posttoday

เดิมพัน”บิ๊กตู่” เททุกหน้าตักคลัสเตอร์กทม. ระบาดไม่จบ

08 พฤษภาคม 2564

โดย...ชัยฤทธิ์ ยนเปี่ยม

การรวบอำนาจแก้ปัญหาโควิด-19 จากพรรคร่วมรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยดึงอำนาจจากกฎหมายในการควบคุมสถานการณ์โรคระบาด 31 ฉบับ มาไว้ที่ตัวนายกรัฐมนตรีแต่เพียงผู้เดียว กระทั่งล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งตนเองเป็นผอ.ศูนย์อำนวยการแก้ไขโควิด-19 พื้นที่ กทม.และปริมณฑลเพื่อแก้ปัญหาการระบาดที่กำลังลุกลามเป็นพระเพลิงในชุมชนหลายแห่งกระจายทั่วกรุง เป็นเดิมพันครั้งสำคัญในเก้าอี้ผู้นำประเทศหากล้มเหลว แก้ไม่สำเร็จ เป็นความรับผิดชอบทางการเมืองที่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถปฏิเสธ หรือโยนความรับผิดชอบไปให้ใครได้

ประเมินกันว่า ภายใน 1 เดือนจากนี้หากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ลดลงต่ำกว่าหลักพัน ความไม่พอใจของประชาชนต่อพล.อ.ประยุทธ์ จะก่อตัวเป็นวิกฤตศรัทธา สะสมกับความเบื่อหน่ายที่ประชาชนเห็น พล.อ.ประยุทธ์ ลากยาวในเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่จะครบ 7 ปีเต็มในเดือนนี้นับแต่ยึดอำนาจ 22 พ.ค.2557

ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ อาจตีกรรเชียงหลบเลี่ยงกระแสความไม่พอใจมาได้เพราะอาศัยตัวช่วยจากพรรคร่วมรัฐบาล เครือข่ายองค์กรตรวจสอบในรธน.ให้รอดพ้นคดีความต่างๆนาๆ ทว่า การแก้ปัญหาโควิดระลอกสามรอบนี้เป็นจุดชี้ขาดในตัวพล.อ.ประยุทธ์ มากกว่าการออกมาไล่ของม็อบสามนิ้ว

ข้ออ้างในการรวบอำนาจกฎหมาย 31 ฉบับ ระบุในราชกิจจานุเบกษาว่าเพื่อให้นายกฯมีอำนาจแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการบังคับบัญชา หรือช่วยในการแก้ไข ปราบปราม ระงับยับยั้งในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือฟื้นฟูหรือช่วยเหลือประชาชนให้มีประสิทธิภาพ

ในกฎหมาย 31 ฉบับ ไม่ใช่เพียงพรรคภูมิใจไทยที่ดูแลกระทรวงสาธารณสุข และ คมนาคม ที่ถูกริบอำนาจเท่านั้น แม้แต่รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐด้วยกันในมุ้งของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เช่น รมว.ดีอีเอส ที่ดูแลพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ หรือ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง ที่พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย รับผิดชอบอยู่ ก็ตกอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรีให้เข้ามารักษาการตามกฎหมายในสถานการณ์แก้โควิดระลอกนี้

การยึดอำนาจเบ็ดเสร็จครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคภูมิใจไทยที่ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ใช้มิติความมั่นคงมาแก้ปัญหาโควิดโดยให้สภาความมั่นคงแห่งชาตินำ และตัดฝ่ายการเมือง ไม่มีพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไป จะไม่มีทางสำเร็จแน่

ความจริง เป็นงานถนัดของพล.อ.ประยุทธ์ ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็ด้วยกฎหมายพิเศษ ทั้งการประกาศใช้ พรก.ฉุกเฉิน ที่มีโทษรุนแรง ควบคุมม็อบสามนิ้ว แม้กระทั่ง กฎหมายรธน. พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้อำนาจพิเศษจากบทเฉพาะกาลที่ให้ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี แต่สถานการณ์แพร่ระบาดครั้งใหม่ที่มีกทม.เป็นจุดศูนย์กลางดูรุนแรง มีแนวโน้มควบคุมยาก ตัวชี้ขาดคือ การเร่งฉีดวัคซีนปูพรมให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด แต่ผลการฉีดวัคซีนที่ผ่านมายังช้ามาก ไม่เข้าเป้า เฉลี่ยมากสุดวันละหมื่นโดส ขนาดเทศกาลช่วงวันหยุดไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉีดได้เพียง 2,000 โดสต่อวันจากทั้งประเทศ ฟังแล้วช่างน่าใจหาย ห่างจากเป้าที่รัฐบาลวางไว้จะฉีดให้ได้ 3 แสนโดสต่อวัน รัฐบาลได้ปรับแผนล่าสุดจะฉีดให้มากขึ้นอีกตกเดือนละ 15 ล้านโดส จากเดิม 10 ล้านโดส เพื่อให้ได้ภูมิคุ้มกันหมู่หรือฉีดให้ได้ 50 ล้านคนภายในสิ้นปี ขณะที่วัคซีนที่ผลิตในไทยคือ แอสตราเซเนกาจะเริ่มนำมาใช้ล็อตใหญ่ในเดือนมิ.ย.นี้เป็นต้นไป

แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จะปรับแผนใหม่ แต่ประชาชนก็ยังไม่มั่นใจว่า การบรูณาการของภาครัฐและเอกชน ที่จะเข้ามาช่วยฉีดวัคซีนเริ่มในดือนมิ.ย. จะมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามที่พูดหรือไม่

มาดูอีกด้าน ในการแก้ปัญหาทที่เรียกร้องให้ ประชาชนเคารพกฎหมาย แต่การเอาผิด “คลัสเตอร์ทองหล่อ” ต้นเหตุการระบาดปัจจุบันจนเกิดผลกระทบกับคนทั้งชาติ ระบบเศรษฐกิจ คนตกงาน ก็ยังไม่คืบหน้า การสอบสวนที่ผ่านมา ระบุด้วยว่า กลุ่มไฮโซไม่กี่คนเป็นต้นเหตุการนำเชื้อโควิดสายพันธุ์อังกฤษเข้าไทยผ่านการเข้าไปบ่อนที่ตั้งตามชายแดนไทย-กัมพูชา และกลับมาเสวยสุขเที่ยวสถานบันเทิงทองหล่อ จนแพร่กระจายทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยังเป็นต้นเหตุแพร่เข้าสู่ชุมชนแอดอัดในกทม. ย่านคลองเตย

ถามว่าอำนาจเบ็ดเสร็จที่นายกฯ เข้าควบคุมจนถึงวันนี้ มีการเอาผิด ต้นเหตุคลัสเตอร์ทองหล่อที่เปิดสถานบันเทิงอย่างผิดกฎหมายหรือยัง คำตอบก็ยัง เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกว่า ขอเวลา 1 เดือน นี่ก็ใกล้ครบ 1 เดือน ก็ไม่มีความคืบหน้าเอาผิดเจ้าของสถานบันเทิงที่เป็นตัวจริง อยู่เบื้องหลัง รวมถึง การไม่เอาผิดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กทม. ที่อนุญาตให้เปิดเกินเวลา และยอมให้สถานบันเทิงเหล่านี้เปิดบริการผิดวัตถุประสงค์ที่ยื่นจดทะเบียนไป

หรือเพราะ สถานบันเทิงทองหล่อ มีบิ๊กเนมอยู่เบื้องหลัง จึงไม่กล้าทำอะไร แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะรวบอำนาจ 31 ฉบับเอาไว้ทำไม ถ้าไม่ลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง

กลับมาสถานการณ์การระบาดระลอกสาม คลัสเตอร์คลองเตย เป็นชุมชนขนาดใหญ่มีประชาชากรอาศัยประมาณ 1 แสนคน ล่าสุดมีอัตราการติดเชื้อ 4-5% ความน่าห่วง คือ คนในชุมชนมีอาชีพลูกจ้าง คนงาน หาเช้ากินค่ำ กระจายอยู่หลากหลายในพื้นที่กทม.

ไม่แต่เฉพาะชุมชนคลองเคย ล่าสุดพบว่า มีการกระจายเชื้อยังชุมชนอื่นจนน่าวิตกว่าจะเอาอยู่หรือไม่เพราะขนาด ศบค.ยังนิยามว่า มันเป็นไฟไหม้ลุกลาม ไม่ใช่สะเก็ดไฟ เช่น ชุมชนแฟลตดินแดน ชุมชนบ่อนไก่ ชุมชนปทุมวัน กระทั่งผุดมาอีกหลายชุมชน เช่น ชุมชนวัดโสมนัส ชุมชนวัดญวนคลองลำปัก เขตดุสิต ปากคลองตลาด ศูนย์การค้าเขตพระนคร ลักษณะชุมชนเหล่านี้ก็คล้ายคลึงกับคลองเตย ทั้งการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อม เผชิญกับความเสี่ยงตลอดเวลา

สถานการณ์การแพร่ระบาดระลอกสามวันนี้ น่าวิตกว่า จะเอาไม่อยู่ เกิดความแตกตื่นในหมู่คนไทย ที่ผ่านมาเราเห็นภาพหลายเคสเสียชีวิตอย่างอนาถาเพราะระบบแก้ปัญหาผู้ป่วยฉุกเฉินไม่มีประสิทธิภาพ เกิดเคสอาม่า คุณยายเสียชีวิตในบ้าน เพราะติดเชื้อแล้ว โทรสายด่วนแต่ไม่มีโรงพยาบาลไหนช่วยได้

ในช่วงแรก การส่งต่อผู้ป่วยไม่ทันสถานการณ์ รพ.ปฏิเสธรับผู้ติดเชื้อ คอลเซ็นเตอร์ระบบฉุกเฉิน โทรไปสายไม่ว่าง ปัญหาเตียงไม่พอ เคสรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทรวงสาธารณสุขออกข่าว ระบบของโรงพยาบาลทั้งหมด จะรับไม่ไหวภายใน 10 วันนี้ ถ้าการระบาดยังอยู่ในหลักพันขึ้นอย่างต่อเนื่อง สร้างความวิตกไม่น้อย นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล เตือนว่า ถ้าเรายังคุมไม่อยู่และตัวเลขไหลอย่างนี้เรื่อยๆ เราก็กำลังเข้าสู่จุดวิกฤตแล้ว

แม้ว่ารัฐบาลประกาศ ล็อคดาวน์พื้นที่ระบาดหนัก กทม.และปริมณฑล 5 จังหวัดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันกราฟผู้ติดเชื้อก็ยังไม่ลด พุ่งไปที่ระดับ2,000 คนต่อวัน ยอดผู้เสียชีวิตสลับทำสถิติเป็นนิวไฮแทบทุกวัน ยอดผู้ติดเชื้อแต่ละวันเกือบครึ่งมาจาก กทม. และปริมณฑล ย่อยลงไปอีกจะพบว่า ครึ่งหนึ่งอยู่ในกทม.ล้วนๆ

นับถอยหลังภายใน 14 วันจากนี้ ที่ผู้ว่า กทม.ขอเวลาลดการระบาด ก็จะรู้ว่า “บิ๊กตู่” ที่นั่งมาหัวโต๊ะบัญชาการด้วยตัวเอง ใช้ทีมแพทย์ และทหาร ฝ่ายความมั่นคง เป็นโมเดล จะคุมพระเพลิงโควิดที่ กทม.หรือไม่ สูตรการแก้ปัญหาที่จะเร่งฉีดวัคซีนคนในชุมชนคลองเตยให้ได้วันละ 3,000 คนต่อวัน ยังเป็นเป้าที่น้อยไปในภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนอย่างนี้ เพื่อตัดไฟแต่ต้นลม ควรฉีดให้ได้วันละหมื่นคนอย่างต่ำ จากประชากรเกือบแสนคนในชุมชนคลองเตย

ความรับผิดชอบ อยู่ในมือ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เพียงผู้เดียว แน่นอนว่า ในสถานการณ์วิกฤต ไม่มีใครอยากเปลี่ยนม้ากลางศึก แต่เมื่อรวบอำนาจ ดึงทุกศักยภาพแล้วหากยังแก้ไม่สำเร็จ ฉีดวัคซีนไม่ทันเป้า ระวังประชาชนทุกหมู่เหล่าจะมาเช็คบิลโดยไม่ต้องรอให้ม็อบมารุกไล่