posttoday

เปิดใจ ‘ดาวน้อย’ เซตซีโร่ภาษีบุหรี่

01 ธันวาคม 2560

เพียงเวลาไม่กี่เดือนที่กระทรวงการคลังประกาศใช้อัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ เกิดประเด็นใหม่เรื่องของผลกระทบของโรงงานยาสูบที่จะลำบากมากจากนโยบายดังกล่าว

โดย...เกียรติศักดิ์ ผิวเกลี้ยง

เพียงเวลาไม่กี่เดือนที่กระทรวงการคลังประกาศใช้อัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ ก็เกิดประเด็นใหม่เรื่องของผลกระทบของโรงงานยาสูบที่จะลำบากมากจากนโยบายดังกล่าว ซึ่งความเห็นได้แตกออกไปหลายเรื่องโดยเฉพาะการที่โรงงานยาสูบถูกตั้งคำถามในเรื่องของประสิทธิภาพและกลยุทธ์การตลาด จนกลายเป็นเรื่องที่จะต้องติดตามว่าปัญหานี้จะจบอย่างไร

ดาวน้อย สุทธินิภาพันธ์ ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ เปิดเผยกับ “โพสต์ทูเดย์” ว่า ข้อเสนอของโรงงานยาสูบเพื่อให้หยุดใช้กฎหมายภาษีสรรพสามิตใหม่สามารถเป็นไปได้ เพราะเป็นการให้ยกเลิกหรือระงับใช้กฎกระทรวงการคลังการกำหนดเก็บอัตราภาษีบุหรี่ใหม่ และกลับไปใช้อัตราภาษีเดิมก่อนกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ จนกว่าคลังจะแก้ปัญหาการดัมพ์ราคาขายของบุหรี่ต่างประเทศให้ได้ก่อน

ทั้งนี้ ดาวน้อย กล่าวว่า การออกกฎหมายเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่มีจุดบกพร่องอยู่มาก เพราะในแง่ของการค้าเป็นไปไม่ได้ที่จะคิดตามหลักคณิตศาสตร์ว่าผู้ประกอบการจะเดินแถวตรง ตัวอย่าง บุหรี่กลุ่มบนกับกลุ่มล่างที่ขายราคา 95 บาท กับ 60 บาท กำไรเท่ากัน ก็ไม่มีผู้ประกอบการไปขายบุหรี่กลุ่มบนและลงมาขายกลุ่มล่าง

นอกจากนี้ กรมสรรพสามิตไม่ได้มีมาตรการอะไรออกมาควบคู่กับการประกาศใช้อัตราภาษีบุหรี่ใหม่ ทำให้ตลาดบุหรี่รวนหมดเลย ขณะที่โรงงานยาสูบเป็นรัฐวิสาหกิจจากกระทรวงการคลัง มีกรรมการที่เป็นตัวแทนจากกระทรวงการคลัง 4 คน ก็สั่งให้โรงงานยาสูบทำตามกติกาหมด

ขณะที่บุหรี่ต่างประเทศที่เดิมอยู่กลุ่มบนราคาแพง แต่เมื่อใช้อัตราภาษีใหม่ก็มีการดัมพ์ราคาลงมาขายซองละไม่เกิน 60 บาท เพื่อเสียภาษี 40 บาท แทนที่กรมสรรพสามิตจะได้ภาษีมากขึ้นแต่กลับเป็นได้น้อยลง ตอนนี้สรรพสามิตก็รู้ปัญหาแล้วและพยายามจัดกลุ่มแต่ยังแก้ปัญหาการดัมพ์ราคาไม่ได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการออกกฎหมายไม่รอบคอบ

“ตอนนี้ได้ทำหนังสือถึงคลังและกรมสรรพสามิตให้เซตซีโร่ยกเลิกกฎกระทรวงและเก็บภาษีแบบเดิมไปพลางก่อน จนกว่ากรมสรรพสามิตจะทำให้เกิดความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการได้ ซึ่งตอนนี้บุหรี่มี 3 กลุ่ม คือ ราคาถูก ราคากลาง และราคาแพง ซึ่งใครอยู่กลุ่มไหนก็ควรอยู่กลุ่มนั้นหลังจากใช้อัตราภาษีบุหรี่ใหม่ ซึ่งโรงงานยาสูบก็ทำเช่นนั้น แต่บุหรี่ต่างประเทศเล่นนอกกติกาและทำอะไรเขาไม่ได้ ถ้าข้อเสนอของโรงงานยาสูบไม่ได้รับการตอบสนอง โรงงานยาสูบคงขาดทุนอยู่ไม่ได้ เพราะโรงงานยาสูบไม่มีทางเลือกอื่น” ดาวน้อย กล่าว

ดาวน้อย กล่าวว่า ได้บอกกับกรมสรรพสามิตมาตลอดว่าโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ที่เก็บด้านปริมาณมวลละ 1.20 บาท และเก็บด้านราคาซองละไม่เกิน 60 บาท อัตรา 20% และซองเกิน 60 บาท อัตรา 40% ไม่ได้เป็นการช่วยโรงงานยาสูบ ที่ผ่านมาโรงงานยาสูบได้ทำหนังสือถึงกรมสรรพสามิตและนายกรัฐมนตรี บอกว่าไม่ต้องการแต้มต่อขอให้ทำตรงไปตรงมา

ที่ผ่านมาได้หารือกับกรมสรรพสามิตว่าหากจะแบ่งกลุ่มต้องกำหนดว่าใครอยู่กลุ่มไหนต้องอยู่กลุ่มนั้น และทางโรงงานยาสูบขอให้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ ราคาต่ำกว่า 50 บาท ราคา 50-100 บาท และราคาเกิน 100 บาท ซึ่งจะทำให้ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่กรมสรรพสามิตไม่เห็นด้วยและไปออกแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดบุหรี่ของโรงงานยาสูบเดือน ต.ค. 2560 จากอยู่ที่ 80% เหลืออยู่ที่ 55%

ขณะเดียวกันโรงงานยาสูบยังมีหลักฐานผู้ค้าบุหรี่ต่างประเทศไปแจกทองให้กับตัวแทนจำหน่วย ซึ่งผิดกฎหมายก็ไม่เห็นกรมสรรพสามิตและกระทรวงสาธารณสุขดำเนินการเอาผิดแต่อย่างไร ทั้งที่โรงงานยาสูบได้แจ้งให้ทราบไปหมดแล้ว

ดาวน้อย กล่าวว่า การทำเรื่องที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อขอชดเชยผลกำไรที่หายไป เพราะถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดความเสียหายกับโรงงานยาสูบแล้ว ในเดือน ก.ย. 2560 โรงงานยาสูบซื้อแสตมป์จากกรมสรรพสามิต 400 ล้านบาท จากเคยซื้อเดือนละ 4,000 ล้านบาท ทั้งที่โรงงานยาสูบอยากขายของแต่ไม่มีคนซื้อ นอกจากนี้โครงสร้างภาษีบุหรี่เก่าโรงงานยาสูบขายบุหรี่กำไรซองละ 7 บาท แต่โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่กำไรเหลือไม่ถึง 1 บาท

ทั้งนี้ โครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ทำให้การเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น โดยบุหรี่ราคาซองละไม่เกิน 60 บาท ต้องเสียภาษีซองละ 47 บาท ค่าการตลาดอีก 5 บาท ค่าขนส่งอีก 1 บาท ค่าบริหารจัดการอีก 6 บาท จะเหลือกำไรซองละไม่ถึง 1 บาท จากเดิมกำไรเฉลี่ยซองละกว่า 7 บาท

ผู้อำนวยการโรงงานยาสูบ ระบุว่า กระทรวงการคลังให้โรงงานปรับกลยุทธ์การขายแต่ทำได้ยาก เพราะถูกบังคับโดยโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่ เหมือนกับบังคับให้โรงงานยาสูบซึ่งเป็นมวยรุ่นเล็กไปชกกับมวยรุ่นใหญ่ที่เป็นบุหรี่ต่างประเทศ เหมือนกับการตัดแขนตัดขาโรงงานยาสูบและจะให้ไปสู้กับคนที่รัฐบาลเอาอาวุธไปให้ ซึ่งบุหรี่ต่างประเทศที่เป็นแบรนด์ใหญ่ที่วันนี้เขาตีปี๊บเลย เพราะหลังจากเขาได้ส่วนแบ่งการตลาดจากโรงงานยาสูบไปแล้ว ต่อไปเขาจะปู้ยี่ปู้ยำอุตสาหกรรมยาสูบในประเทศอย่างไรก็ได้ วันนี้บุหรี่ต่างประเทศไม่ต้องสนใจกำไรก็ได้ เพราะที่ผ่านมาเขาพยายามช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดมาตลอด