posttoday

"วีระศักดิ์"ผู้อยู่เบื้องหลัง ดึงนักดำน้ำโลกช่วยหมูป่า

22 กรกฎาคม 2561

ไม่ง่ายที่จะดึงนักดำน้ำกู้ภัยระดับโลก มาร่วมกันทำภารกิจช่วย 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง เบื้องหลังการติดต่อ นอกจากฝีมือแล้วยังต้องมีเรื่องโชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้อง

ไม่ง่ายที่จะดึงนักดำน้ำกู้ภัยระดับโลก มาร่วมกันทำภารกิจช่วย 13 ชีวิตที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง เบื้องหลังการติดต่อ นอกจากฝีมือแล้วยังต้องมีเรื่องโชคชะตาเข้ามาเกี่ยวข้อง

**************************

โดย...ธนพล บางยี่ขัน

ไม่บ่อยครั้งกับการรวมตัวของนักดำน้ำถ้ำระดับโลกจนเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จกับภารกิจ 17 วันที่ช่วยเหลือทีมหมูป่าและโค้ชได้สำเร็จ

เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้ วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ติดต่อกับนักดำน้ำถ้ำที่มีฝีมือจากหลายประเทศทั่วโลกมาร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ อธิบายว่า เรื่องที่เกิดขึ้นภายในถ้ำทั้งฝีมือคนไทยและต่างชาติต้องบอกว่าเป็นฝีมือล้วนๆ แต่การประสานงานครั้งนี้ต้องบอกว่าเป็นดวงล้วนๆ เหมือนกัน

จุดเริ่มต้นมาจาก เวิร์น อันสเวิร์ธ นักดำน้ำอังกฤษที่อยู่ในพื้นที่มาเสนอความเห็นว่า สิ่งที่พวกเราทำอยู่ก็ให้ทำไป แต่ความเห็นเขาคงต้องดึงผู้ชำนาญการพิเศษ เคฟ ไดเวอร์ มาช่วยและมีหนึ่งคนที่เขารู้จักคือ โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ เคยมาสำรวจที่ถ้ำหลวงเมื่อไม่นานมานี้ ซึ่งให้ เวิร์น เป็นคนช่วยโทรศัพท์ให้ตอนนั้นเลย

“เฟซไทม์ไปตอนนั้น คุณร็อบแกยังใส่ชุดนอนไม่ติดกระดุมนั่งบนเตียง ผมก็บอกเป็นรัฐมนตรีพูดในนามรัฐบาลไทย ถามว่าติดตามเรื่องเด็กติดถ้ำอยู่หรือไม่เขาบอกติดตาม ก็ถามต่อว่าถ้ารัฐบาลไทยจะเชิญมาช่วยงานซึ่งกำลังทำงานแข่งกับเวลาจะยินดีไหม เขาบอกยินดีพูดโดยไม่ต้องคิด

ถามว่าจะมาเร็วได้แค่ไหน เขาตอบว่าคุณจะเตรียมตั๋วให้ได้เร็วแค่ไหน ก็บอกเขาว่ายูวางหูแล้วไปสนามบินได้เลยที่เหลือไอจัดการเอง​ ตอนนั้นผมยังไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงเลย เราเป็นรัฐ เราต้องทำจนได้น่ะ ก่อนวางหู ร็อบบอกว่า แกเป็นพลเรือนอังกฤษขอให้เราทำเรื่องขอความช่วยเหลือไปที่รัฐบาลอังกฤษด้วยเพื่อให้เป็นการขอความช่วยเหลือระหว่างรัฐต่อรัฐ”

รมว.ท่องเที่ยวฯ เล่าต่อว่า จากนั้นก็โทรไปหาท่านวีระศักดิ์ ฟูตระกูล รมช.ต่างประเทศ ซึ่งไปช่วยราชการกับรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อยู่ที่ฮ่องกง บอกว่าไม่มีเวลาอธิบายเยอะ แต่ขอให้ช่วยสื่อสารกับรัฐบาลอังกฤษให้นักดำน้ำ 3 คน จากอังกฤษเดินทางมาไทยหน่อย ตอนนั้นรายชื่อทั้ง 3 คน ยังอยู่ในกระดาษยับๆ ที่ส่งมายัง มท.1

ตอนนั้นเห็นแล้วเราก็ขอกระดาษ A4 จากหน่วยซีลมาเขียนรายละเอียดทางการเป็นภาษาอังกฤษว่า อยากให้นักดำน้ำเหล่านี้เข้ามาในประเทศให้เร็วที่สุดแล้วก็ถ่ายรูปส่งไปให้ รมช. จุดนั้นกระบวนการสื่อสารทางการทูตเริ่มต้นแล้ว ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบินก็ต่อสายหา อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ขอตั๋วให้คน 3 คน บินเข้ามาเร็วสุด ​

“เป็นเรื่องบังเอิญที่ผมโทรหารัฐมนตรีทั้งสองท่านได้เร็วเพราะท่านนั่งประกบสองข้างในการประชุม ครม.ทุกวันอังคาร เราเลยคุ้นเคย คุยกันประจำ หรือถ้าไม่มีวัฒนธรรมคุยไลน์กันก็ยากเพราะเบอร์จริงท่านเบอร์อะไรเราก็ไม่รู้ เพราะโทรไลน์คุยก็รู้เรื่องแล้ว”

ผ่านไป 20 นาที จากนั้นก็ได้ตั๋วมาเมืองไทย ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าจะออกตั๋วให้ใคร ใครจะจ่าย ให้ออกตั๋วรอไว้​ พร้อมลงรายละเอียดว่าอุปกรณ์ทั้งหมดที่นำมาด้วยให้ใส่คอนเทนเนอร์เล็กมาต่างหาก อย่าปะปนกับสัมภาระผู้โดยสารอื่น จะได้ไม่ต้องไปรอให้เสียเวลา ​โชคดีที่ 2 ชั่วโมง ถัดมาทั้ง 3 คน ก็ไปยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ซึ่งทันเครื่องออกพอดีไม่ต้องรอวันรุ่งขึ้น สรุปรวมเวลาตั้งแต่โทรศัพท์คุยกันจนมาถึงหน้าถ้ำใช้เวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง มาถึงก็ลงดำเลย ส่วนตัวก็ปล่อยให้ทำงานเต็มที่

วีระศักดิ์​ เล่าอีกว่า จากที่ได้คุยกับคุณร็อบ เขาบอกว่าไม่เคยเจออะไรอย่างนี้มาก่อน ไม่คิดว่าจะซับซ้อนขณะนี้ คลื่นแรงมากเราก็ประสานตำรวจท่องเที่ยวให้ไปดูว่าคุณร็อบดำตรงไหนก็ให้รอตรงนั้นจนกว่าจะกลับมา ซึ่งตอนที่เจอเด็กก็ใช้เวลาไป 8 ชั่วโมง จนเป็นที่มาของประโยค “ฮาว เมนี ออฟ ยู” ตามภาพที่ปรากฏ เราก็ถามว่าเอากล้องมาด้วยหรือ เขาบอกว่าหน่วยซีลฝากถ่าย ​​

“หลังจากนั้น ร็อบก็ต้องกลับก่อนเพราะมีนัดกับหมอ ผมก็ไปส่งเอง บอกทานข้าวให้สบายก่อน รู้ว่าเขาชอบทานอาหารไทย อย่างผัดฉ่าปลาคัง ถามเขาว่า ไม่เผ็ดหรือ ​เขาบอกอร่อยดี เมื่อกลับไป 1 วันก็ได้รับแจ้งว่า จำนวนนักดำน้ำที่ใช้ต้องมากกว่านี้ก็เข้าใจได้ เพราะดำหลายวันทุกวัน​จึงติดต่อไปยังสมาคมกู้ภัยถ้ำของอังกฤษ เขาบอกได้รับรายงานแล้ว และเตรียมคนไว้ 5 คน 3 คนสามารถไปได้ก่อน ซึ่งไม่ยากเท่าครั้งก่อนโดยใช้วิธีเดิม”

รมว.ท่องเที่ยวฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นนึกได้ว่ามีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งบอกว่าสมัยเกิดสึนามิ ทางสหรัฐเขามีเครื่องค้นสัญญาณชีพ เราไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง แต่นาทีนั้นอะไรก็เอาทั้งนั้น โทรหา รมช.ต่างประทศ เล่าให้ฟังช่วยประสานไปทางวอชิงตันให้หน่อย สักพักทีมที่อยู่โอกินาวาก็ขึ้นเครื่องมาเชียงราย โดยให้ทาง รมช.ต่างประเทศ เคลียร์เส้นทางบินเพราะเป็นเครื่องบินทหารที่บินเข้าน่านฟ้าไทยฉุกเฉิน โดยก่อนหน้านี้เขาเคยมาซ้อมคอบร้าโกลด์ที่เมืองไทยเมื่อมาถึงจึงขอประสานกับทางกองทัพตรงนั้นตัวเองก็จบหน้าที่

“นาทีที่เจอเด็กเห็นคลิปแล้วทุกคนชื่นใจ โลกทั้งใบถอนหายใจพร้อมกัน ผมมั่นใจอย่างนั้น”

"วีระศักดิ์"ผู้อยู่เบื้องหลัง ดึงนักดำน้ำโลกช่วยหมูป่า วีระศักดิ์ และ โรเบิร์ต ชาร์ลส ฮาร์เปอร์ นักดำน้ำชาวอังกฤษ

วีระศักดิ์ ประเมินว่า ​บทเรียนจากเหตุการณ์ครั้งนี้ เรื่องแรกเรื่องใหญ่สุดคือ การมีวินัยพร้อมเปิดรับความรู้ใหม่ ​​วินัยของการรับฟังผู้บริหารสถานการณ์เขาเอาไงก็เอาอย่างนั้น เราเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ได้แปลว่าเราใหญ่กว่าเขา เราไปที่นั่นเรามีหน้าที่รอฟัง เขาอยากบอกเราก็ฟัง เขาไม่บอกก็คือไม่บอกเรา

“ต้องรับฟังไอเดียแต่อย่าให้กระทบแผนหลัก นั่นเป็นจุดสำคัญที่ทำให้การจัดระเบียบระบบหน้าถ้ำซึ่งแต่ละคนไม่เคยมีประสบการณ์ ทุกคนยอมรับแม้จะมีความเห็นต่างกันได้ แต่ต้องไม่ให้ความเห็นต่างไปทำให้กระบวนการหลักที่เขาทำเกิดความลังเล เรื่องการเอาผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศเข้ามาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากผู้ชำนาญการอย่างรวดเร็วและไม่มีใครรู้จะลากถึง 17 วัน” ​

บรรยากาศที่เกิดขึ้นเราเห็นน้ำใจจากทุกสารทิศ ทำให้เห็นเลยว่าบรรยากาศที่เราทะเลาะเบาะแว้งทางสังคม สภาพแตกแยกทางความคิด ทางการเมืองมันละลายหายไปหมด ขณะเดียวกันต้องนึกถึงจิตอาสาที่ถูกฝึกฝนร่วมกันมาตั้งแต่งานพระบรมศพรัชกาลที่ 9 ที่มีนักศึกษามาช่วยแจกอาหารรุ่นแรกๆ ​

“ด้วยเดชะพระบารมีรัชกาลที่ 10 พระราชทานลงมาและทรงสนพระทัยการช่วยเหลือ​ ส่งอุปกรณ์มาในพื้นที่ ทุกบรรยากาศสอยเข้าหากันได้อย่างรวดเร็ว สร้างความประทับใจให้กับชาวต่างประเทศที่มาพบเห็น เป็นกำลังใจให้กับคนไทยที่เข้ามามีส่วนร่วมกับเรื่องนี้”

บทเรียนที่สำคัญคือ การยอมรับว่าใครบริหารหน้างาน ถ้าเขาขอเรารีบให้ ถึงแม้เขาไม่ขอ เราจงไปควานหาอะไรที่นอกหลักสูตรวิธีคิดที่เป็นทางออกรอดูว่าจะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้ ทีมขุดเจาะเขามารอ 2 วันไม่น้อยใจไม่กลับ​ ถ้ามีแต่เจตนาดี แต่น้อยใจไม่ใช้เราแบบนี้น่าจะสร้างแรงกดดันที่ไม่น่าดู” ​

สำหรับเฟส 2 หลังจากเหตุการณ์นี้ ​วีระศักดิ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากสำนักงานสนับสนุนการวิจัย (สกว.) ​ระบุว่า เรามีถ้ำ 4,000 ถ้ำ และยังมีอีก 4,000 ถ้ำที่มีต้นไม้ปกคลุมยังหาไม่เจอ ความดังของถ้ำหลวงจะส่งพลังไปสู่ถ้ำอื่นๆ ด้วย การเรียนรู้เรื่องเข้าถ้ำให้ปลอดภัยไม่ใช่แค่ดูเรื่องฤดูกาล แต่ยังต้องดูทั้งเรื่องสัตว์มีพิษ ​อัตราคาร์บอนไดออกไซด์ในถ้ำ

อย่างไรก็ตาม เราจะพบสัตว์ที่ไม่เคยพบมาก่อนในโลกได้ในถ้ำเพราะถ้ำไม่มีกาลเวลา เช้า เย็น ลึกไประดับ 1 อุณหภูมิก็ไม่เปลี่ยน​ นักสำรวจตะวันตกถึงได้ชอบถ้ำ ทำให้เข้าถึงบรรยากาศอันแท้จริง ถ้ำจึงไม่ใช่แค่แหล่งความมัน แต่เป็นแหล่งความรู้

วีระศักดิ์ บอกว่า ถ้ำส่วนใหญ่อยู่นอกเมือง ท้องถิ่นก็จะได้ประโยชน์ แต่ต้องอบรม​พัฒนาศูนย์เรียนรู้ มัคคุเทศก์ท้องถิ่น แต่ละคนจะมีใบอนุญาตไม่เหมือนกันเข้าได้ลึกแค่ไหน เข้าได้กี่กลุ่ม ต้องมีการจองล่วงหน้า

​“เขารู้จักถ้ำของเขาแน่ แต่อาจไม่ทันได้รับรู้หลักวิชาการ การรักษาถ้ำให้ดีอยู่ไปยาวๆ เขาควรต้องรู้ และจะได้มีรายได้เสริมจากการท่องเที่ยว​ เป็นเครื่องมือลดความเหลื่อมล้ำ​ ต้องให้ความเคารพต่อถ้ำ ​ถ้าคนพาไปบอกว่าไม่ก็ต้องไม่ ศักดิ์ศรีคนพาเที่ยวซึ่งเป็นชาวบ้านจะไม่ใช่แค่ผู้ให้บริการหรือลูกจ้าง แต่จะเป็นคนพานำที่มีศักดิ์ศรี”

"วีระศักดิ์"ผู้อยู่เบื้องหลัง ดึงนักดำน้ำโลกช่วยหมูป่า

อีกด้านหนึ่งอาจ​มีการพัฒนาตั้งสถาบันฝึกดำน้ำถ้ำ ซึ่งนักดำน้ำที่มาช่วยก็ยินดีที่จะกลับมาเป็นวิทยากร วันหนึ่งเราอาจจะมีนักดำน้ำไทยที่จะถูกขอตัวไปช่วยตามที่ต่างๆ เป็นสถาบันที่มีทั้งนักท่องเที่ยวมาฝึกเล่นๆ ไปจนถึงฝึกครู หรือนักกู้ภัยก็ว่ากันไป ขณะที่หน่วยซีลก็เริ่มพัฒนาหลักสูตรของเขาเพราะใช้ทักษะคนละชุดกับที่ฝึกมา

ส่วนการบันทึกเหตุการณ์ระดับโลกทั้ง 17 วันนี้ก็ต้องเป็นการบันทึกแบบระดับโลกที่กระทรวงวัฒนธรรมจะเป็นคนดำเนินการ ส่วนการทำภาพยนตร์หรือเกม ก็จะมีการดำเนินการ ส่วนต่างชาติที่จะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต้องขออนุญาตกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อตรวจบทและอนุมัติ

ที่สำคัญเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ทั่วโลกรู้จักกับประเทศไทยมากขึ้นอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนทั้ง สำนักข่าวต่างๆ ไมว่าจะเป็น บีบีซี ซีเอ็นเอ็น เอบีซี บลูมเบิร์ก อัลจาซีรา จะแช่รายงานเรื่องเหล่านี้เป็นชั่วโมง หรือช่องดิสคัฟเวอรี่ที่มีตอนพิเศษซึ่งทั้งหมดไม่ต้องเสียเงินซักบาท และมีคนตั้งหน้าตั้งตาดู เพราะฉะนั้น​ค่าใช้จ่ายที่ใครต่อใคร หรือรัฐลงทุน ทั้งเลี้ยงดูปูเสื่อดูแลจิตอาสา ขนอุปกรณ์ ซ่อมแซม ทั้งหมดเกินคุ้ม​

ส่วนจะเชื่อมเหตุการณ์ครั้งนี้ให้คนมาท่องเที่ยวไทยมากขึ้นนั้นเวลานี้ วีระศักดิ์ กล่าวว่า​ ตอนนี้มี คลิป 30 วินาที ที่ปล่อยออกไปขอบคุณชาวโลกที่ร่วมถอนหายใจลุ้นไปกับเรา และทาง รมว.คมนาคม จะประสานไปฉายยังเครื่องบินต่างๆ หรือการเผยแพร่ผ่านจอภาพทั้งที่​ บขส. ท่าเรือ เอาไปฉาย รวมทั้งประสานไปยังสถานทูตแต่ละประเทศว่า จะใช้ประโยชน์จากคลิปนี้อย่างไรต่อไป ​

“ทั้งหมดอยากฝากไว้ว่าให้เราเคารพธรรมชาติ แล้วเราจะพบว่าธรรมชาติยิ่งใหญ่เหลือเกิน นอกจากเคารพธรรมชาติ ให้เราเคารพถือหัวใจตัวเราเองว่า การตัดสินใจร่วมกันแล้วเราสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้มาก ​นี่เป็นชัยชนะของมนุษยชาติ​ในการพยายามช่วยเหลือกันและกัน” วีระศักดิ์ กล่าว