posttoday

บิ๊กตู่ "ลุ้นใบแดง-งูเห่า" ตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ

28 มีนาคม 2562

การเคลื่อนไหวของขั้วการเมืองที่พยายามผนึกกำลังรวมเสียงให้ได้มากที่สุดเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ของทั้งสองขั้ว ดูจะปริ่มน้ำใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

บรรยากาศการเมืองยังคงอยู่ในช่วง"ฝุ่นตลบ" ต่อเนื่องเป็นต้นมา หลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มี.ค. ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของขั้วการเมืองที่พยายามผนึกกำลังรวมเสียงให้ได้มากที่สุดสำหรับจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ต้องรอการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้งคาดว่าจะสามารถทำได้ในวันที่ 9 พ.ค.นี้

ยิ่งในสถานการณ์ที่การรวมเสียงของทั้งสองขั้ว ดูจะปริ่มน้ำใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก การชิงจังหวะออกมาเปิดตัวแสดงความพร้อมของแต่ละฝั่ง ย่อมเป็นการเคลื่อนไหวที่ต้องจับตา ซึ่งเป็นทั้งการ "ล็อกเสียง" ฝั่งตัวเองไม่ให้รั่วไหลออกไปไหนในช่วงเวลานับจากนี้ อีกทั้งยัง "ตีกัน" คู่แข่งที่มีเสียงน้อยกว่าไม่ให้รวมเสียงขึ้นมาสู้ อันจะผิดธรรมเนียมตามกติกาประชาธิปไตย

ดังจะเห็นจากการเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทยร่วมกับพรรคฝ่ายประชาธิปไตย คือ พรรคอนาคตใหม่ เศรษฐกิจใหม่ เสรีรวมไทย เพื่อชาติ ประชาชาติ ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถนนเพชรบุรี ตัดใหม่ นำโดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุว่า จากที่ได้พูดคุยถึงแนวทางการทำงาน และประกาศเป็นสัญญาประชาคมระหว่างการเลือกตั้ง ว่า จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และจะทำตามสัญญาประชาคม และจากเจตนาของประชาชนที่ได้เลือกเรามา พรรคฝั่งประชาธิปไตยได้เสียงมากสุด แม้ว่าจะยังไม่นิ่ง แต่ก็ได้ไม่ต่ำกว่า 255 เสียงแล้ว

"ถือว่า ขณะนี้เราเป็นพรรคที่เป็นประชาธิปไตยและไม่สืบทอดอำนาจ ที่ได้เสียงข้างมาก 'ฉันทานุมัติ' จากประชาชนแล้ว ซึ่งเราจะทำตามสัญญาประชาคม ว่าจะหยุดอำนาจ เราจะทำตามความคาดหวัง และเดินตามกติกาอย่างมีมารยาท พร้อมส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมการเมืองในเชิงสร้างสรรค์"

แต่อีกด้านหนึ่งทางฝั่งพรรคพลังประชารัฐก็เตรียมประกาศความชัดเจนของฝั่งตัวเอง โดย อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ไม่มีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับที่พรรคเพื่อไทยจะชิงจัดตั้งรัฐบาลก่อน โดยถูกมองว่าเป็นการประกาศรวมเสียงเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเมินแล้วสาเหตุที่พรรคพลังประชารัฐยังสามารถจะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลแข่งกับฝั่งเพื่อไทยได้มาจาก 2 สาเหตุสำคัญ เริ่มตั้งแต่เรื่องแรก ผลการเลือกตั้งที่ยังไม่นิ่ง จนกว่าจะมีการประกาศผลชัดเจนอย่างเป็นทางการ รวมไปถึงการตัดสิทธิ ให้ใบเหลือง ใบแดง นับจากนี้ อันจะเป็นปัจจัยที่มีผลต่อเนื่องไปถึงการเปลี่ยนแปลงจำนวนเก้าอี้ของแต่ละพรรค

ดังจะเห็นจากที่ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงการแถลงข่าวของฝั่งพรรคเพื่อไทยว่า ใครที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อมที่จะทำและช่วงชิงอะไรก็ทำไป แต่ไม่ได้มีผลจริงจังอะไร มีผลด้านจิตวิทยาและการรับรู้ของสังคมในระดับหนึ่งเท่านั้น แต่จะสิ้นสุดและยุติไม่ได้ เพราะผลอย่างไม่เป็นทางการเพียง 95% เพิ่งจะประกาศไป ยังมีที่เหลืออีกหลายคะแนนอยู่

อีกทั้ง ต่อจากนี้จะต้องมีการดำเนินคดีและดำเนินการอีกหลายเรื่อง เพราะมีผู้มาร้องเรียนเรื่องการเลือกตั้งหลายรายที่จะต้องมีการตรวจสอบก่อน ฉะนั้นทั้งหมดจึงยังไม่มีความแน่นอนอะไรตราบใดที่ยังไม่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีความชัดเจน เป็นเรื่องธรรมดา เพราะขนาดจับมือรับปาก ลงชื่อตามสัตยาบัน ก็อาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงได้

การพิจารณารับรองผู้สมัคร ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตลอดจนการให้ใบเหลืองใบแดง ใบส้ม ต่อจากนี้ของ กกต. จึงถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะมีผลต่อคะแนนเสียงของแต่ละพรรค และจะมีผลต่อเนื่องไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลนับจากนี้ต่อไป ดังนั้นในวันที่ กกต.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นการทำหน้าที่ การทำงานของ กกต.ในเวลานี้ย่อมจะต้องถูกจับตาอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในวันที่มีการล่ารายชื่อถอดถอน กกต.หลายแสนคน

อีกประเด็นที่ทำให้ พรรคพลังประชารัฐยังสามารถตั้งรัฐบาลแข่งได้มาจาก บรรดา "งูเห่า" ที่มีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้พรรคพลังประชารัฐกล้าตั้งรัฐบาลในภาวะเสียงปริ่มน้ำ จนสุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพในการบริหารประเทศ

แม้เบื้องต้นในขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรี จะไม่เป็นปัญหาสำหรับพรรคพลังประชารัฐ เพราะมี 250 เสียง ของ สว.เฉพาะกาลที่พร้อมจะ เทมาสนับสนุน แต่ในการบริหารงานนั้น ลำพังเสียงปริ่มน้ำของรัฐบาลพรรคพลังประชารัฐ ย่อมไม่ง่ายในการลงมติในสภาแต่ละครั้ง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ให้การตัดสินใจของ สส.เป็นอิสระ ไม่ต้องขึ้นกับมติพรรคโอกาสที่จะเกิด "งูเห่า" จากพรรคอื่นมาโหวตสนับสนุน ย่อมเป็นไปได้

แต่จุดที่ต้องจับตาคือท่าทีของพรรคภูมิใจไทยเวลานี้ ซึ่ง อนุทิน  ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ระบุว่า จุดยืนของพรรคคือการไม่สนับสนุนให้มีนายกที่มีเสียงข้างน้อยในสภานั่นเอง การประกาศตัวสนับสนุนขั้วใดขั้วหนึ่งย่อมมีผลต่อการชี้ขาดการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต

เส้นทางการจัดตั้งรัฐบาลนับจากนี้จึงมีปัจจัยต่างๆ ที่ล้วนแต่จะมีผลต่อทุกคะแนนเสียง ซึ่งต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป