posttoday

ครม.สัญจรอุบลฯ ดูดคะแนนนิยมอีสานล่าง

21 กรกฎาคม 2561

ครม. สัญจร จ.อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี 23-24 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ถูกจับตาและจับผิดว่าไปปิดดิวทางการเมืองกับกลุ่ม อดีต สส.ที่กำลังย้ายพรรคมาซบอกพรรค คสช.

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจรที่ จ.อำนาจเจริญ และ อุบลราชธานี ระหว่างวันที่ 23-24 ก.ค.นี้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถูกจับตาและจับผิดว่าไปปิดดิวทางการเมืองกับกลุ่ม อดีต สส.ที่กำลังย้ายพรรคมาซบอกพรรค คสช.

เพราะเดิมทีกำหนดการประชุม ครม.สัญจรประจำเดือน ก.ค.นี้ จริงๆ ต้องไปพื้นที่ภาคเหนือที่ได้วางแผนกันไว้ที่ จ.เชียงราย และ  พะเยา แต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ "ทีมหมูป่าติดถ้ำหลวง" ทำให้ทุกภาคส่วนในจังหวัดต้องมุ่งสรรพกำลังไปกับภารกิจการ ช่วยเหลือนักฟุตบอลและโค้ชทั้ง 13 คน

ที่สำคัญ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการให้กระทบภาพลักษณ์รัฐบาลหากนำ คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปจะเกิดความวุ่นวายกับการเตรียมการต้อนรับ ครม. ยิ่งไปกว่านั้น "บิ๊กตู่" อยากเลี่ยงคำครหาว่ารัฐบาลโหนกระแสภารกิจช่วยเหลือทีมหมูป่าเพื่อดันเรตติ้งรัฐบาล

แต่เหตุผลทางการเมืองต้อง ยอมรับว่า จ.อุบลราชธานี เป็นจังหวัดที่มีจำนวน สส.มากเป็นอันดับสองรองจาก จ.นครราชสีมา ดังนั้นพรรคการเมืองใดยึดหัวหาดได้ย่อมมีอำนาจและพลังต่อรองตำแหน่งหรือเก้าอี้ในรัฐบาลสมัยหน้าอย่างแน่นอน จึงเป็นที่มาของกระแสย้ายพรรค เพราะชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่าอดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย  3 คน นำทีมโดย สุพล ฟองงาม อดีต รมช.มหาดไทยและอดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย จะย้ายออกจากเพื่อไทย ไปร่วมงานการเมืองกับพรรคพลังประชารัฐ ที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน "บิ๊กตู่" เป็นนายกรัฐมนตรี
 
แม้ "บิ๊กตู่" จะปากแข็งเหมือนที่พูดเสมอว่า ครม.สัญจร คือการไปตรวจราชการงานกลุ่มจังหวัด ผลักดันโครงการประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืน แต่เอา เข้าจริงสวนทางกับท่าทีและคำพูด ของ อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ที่ประกาศชัดเจนว่าจะไปต้อนรับ "บิ๊กตู่" แบบจัดเต็มด้วยตนเอง แถมยังเปิดรายการคำขอสารพัดโครงการพัฒนาในพื้นที่ จ.อุบลราชธานี ที่ต้องการให้รัฐบาล คสช.ผลักดันให้เห็นเป็นรูปธรรม แล้วแบบนี้จะไม่เรียกว่าปิดดิวการเมืองได้อย่างไร

กลุ่มจังหวัดอีสานตอนล่าง 2 ประกอบด้วย จ.อุบลราชธานี อำนาจ เจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร สำหรับโครงการในการพัฒนาจังหวัดที่เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้า อาทิ โครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขง แห่งที่ 6 ระหว่างบ้านปากแซง ต. พะลาน อ.นาตาล จ.อุบลราชธานี กับบ้านปากตะพาน เมืองละคอนเพ็ง แขวงสาละวัน สปป.ลาว  เส้นทางรถไฟทางคู่จาก จ.นครราชสีมา-อุบลราชธานี เพื่อให้เกิดความสะดวกและรวดเร็วในการขนส่งสินค้าจากภูมิภาคอื่นเพื่อส่งต่อมายัง จ.อุบลราชธานี และส่งต่อไปยัง สปป.ลาว และเวียดนาม รวมทั้งการขนส่งสินค้าจากเวียดนามและ สปป.ลาว เข้ามายัง จ.อุบลราชธานี และส่งต่อไปยังภูมิภาคต่างๆ ต่อไป

ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าเพื่อเป็นจุดพักรวมสินค้าทั้งของฝ่ายไทยที่จะส่งออกไปยัง สปป.ลาวและเวียดนาม และสินค้าที่นำเข้ามาจาก สปป.ลาวและเวียดนาม ก่อนที่จะกระจายสินค้าออกไปยังพื้นที่ต่างๆ โดยศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้าดังกล่าวควรก่อสร้างในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีรถไฟอุบลราชธานี (อ.วารินชำราบ) เพื่อรองรับการขนส่งสินค้าผ่านทางรถไฟทางคู่

นอกจากนี้ เตรียมเสนอการก่อสร้างถนน 4 เลนจาก จ.อุบลราชธานี-บ้านปากแซง ต.พะลาน อ.นาตาล (จุดที่ก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 6) ระยะทางประมาณ 115 กิโลเมตร ซึ่งการก่อสร้างถนน 4 เลนดังกล่าว หากดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นการเชื่อมโยงระบบคมนาคมขนส่งจากสถานีรถไฟอุบลราชธานี ศูนย์รวบรวมและกระจายสินค้า รวมทั้งพื้นที่การผลิตและการจำหน่ายต่างๆ ในพื้นที่ไปยังสะพาน ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 6 ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ส่งผลดีต่อการเติบโตของธุรกิจการค้าและการลงทุนในภาพรวม และโครงการการก่อสร้างศูนย์กีฬา เพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2025 หรือปี 2568 งบประมาณ 2,000 ล้านบาท โครงการขยายพื้นที่และเพิ่มศักยภาพโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ เพื่อ เข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและโครงการต่อสายเส้นทางรถไฟทางคู่อุบลราชธานี-ช่องเม็ก เป็นต้น

นอกจากนี้ เตรียมนำเสนอข้อมูลเพื่อให้รัฐบาลช่วยในการพัฒนาหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายเกษตรอินทรีย์ให้เป็นครัวโลก ยกระดับผลิตภัณฑ์ด้านการเกษตร เรื่องการท่องเที่ยว การค้าชายแดน การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 การคมนาคม ระบบราง พัฒนาระบบคมนาคมทางอากาศ รวมทั้งการพัฒนาโรงพยาบาลศูนย์อุบลราชธานี ให้สามารถรองรับผู้ป่วยใน 4 จังหวัดอีสานตอนล่าง ซึ่งจะส่งผลให้คุณภาพชีวิตคนอีสานตอนล่างดีขึ้น

แน่นอนโครงการและงบประมาณที่อาจจะลงไปให้กลุ่มจังหวัดเหล่านี้ ล้วนเป็นโครงการเมกะโปรเจกต์ขนาดใหญ่ ต้องใช้พลังอำนาจของรัฐบาล ที่มีเสถียรภาพและความเข้มแข็งสูง ของรัฐบาลสมัยหน้า ส่วนจะเป็นพรรค หรือใครได้เป็นรัฐบาล คงต้องติดตามกันต่อไป แต่สำหรับ "บิ๊กตู่" ย้ำแทบ ทุกครั้งว่าการลงพื้นที่ ครม.สัญจร ไม่ใช่ไปเพื่อหาเสียง แต่ต้องการไปเห็น ไปฟัง และไปแก้ปัญหาด้วยตนเอง ไม่ใช่นั่งอยู่บนหอคอยงาช้าง ส่วนจะกล่าวหาว่าจัดประชุม ครม.สัญจร เพื่อเห็นชอบโครงการพัฒนาขนาดใหญ่ที่จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์พร้อมๆ กับจ้องหาผลประโยชน์ทางการเมืองจากการใช้อำนาจรัฐด้วย "บิ๊กตู่" การันตีไม่ใช่รัฐบาล คสช.อย่างแน่นอน