posttoday

เลือกตั้งศรีสะเกษเดือด พท.-ภท.-พปชร.แพ้ไม่ได้

07 กุมภาพันธ์ 2562

สมรภูมิศึกเลือกตั้ง จ.ศรีสะเกษ แข่งขันดุเดือดและรุนแรงไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ การเลือกตั้งทั้ง 8 เขต เป็นการแข่งขันช่วงชิงระหว่าง พรรค พท. ปชป. และ พปชร.

โดย...เสนาะ วรรักษ์

จ.ศรีสะเกษ มีประชากรจำนวน 1,472,031 คน ประกอบด้วย 22 อำเภอ 8 เขตเลือกตั้ง มี สส. 8 คน มีผู้สมัครรับเลือกตั้งรวมทั้งหมด 141 คน จาก 20 พรรคการเมือง ในจำนวน 8 เขตเลือกตั้ง มีเขต 1 เขต 2 เขต 4 และเขต 5 ที่ส่อเค้าแข่งขันกันดุเดือด

สนามเลือกตั้งเขตที่ 1 มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง 18 คน พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ส่ง ฐิตารีย์ ไตรสรณปัญญาอาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏศรีสะเกษ เบอร์ 7 หมายมั่นปั้นมือว่าจะต้องโค่น ธเนศ เครือรัตน์ อดีต สส.ผู้ยืนยงแห่งพรรคเพื่อไทย (พท.) เบอร์ 5 คนสนิทของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มีฐานเสียงแน่นปึ้กจากคุณพ่อ ไพโรจน์ เครือรัตน์ อดีต สส.ตลอดกาล ที่ปูฐานเสียงไว้ให้

อย่างไรก็ตาม คู่แข่งที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษคือ สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติเบอร์ 11 พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทายาท ฉัฐมงคล อังคสกุลเกียรติ นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองศรีสะเกษ ฐานเสียงแข็งแกร่งไม่แพ้ ธเนศ เพราะลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนต่อเนื่องตลอดเวลาในช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นเขตช้างชนช้างเลยทีเดียว แพ้ชนะคะแนนคงไม่ห่างกันมากนัก ส่วน กล่ำคาน ปาทาน อดีต สจ.ศรีสะเกษ ลงสมัครพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อีกคนไม่ควรประมาทเช่นกัน เพราะมีแรงหนุนจากกลุ่มข้าราชการและผู้นำท้องถิ่น โอกาสพลิกล็อกชนะคู่แข่งทั้งสองคนก็เป็นไปได้เหมือนกัน

สนามเลือกตั้งเขตที่ 2 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 17 คน ดาวเด่น คือ เบอร์ 6 สุรชาติ ชาญประดิษฐ์ พรรคเพื่อไทย อดีต สส.หลายสมัย รายนี้ลงพื้นที่พบปะชาวบ้านอย่างสม่ำเสมอตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา คู่แข่งสำคัญ พิเชฐ บุญเลียวเบอร์ 9 อดีต สส.พรรคมาตุภูมิ ที่ย้ายมาซบพรรคพลังประชารัฐ

คู่นี้ต่างคนต่างเป็นคนพื้นที่เดียวกัน เลือกตั้งทุกทีที่ผ่านมาขับเคี่ยวกันมาตลอด ผลัดกันแพ้ชนะจากกลยุทธ์การหาเสียงเป็นหลัก แต่ครั้งนี้ยังมีตัวสอด แทรกตัวเลือกอีกคน คือ ทองจันทร์ ศรีสุธรรม เบอร์ 13 พรรคภูมิใจไทย อดีตพิธีกรมหานิยม สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย จ.ศรีสะเกษ ชื่อเสียงชาวบ้านรู้จักเป็นอย่างดี เป็นอีกเขตที่จะแข่งกันดุเดือดแน่

สนามเลือกตั้งเขตที่ 3 มีผู้สมัคร 17 คน คู่แข่งแต่ละคนหากเทียบปอนด์ต่อปอนด์คงยากที่จะเทียบชั้นเชิง วิวัฒน์ชัย โหตระไวศยะ อดีต สส.หลายสมัย เบอร์ 11 พรรคเพื่อไทย ที่กุมฐานเสียงไว้แน่น

สนามเลือกตั้งเขตที่ 4 มีผู้สมัคร 17 คน สนามนี้ไม่ใช่ศึกช้างชนช้าง แต่เป็นหมอชนหมอ ระหว่าง นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ อดีต สส.หลายสมัย เบอร์ 1 เลือกตั้งครั้งนี้ลงสมัครนามพรรคพลังประชารัฐ คู่แข่งยังคงเป็น นพ.จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์ เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย อดีต สส.หลายสมัย ถนนทางการเมืองของสองหมอต่างมีดีไปคนละทาง กล่าวถึง นพ.จาตุรงค์ นั้นมีวงศาคณาญาติล้วนเป็นนักการเมืองท้องถิ่นระดับสูง ที่ผ่านมาสร้างคุณงามความดีให้แก่ท้องถิ่นมากมาย ส่วน นพ.ภูมินทร์ มีฐานคะแนนเสียงที่หนาแน่นจากฐานรากเสียส่วนใหญ่

สนามเลือกตั้งเขตที่ 5 มีผู้สมัคร 17 คน ผู้สมัครคนเดิมหน้าเดิม ธีระ ไตรสรณกุล เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย อดีต สส.หลายสมัย ผู้ท้าชิง อมรเทพ สมหมายเบอร์ 3 พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) อดีต สส.ที่ครองพื้นที่นี้มานาน แต่เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ธีระสามารถคว้าเก้าอี้มาครองได้สำเร็จ ครั้งนี้ธีระก็หวังเช่นนั้น เพราะพรรคเพื่อไทยยังครองความนิยมจากประชาชนไม่เสื่อมคลาย สนามนี้ถือว่าเป็นศึกช้างชนช้าง เป็นอีกเขตที่น่าติดตามดูเป็นอย่างยิ่ง และคะแนนคงออกมาสูสีแน่นอน

สนามเลือกตั้งเขตที่ 6 มีผู้สมัคร 17 คน สนามนี้เจ้าของพื้นที่เดิมคือ วีระพล จิตสัมฤทธิ์ เบอร์ 8 พรรคเพื่อไทย อดีต สส.หลายสมัย เคยมีคู่แข่งสำคัญ มาลินี อินฉัตร แต่ครั้งนี้โยกไปสมัคร สส. บัญชีรายชื่อ โดยมอบหมายให้น้องชาย อธิป อินฉัตร เบอร์ 9 สมัครแทนในพรรคเพื่อชาติ ทำให้ วีระพล เจอคู่แข่งสำคัญ

อีกคนที่ต้องจับตามอง คือ ปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีต สส.หลายสมัย หวนกลับมาลงเล่นการเมืองอีกครั้งหลังจากห่างเวทีการเมืองมานาน สมัยนี้แม้ว่าตาจะบอดแต่ว่าสมองไม่บอด แถมใจสู้ เบอร์ 12 พรรคพลังประชารัฐ สนามนี้มีฐานคะแนนเสียงเดิม แต่ห่างเหินพื้นที่มานาน จะเรียกคืนได้หรือไม่ต้องคอยดู

สนามเลือกตั้งเขตที่ 7 มีผู้สมัคร 17 คน เขตนี้มี มานพ จรัสดำรงนิตย์ อดีต สส.หลายสมัย เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย ผู้ท้าชิง อาสพลธ์ สรรณ์ไตรภพ เบอร์ 2 พรรคภูมิใจไทย คนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง การศึกษาสูง บุคลิกดี มีฐานะ อดีต สจ. ลูกชายเสี่ยก๋อ-วีระศักดิ์ เคยสมัคร สส. หลายสมัย แต่ปีนี้ให้วางมือปล่อยให้ลูกชายลงสมัครการเมืองระดับประเทศ เขตนี้ถือว่าสูสี ก็ต้องวัดใจชาวบ้านว่าจะเปลี่ยนตัวสส.หรือไม่

สนามเลือกตั้งเขตที่ 8 มีผู้สมัคร 20 คน สำหรับเขตนี้มีดาวเด่นอยู่คนเดียว คือ ผ่องศรี แซ่จึง เบอร์ 13 พรรคเพื่อไทย อดีต สว. ภรรยา ปวีณ แซ่จึงอดีต สส.ทุกสมัย มีฐานคะแนนเสียงแข็งโป๊ก คู่แข่งที่น่าจับตามองมีเพียง ธีรพงศ์ ไตรสรณปัญญา เบอร์ 12 พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมีฐานคะแนนเสียงดีขึ้นตามลำดับ เพราะจากการลงพื้นที่แต่ละครั้งกระแสตอบรับดีเกินคาด

สมรภูมิศึกเลือกตั้ง จ.ศรีสะเกษ แข่งขันดุเดือดและรุนแรงไม่แพ้จังหวัดอื่นๆ การเลือกตั้งทั้ง 8 เขต เป็นการแข่งขันช่วงชิงระหว่าง พรรค พท. ปชป. และ พปชร. ซึ่งพรรคไหนจะผงาดคว้าชัยครั้งนี้อยู่ที่ฐานเสียงและนโยบายพรรคว่าจะโดนใจประชาชนมากน้อยแค่ไหน