โดยเชื่อว่าถ้าเราสามารถแก้ปัญหาคนส่วนใหญ่ของประเทศได้ เช่น ปัญหาเศรษฐกิจ ย่อมต้องได้รับการยอมรับจากสังคม แต่ถ้าหากมันวุ่นวายมากก็ยุบสภา อย่างน้อยเพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง เพื่อให้การเมืองได้รับการแก้ไขด้วยการเมือง
"การปรองดองยังไม่เกิด"
เสรี สุวรรณภานนท์ อดีตรองประธานสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550
เสรี
ไม่ว่าจะเป็นรัฐธรรมนูญ 2540 หรือ 2550 ล้วนมีประเด็นที่สังคมพอใจและไม่พอใจเหมือนกัน โดยสมมติฐานของการร่างแต่ละครั้งจะเอาปัญหาบ้านเมืองเป็นตัวตั้งว่าจะแก้และสร้างอะไรขึ้นมาใหม่ เช่น ของปี 2540 มีคนไม่พอใจเรื่องการสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก็แก้ไขให้ หรือเรื่องการห้ามไม่ให้ สส.และรัฐมนตรีสวมหมวกใบเดียวกันตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ได้รับการแก้ไขในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้ต้องการทำลายพรรคการเมือง และไม่ได้เป็นการร่างรัฐธรรมนูญตามใบสั่งของใคร
การยุบสภาในทางปฏิบัติ ใครก็ตามที่มีอำนาจอยู่ในมือก็ไม่อยากยุบทั้งนั้น เว้นเสียแต่จะมีปัจจัยอื่นๆ เข้ามา ส่วนการเมืองไทยหลังการเลือกตั้งถ้ายังปล่อยแบบนี้ต่อไป การปรองดองไม่เกิด เพราะมีแต่การเอาแพ้เอาชนะกันตลอด ต่อให้ใครมาเป็นรัฐบาลก็ไม่มีเสถียรภาพ