posttoday

ม.44 ยาวิเศษ คุมเกมเลือกตั้ง

25 สิงหาคม 2561

เกิดคำถามต่อการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

โดย ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

เกิดคำถามต่อการใช้อำนาจพิเศษตามมาตรา 44 ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงว่า เข้าข่ายแทรกแซงองค์กรอิสระและการจัดการเลือกตั้งโดยเป็นการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเพียงผู้เดียว แต่ยังแก้ปัญหาหรือเปิดเสรีให้พรรคการเมืองได้ดำเนินการกิจกรรมเตรียมตัวเลือกตั้งได้ไม่เต็มที่

ในการเดินหน้าจัดการเลือกตั้งเกิดปัญหาตลอดและทุกเรื่อง “บิ๊กตู่” ใช้มาตรา 44 จบปัญหาทั้งสิ้น ไล่ตั้งแต่มาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 เรื่อง การดำเนินการตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ก็ยังไม่ปลดล็อกพรรคเก่า แต่เปิดทางให้พรรคใหม่เตรียมทำเรื่องธุรการได้ก่อน พร้อมขยับเงื่อนเวลาในการเคลียร์ฐานสมาชิกและจ่ายค่าสมาชิกของพรรคเก่า จากเดิมครบกำหนดวันที่ 5 ม.ค. 2561 เป็นให้เริ่มนับ 1 วันที่ 1 เม.ย. 2561 ท่ามกลางการจับจ้องจากฝ่ายการเมือง เพราะหวาดระแวงว่าอาจเป็นการแอบใช้มาตรา 44 เพื่อยืดเวลาเลือกตั้งออกไปอีก แม้ผู้นำรัฐบาลต่างออกมายืนยันว่า ทุกอย่างยังคงเดินตามโรดแมป

ดังนั้น คำสั่งมาตรา 44 ฉบับนี้เลยกลายเป็นเผือกร้อนถล่มรัฐบาลขึ้นมาทันที เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคเพื่อไทย เตรียมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีเนื้อหาขัดรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติหรือไม่ เพราะคำสั่งดังกล่าวสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบโดยเฉพาะพรรคการเมืองเดิมกับพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรทหารได้ประโยชน์ไม่เท่าเทียมกัน

ยิ่งในขณะนั้นเกิดกระแสต้าน“บิ๊กตู่” อย่างหนัก ฐานยื้อเลือกตั้งเพราะมีเค้าลางจากข่าวลือที่ออกมาเป็นระยะๆ ว่า คสช.อาจจะคว่ำร่างพระราชบัญญัติประกอบ (พ.ร.ป.) รัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. … และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. … เพื่อเลื่อนเลือกตั้งออกไป ยิ่งกระแสต้านโหมกระพือเป็นทวีคูณ เมื่อ “บิ๊กตู่” งัดมาตรา 44 เข้ามาแทรกแซงการจัดการเลือกตั้งผ่านคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระทางการเมือง แต่ถูกมาตรา 44 ปลดกลางอากาศ สมชัย ศรีสุทธิยากร ออกจาก กกต. ฐานให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนด้วยถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมเป็นอุปสรรคต่อการจัดการเลือกตั้ง

การใช้อำนาจมาตรา 44 ของ“บิ๊กตู่” ถูกมองว่าแอบแฝงไปด้วยกลยื้อเลือกตั้ง ประกอบกับสถานการณ์และบรรยากาศทางการเมืองอึมครึมเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิดในสังคมที่แบ่งออกเป็นสองซีก ระหว่างฝ่ายหนึ่งอยากเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศประชาธิปไตย เพื่อปลดแอกจากการใช้อำนาจนิยมของ “บิ๊กตู่” ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องการให้ “บิ๊กตู่” อยู่ยาวโดยไม่ต้องเลือกตั้งเพราะหวาดระแวงว่าการเมืองจะย้อนกลับสู่สภาวะเดิมๆ จากความขัดแย้งสีเสื้อเกิดชุมนุมทางการเมืองสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ และที่สำคัญไม่ไว้ใจนักการเมืองจะเข้ามาโกงกิน ดังนั้นจึงกลายเป็นที่มาของกระแสสังคมไทยและประชาคมโลกต่างกดดันให้“บิ๊กตู่” ประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจนเสียที

จึงกลายเป็นที่มาของการเปิดรูระบายผ่านเวทีการประชุมร่วมระหว่าง คสช. รัฐบาล คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2561 ได้ข้อสรุปเบื้องต้นในการกำหนดวันเลือกตั้งคร่าวๆ ในช่วงเดือน ก.พ. 2562 และช้าสุดไม่เกินเดือน พ.ค. 2562 โดยสาระสำคัญในเวทีดังกล่าว คือ ถ้อยคำของ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่ยืนยันว่า คสช.พร้อมใช้มาตรา 44 เพื่อ “คลายล็อก” ให้พรรคการเมืองสามารถจัดประชุมใหญ่ เลือกหัวหน้า หรือกรรมการบริหารพรรค และเตรียมจัดทำ “ไพรมารีโหวต” ได้ แต่ห้าม “หาเสียง” อย่างเด็ดขาด

ขณะนี้ถือว่าวันเลือกตั้งชัดเจนแล้ว เมื่อ “บิ๊กตู่” ลั่นวาจาไว้เมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.ชุมพร โดยยืนยันว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้ จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.ปีหน้า เมื่อวันเลือกตั้งชัดเจน แน่นอนบรรดาพรรคการเมืองต่างกดดันให้รัฐบาลเร่งคลายล็อกพรรคการเมืองเสียที

จนในที่สุด “บิ๊กตู่” เตรียมใช้มาตรา 44 ล็อตใหญ่คลายกฎเหล็กถึง 6 ข้อ เพื่อเปิดทางให้จัดกิจกรรมทางการเมืองได้ อาทิ พรรคการเมืองจัดประชุมใหญ่ เพื่อรับสมัครสมาชิกเพิ่มเติม การแบ่งเขตเลือกตั้ง การจัดทำไพรมารีโหวต การเลือกหัวหน้าหรือกรรมการพรรค รวมถึงการตั้งกรรมการเพื่อสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง การติดต่อประสานงานกันระหว่างสมาชิก และรูปแบบการหาเสียง เป็นต้น

การใช้มาตรา 44 ในครั้งนี้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เพราะสะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นคงทางกฎหมาย ว่าสุดท้ายจะปูทางไปสู่การจัดการเลือกตั้งได้หรือไม่ หรือต้องกลับมาพึ่งอำนาจมาตรา 44 ของ “บิ๊กตู่” เข้ามาแทรกแซงเพื่อจบปัญหาอีก นับจากวันนี้ไปกว่าจะถึงวันที่ 24 ก.พ. 2562 “บิ๊กตู่” ยังคงต้องงัดยาวิเศษมาตรา 44 อีกกี่ฉบับถึงจะทำให้การจัดการเลือกตั้งได้ราบรื่น เพราะการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์และเที่ยงธรรมที่ทุกฝ่ายให้การยอมรับถือเป็นตัวชี้วัดสำคัญในการใช้อำนาจมาตรา 44 ของ “บิ๊กตู่” ว่าจะจัดการเลือกตั้งได้สำเร็จ หรือล้มเหลว