posttoday

ปลดล็อก พรบ.ป่าไม้ปั้นป่าศก.-เงินออมยามเกษียณ

23 มิถุนายน 2561

เป็นอีกความหวังของประชาชน เมื่อรัฐบาลกำลังจะปลดล็อกเปิดทางให้เกษตรชาวบ้านสามารถปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตัวเองโดยไม่ผิดกฎหมาย

โดย...เอกชัย จั่นทอง

เป็นอีกความหวังของเกษตรกรและประชาชนทั่วไป เมื่อรัฐบาลปัจจุบันกำลังจะปลดล็อกเปิดทางให้เกษตรชาวบ้านสามารถปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตัวเองโดยไม่ผิดกฎหมาย โดยเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือ "กฎหมายการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์"

ไม้เศรษฐกิจเหล่านี้ที่ชาวบ้านสามารถปลูกในพื้นที่ตัวเองได้หากแก้กฎหมายสำเร็จ ประกอบด้วย ไม้สัก ยาง ชิงชัง เก็ดแดง อีเม่ง พะยูงแกลบ กระพี้ แดงจี ขะยุง กระซิก กระซิบ พะยูง หมากพลู-ตั๊กแตน กระพี้เขาควาย เก็ดดำ อีเฒ่า และเก็ดเขาควาย

รัฐบาลเชื่อว่าร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว จะเป็นประโยชน์ต่อเอกชนและชุมชนที่เข้ามาลงทุนทำไม้ทางเศรษฐกิจ ให้ได้รับความสะดวกในการตัดไม้มากขึ้น เพราะเดิมทีกฎหมายป่าไม้ที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันประกาศใช้มาตั้งแต่ปี 2484 ซึ่งใช้มาร่วม 70 ปี เป็นกฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะห้ามตัดไม้หวงห้ามบางชนิด แม้จะอยู่ในที่ดินส่วนบุคคลก็ไม่สามารถตัดได้ นับเป็นปัญหาต่อประชาชน โดยเฉพาะ ผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับการทำไม้

ชนะชัย เสือเพ็ง ผู้ก่อตั้งชมรมเกษตรกรผู้ปลูกไม้พะยูงแห่งประเทศไทยกว่า 20 ปี คลุกคลีทำป่าสวนเศรษฐกิจในประเทศไทย ให้ความเห็นว่านับเป็นเรื่องที่ดีมาก หากรัฐบาลปลดล็อก พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 เพราะกรณีของไม้ประเภท ก.ทุกชนิด เช่น ไม้สัก ยาง พะยูง ชิงชัน ฯลฯ ถือเป็นพันธุ์ไม้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเองสูง ที่สำคัญตลาดโลกมีความต้องการสูงมาก แต่เดิมที่มีการปิดล็อกไว้ทำให้การป้อนเครื่องไม้เหล่านี้สู่อุตสาหกรรมเครื่องเรือนทำได้ยาก

ปลดล็อก พรบ.ป่าไม้ปั้นป่าศก.-เงินออมยามเกษียณ

"ประเทศไทยมีภูมิประเทศเอื้อต่อการเจริญเติบโตของไม้เหล่านี้ เพราะว่าโซนนี้อยู่ในเขตร้อนชื้น จึงได้ไม้ที่มีคุณภาพดีมาก ส่วนการผลิตไม้ป้อนสู่อุตสาหกรรมเครื่องเรือนในทวีปต่างๆ ทั่วโลกไม่สามารถทำได้ดีเท่าประเทศไทย ดังนั้น ถ้ามีการปลดล็อกกฎหมายนี้จริง เรื่องการซื้อขาย ตัด ชัก ลาก แปรรูปต่างๆ จะนำรายได้เข้าประเทศมหาศาล ซึ่งการดำเนินการปลดล็อกต้องชัดเจน เนื่องจากไม้ป่ากับไม้บ้านมันแยกไม่ออกว่าอันไหนมาจากป่า และอันไหนมาจากสวนป่าเศรษฐกิจ จึงต้องมีกติกาชัดเจนว่าสามารถสร้างสวนป่าเศรษฐกิจ ไม่ใช่ใครปลูกใครขายก็ได้ไม่อย่างนั้นไม้ป่าไม้บ้านปนกัน" ผู้ก่อตั้งชมรมฯ กล่าว

ชนะชัย ยังเล่าว่า ถ้าเป็นไม้ประเภท ก. ตามกฎหมายถือว่าไม่เป็นส่วนควบของที่ดิน ตรงนี้จะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์ค่อนข้างสูง เช่น เมื่อมีการปลูกต้นไม้ในที่ดินแล้วเข้าสู่กระบวนการนิติกรรมทางกฎหมาย ทำให้เอกสารชัดเจน ซึ่งการทำเอกสารต้องมีขั้นตอนที่ไม่ยุ่งยาก มิฉะนั้นคนจะเบื่อหน่าย ดังนั้น เมื่อไม่เป็นส่วนควบกับที่ดิน ศักดิ์และสิทธิของต้นไม้เหล่านี้เท่ากับทรัพย์สิน 1 ชิ้น บนที่ดินแปลงนั้น หรือการไปขอสินเชื่อกับธนาคารแล้วมีการประเมินราคาที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง และต้องมีการประเมินราคาต้นไม้ด้วย จึงไม่แปลกว่าจะเทียบเท่ากับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนต้นไม้ชนิดอื่นที่ปลูกบนที่ดิน ซึ่งไม่ใช่ไม้ประเภท ก. จะประเมินราคาเป็นที่ดินเปล่าทันที

นอกจากนี้ ประชาชนยังมีทรัพย์สินไปแปลงสินทรัพย์เป็นทุนในอนาคตได้ เพราะมีมูลค่าในตัวเอง อีกทั้งยังกลายเป็นเงินเก็บให้กับเกษตรกรในบั้นปลายชีวิต มีความเป็นอยู่ที่มั่นคงเพราะเกษตรกรส่วนใหญ่แล้วไม่มีเงินบำเหน็จบำนาญไว้ใช้ เมื่อสังคมผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น อย่างน้อยต้นไม้เหล่านี้ก็เป็นเงินออมได้ในอนาคต ทั้งยังเป็นมรดกสู่ลูกหลาน และทำให้คนหันมาปลูกต้นไม้กันเพิ่มมากขึ้นสร้างผลดีต่อป่าสภาพแวดล้อมอีกด้วย แต่ทางภาครัฐจะต้องจัดหาช่องทางตลาดการค้าไม้อย่างถูกต้อง ไม่ใช่ปลูกแล้วไม่มีช่องทางจำหน่ายต่อไป และต้องไม่ซื้อขายภายในประเทศเท่านั้น เนื่องจากราคาอาจไม่สูง ควรส่งเสริมเปิดตลาดสากลส่งออกไปขายต่างประเทศด้วย

ปลดล็อก พรบ.ป่าไม้ปั้นป่าศก.-เงินออมยามเกษียณ

ผู้ก่อตั้งชมรมเกษตรกรผู้ปลูกไม้พะยูง ได้ยกตัวอย่างราคาต้นพะยูงว่า ราคาปี 2556 ราคาพะยูงไทยติดอันดับ 4 ของโลก อันดับที่ 1 ต้นพะยูงสายพันธุ์เวียดนามขนาดต้น 1 ลูกบาศก์เมตร ซื้อขายราคา 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อันดับที่ 2 ต้นพะยูงสายพันธุ์ไหลหลำ หรือประดู่ลาย ขนาดต้น 1 ลูกบาศก์เมตร ซื้อขายราคา 1.5 ล้านดอลลาร์ อันดับที่ 3 ต้นพะยูง สายพันธุ์อินเดีย ขนาดต้น 1 ลูกบาศก์เมตร ซื้อขายราคา 3.5 แสนดอลลาร์ และอันดับที่ 4 ต้นพะยูง สายพันธุ์สยามโรสวูด ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตร ซื้อขายราคา 9.5-1.2 แสนดอลลาร์ จึงไม่แปลกใจว่าทำไมจึงมีการลักลอบตัดไม้เอาชีวิตมาทิ้งไว้

แม้ราคาไม้พะยูงจะอยู่อันดับที่ 4 หากมีการเข้าสู่ตลาดสากลอย่างเต็มรูปแบบ รายได้จะเข้าสู่ประเทศไทยมากขนาดไหน เพราะทวีปอื่นๆ ไม่สามารถปลูกไม้ประเภทนี้ได้ ดังนั้น ประเทศไทยและเพื่อนบ้านจะเป็นแหล่งป้อนเครื่องไม้สู่อุตสาหกรรมเครื่องเรือนอย่างเต็มรูปแบบสู่ตลาดโลก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในหลายประเทศยังไม่มีการปลดล็อกเรื่องนี้อย่างเต็มรูปแบบ หากเราชิงปลดล็อกก่อนจะเป็นโอกาสดีไม่น้อยในการสร้างรายได้จำนวนมหาศาลเข้าสู่ประเทศไทย