posttoday

อีกตำนานจากบ้านราชครู : ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ

14 สิงหาคม 2564

ความสามารถของท่านผู้หญิงบุญเรือนและการสั่งสมภูมิรู้ที่มีในการระหว่างประเทศและวัฒนธรรมนั้น ช่วยชาติ และช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยที่ชื่อ ชาติชาย (ในขณะนั้น) ได้อย่างสง่า สงบ และทำให้จบภารกิจที่ถือได้ว่า "ผาดโผน" อย่างสวยๆ

โดย...วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ สมาชิกวุฒิสภา อดีตคณะทำงานบ้านพิษณุโลก

แม้ผมไม่เคยมีโอกาสเข้าใกล้ท่านผู้หญิงบุญเรือนมาก่อน

เคยได้เพียงยกมือไหว้ และเอ่ยคำว่าสวัสดีกับท่าน แล้วท่านก็รับไหว้ หยุดมองและท่านมักส่งยิ้มเหมือนจะรอเผื่อว่าผมจะมีอะไรมาบอกมารายงานหรือเปล่าเท่านั้น

ซึ่งผมก็จะเกรงใจ ไม่รู้จะพูดหรือชวนท่านสนทนาว่าอะไร เพราะท่านห่างรุ่นผมเยอะจริงๆ

ท่านมีอายุ 101ปีในปีนี้ ท่านจึงห่างผมราว45ปี

สมัยที่ผมเคยกราบสวัสดีท่านผู้หญิงนั้น ผมเพิ่งเริ่มทำงานในฐานะนิสิตนิติศาสตร์ ปี4 จากรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เมื่อใดมีเวลาว่างก็มาช่วยงานธุรการบ้าง วิชาการบ้างของทีมบ้านพิษณุโลก ซึ่งทำงานตรงให้กับนายกรัฐมนตรีในเวลานั้น คือพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ

ผมจึงรู้จักแค่งานของท่านชาติชาย ไม่ได้รู้จักงานของท่านผู้หญิง

แต่สิ่งที่ผมพอจะรับรู้คือท่านผู้หญิงมีประกายตาที่ขี้เล่นเสมอ มีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และเสียงสนทนาที่กังวาน มีท่าทีที่เมตตาต่อพวกผมที่ยังเป็นเด็กๆมาช่วยงานท่านนายกฯชาติชาย

อีกตำนานจากบ้านราชครู : ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ

ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และดร.บวรศักดิ์ อุวรรโณ ในฐานะที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรีพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณในเวลานั้น เคยเล่าให้ผมฟังที่บ้านพิษณุโลก หลังกลับจากการร่วมคณะเดินทางของพลเอกชาติชายไปราชการในต่างประเทศว่า ท่านผู้หญิงบุญเรือนมักจะร่วมเดินทางไปด้วย

ครั้งหนึ่งปรากฏว่า ในระหว่างที่เครื่องบินยังบินอยู่ ท่านพลเอกชาติชายซึ่งมักจะลุกจากเก้าอี้ที่นั่งชั้นหนึ่งมายืนคุยกับบรรดานักข่าวอย่างเป็นกันเอง ส่วนท่านผู้หญิงบุญเรือนจะมักแอบเดินตามมาแหย่กลุ่มข้าราชการประจำให้คลายกังวลจากการเตรียมงาน เพราะท่านและข้าราชการประจำจะทราบกันดีว่า พลเอกชาติชายนั้น มีทักษะทางการค้าระหว่างประเทศและการเมืองระหว่างประเทศที่ล้ำลึกและแพรวพราว ใครที่ต้องทำงานด้านนี้ให้ท่าน จึงต้องทำการบ้านมาหนัก และติดตามความเปลี่ยนแปลงของหน้างานให้ไว แม้จนขึ้นเครื่องบินมุ่งไปที่นัดหมายกันแล้ว ก็ต้องพยายามคิดพลิกแพลงถึงความไม่แน่นอนของวงการระหว่างประเทศที่มักจะไม่มีฝ่ายไหนอยู่นิ่งๆกัน

มีหมาก มีเกม มีเรื่องท่าที และจังหวะในแทบทุกอย่าง

ครั้งหนึ่งคุณประชา คุณะเกษม อธิบดีกรมการเมือง กระทรวงการต่างประเทศซึ่งสวมสูทยืนคุยอยู่กับเพื่อนข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บนเครื่องบิน ปรากฏว่าท่านผู้หญิงคงอยากแหย่ จึงเดินย่องๆมาด้านหลังแล้วสะกิดคุณประชา คุณประชาหันมามองแต่ไม่เห็นมีใคร แว้บนั้นคุณประชาจึงสังเกตเห็นว่าท่านผู้หญิงบุญเรือนแอบลงนั่งยองๆที่ตรงพื้น ทำท่าขำคิดคักอยู่ คุณประชาจึงรู้ว่าถูกท่านผู้หญิง’เย้าเล่น’’ด้วยความเมตตา คุณประชาคงตกใจที่ภรรยาของนายมากระเซ้าเล่น จึงร้องโอ้ววยาวๆแล้วรีบนั่งลงยกมือไหว้ท่านผู้หญิงด้วยความนอบน้อม แต่หัวเราะขำตัวเองด้วยความปลื้มใจ ที่ท่านผู้หญิงกรุณาให้ความเป็นกันเองแก่ข้าราชการ นักข่าว และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายเสมอ ครั้งนั้นเรียกเสียงฮาครืนกันทีเดียว เพราะใครๆก็พลอยปลื้ม ระคนขำอารมณ์ดีไปด้วยโดยไม่ต้องมีบท

นั่นคือเหตุการณ์ช่วงพศ.2531-2533

ครั้นภายหลังต่อมา คือพศ.2538-39 คุณประชา คุณะเกษม ในฐานะอดีดปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ท่านเข้าสู่วงการเมือง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีด้านการต่างประเทศ ของนายกรัฐมนตรีบรรหาร ศิลปอาชา ในครั้งนั้น อาจารย์ดร.สุรเกียรติ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แทนที่จะต้องเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศตามแผนเดิมที่ท่านบรรหารตั้งใจไว้ เพราะพรรคนำไทยในขณะนั้น ขอเจรจาเข้าร่วมรัฐบาลกับนายกรัฐมนตรีบรรหาร โดยขอให้ มรว. เกษมสโมสร เกษมศรี เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ท่านบรรหารจึงต้องจำใจยอมปล่อยโควต้ากระทรวงการต่างประเทศออกไป ในช่วงนั้น นายกฯบรรหารท่านตั้งผมเป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ดูแลงานด้านการต่างประเทศและวิชาการทั้งหลายของท่าน จึงได้มีโอกาสร่วมงาน และร่วมเดินทางราชการต่างประเทศกับคณะทางการของนายกรัฐมนตรีทุกครั้ง โดยมีคุณประชา คุณะเกษมนั่งเครื่องบินไปคู่กันกับผมแทบทุกหน

จึงทำให้ผมกับคุณประชาได้สนทนารำลึกความจำครั้งที่เคยร่วมงานกับรัฐบาลพลเอกชาติชายบ่อยๆ และแน่นอน ซีนตอนท่านผู้หญิงบุญเรือน "เย้า" คุณประชาอย่างคราวอยู่บนเครื่องบินครั้งนั้นก็จะเป็นหนึ่งในเหตุสร้างยิ้มที่เต็มไปด้วยความเคารพนับถือของเราสองคนเสมอเช่นกัน

ผ่านไปอีก 25 ปี คุณแจน เลขาของอาจารย์โต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ส่งภาพเอกสารชิ้นหนึ่งที่เล่าความเป็นไปของประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศจากรายงานที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อปี พศ. 2563 มาให้ผมอ่าน ชื่อเอกสารการศึกษา เรื่องไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีน: การเมืองที่ผันผวน และความยุ่งยากในช่วงต้นของความสัมพันธ์ทางการทูต (คศ.1975-1978) มีใจความตอนหนึ่งที่แม้ไม่เอ่ยนามท่านผู้หญิงบุญเรือนออกมาตรงๆ แต่ก็ทำให้ผมได้คิดถึงความสามารถในการสนับสนุน "มิชชั่น" สำคัญของสามี อย่างน่าชื่นชมซึ่งคงต้องให้ท่านที่สนใจ เปิดอ่านเอาจากเอกสารตัวจริงที่ผมแนบมาด้วยท้ายนี้

อีกตำนานจากบ้านราชครู : ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ

อีกตำนานจากบ้านราชครู : ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ

อีกตำนานจากบ้านราชครู : ท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ

แล้วเราจะเข้าใจว่า ความสามารถในการเข้าสังคมของท่านผู้หญิง ความมีพรสวรรค์และความรู้ทางภาษาต่างๆอย่างคล่องแคล่ว ความสามารถในศิลปะ ดนตรี และการสั่งสมภูมิรู้ที่มีในการระหว่างประเทศและวัฒนธรรมนั้น

ช่วยชาติ และช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยที่ชื่อ ชาติชาย ได้อย่างสง่า สงบ และทำให้จบภารกิจที่พวกเราคงถือได้ว่า ‘’ผาดโผน’’อย่างสวยๆได้ยังไง

และทำให้พลเอกชาติชาย เป็นมากกว่าอดีตนายกรัฐมนตรีที่ล่วงลับ แต่ยังเป็นที่จดจำยกย่อง ในอีกหลายมิติยิ่งกว่าเรื่องการต่างประเทศ การเมือง หรือการบริหารราชการแผ่นดินอีกต่างหาก ดังที่ในงานเขียนของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์เคยระบุถึง "บุญเรือน-ชาติชาย" เกี่ยวกับความกตัญญู อุสาหะ เรียบง่าย จริงใจและมีความจงรักภักดีที่ยาวนานจนไม่มีวันลืม

ขอน้อมเคารพส่งผ่านการยกมือไหว้สวัสดีครั้งสุดท้าย เพื่อส่งดวงจิตของท่านผู้หญิงบุญเรือน ชุณหะวัณ เดินทางไกลไปร่วมสถิตอยู่กับดวงจิตของสามี และบุตรชายที่ท่านรัก และขอขอบคุณทุกท่านที่ต่างได้มีส่วนร่วมสร้างตำนานประวัติศาสตร์แห่งความน่าประทับใจให้เราในฐานะชนรุ่นหลังได้รับรู้และยกย่องเสมอด้วยศรัทธา

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์

สมาชิกวุฒิสภา

อดีตคณะทำงานบ้านพิษณุโลก

14 สิงหาคม 2564