posttoday

กราบพ่อครั้งสุดท้าย พระองค์ไม่เคยถูกลืมเลือน

06 ตุลาคม 2560

"คุณดูสิ ในวันเก่าๆ ที่พระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ ก็มีคนมารอเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก วันนี้เมื่อพระองค์จากไปประชาชนคนไทย ยังคงมารวมกันมากมายเหมือนวันที่พระองค์ยังอยู่ นั่นหมายถึงว่าพระองค์ท่านมีคนไทยที่รักพระองค์ไปตลอดกาล"

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

อากาศที่ร้อนอบอ้าว และสุ่มเสี่ยงที่ ฟ้าฝนจะเทลงมา มิใช่อุปสรรคสำหรับอีกหลายหมื่นชีวิตในชุดสีดำ ที่ตั้งใจและตั้งมั่นต่อแถวระยะทางยาวหลายกิโลเมตรบริเวณด้านนอกพระบรมมหาราชวัง เพื่อเข้ากราบพระบรมศพ "พ่อหลวง" พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันสุดท้าย

เสียงป่าวประกาศจากเจ้าหน้าที่ผ่านโทรโข่งให้ทุกคนอดทน และแน่นอนว่าจะได้เข้าไปกราบพระบรมศพในวันสุดท้ายนี้ทุกคน ขณะเดียวกันเหล่าบรรดาจิตอาสาก็แข็งขัน เดินแจกจ่ายอาหารของว่างให้กับผู้ที่ยืนต่อแถวเข้ากราบพระบรมศพอย่างไม่ย่อท้อ

หากนี้คือภาพที่แสดงออกถึงความรักให้กับใครสักคน ความรักนี้ก็คงงดงามและยิ่งใหญ่หาสิ่งใดเปรียบ

เสียงสะอื้นผ่านน้ำที่คลอในเบ้าตาของ รัตนา พุ่มทรัพย์เจริญ แม่บ้านจาก จ.นนทบุรี หญิงวัยกลางคนที่มาต่อแถวตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ให้กราบพระบรมศพวันสุดท้าย เธอตั้งใจว่าจะต้องเข้ากราบในหลวงรัชกาลที่ 9 ให้ได้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อระลึกถึงพระองค์ท่านเป็นครั้งสุดท้าย แม้รัตนาจะมีอุปสรรคทางสุขภาพที่ไม่เอื้ออำนวยก็ตาม

"เป็นไงเป็นกัน จะเป็นลมก็ต้องเอาให้ไหวเพราะวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เมื่อเช้าตื่นขึ้นมาตั้งใจว่าจะมาแต่ก็ไม่สบาย สุดท้ายกินยาเข้าไปและเดินทางออกจากบ้านมาที่สนามหลวง" รัตนา เผยความในใจ และแน่นอนว่าเธอรู้สึก "ใจหาย" และบอกไม่ถูกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงทำเพื่อปวงชนชาวไทย ขณะที่วันงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในวันที่ 26 ต.ค.นี้นั้น รัตนาก็จะมาอีกครั้งเพื่อส่งพ่อขึ้นสวรรค์

ความรู้สึกต่างๆ ของผู้คนสะท้อนไปในทิศทางเดียวกัน แม้ใบหน้าที่พูดคุยระหว่างกันจะเติมเต็มไปด้วยรอยยิ้ม คำขอบคุณ และการเอื้ออารีช่วยเหลือระหว่างกัน หากแต่ความรู้สึกภายในใจของแต่ละคน กลับเต็มไปด้วยความเศร้า

วิฑูรย์ พรหมวิทย์ ในวัย 52 ปี นั่งพักเหนื่อยริมฟุตปาทหน้ากองสลาก หลังใช้เวลาต่อแถวตั้งแต่เช้ามืดและได้เข้ากราบพระบรมศพในวันสุดท้าย ซึ่งเป็นครั้งแรกของเขา วิฑูรย์ เผยความรู้สึกที่เลือกมากราบพระบรมศพวันสุดท้ายเพราะต้องการจารึกไว้กับความรู้สึกของตัวเองไปตลอดกาล

การเดินทางคนเดียวมาจาก จ.นครราชสีมา ตั้งแต่วานซืน ความในใจที่ได้ตั้งจิตอธิษฐานบอกพระองค์ท่านขณะที่ก้มกราบ คือ จะทำความดีดั่งคำที่พ่อสอนไปจนวันตาย

"ใจหายอย่างมาก ทุกวันคืนนับตั้งแต่พระองค์เสด็จสวรรคตความรู้สึกผ่านไปเกือบหนึ่งปีก็เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ แต่มาวันนี้ใจหายจริงๆ เพราะเราคิดว่าจะไม่มีพระองค์ท่านอีกแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ยึดเหนี่ยวเอาไว้คือสิ่งที่พระองค์ทรงทำงานหนักเพื่อคนไทย สิ่งนี้จะคอยย้ำเตือนให้ผมได้คิดถึงพระองค์ท่าน และทำให้พระองค์ท่านไม่ได้จากคนไทยไปไหนเลย" วิฑูรย์ เล่าจากความรู้สึก

อนงค์ทิพย์ แสงสุข ประชาชนจากทุ่งครุ กรุงเทพมหานคร ที่วันนี้เดินทางมากราบพระบรมศพร้อมลูกสาว ขณะที่อนงค์ทิพย์เดินทางมากราบพระองค์ท่านแล้วถึง 3 ครั้ง แม้สภาพร่างกายจะไม่เอื้ออำนวย แต่ใจที่สู้และอดทน และต้องการให้ลูกสาวได้มีโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตที่ได้เข้ากราบพระบรมศพ จึงตัดสินใจเดินทางมาในวันสุดท้าย

อนงค์ทิพย์ เล่าว่า พระองค์ท่านไม่ได้จากไปไหน และวันนี้ไม่ใช่วันสุดท้ายที่เราจะได้อยู่กับพระองค์ท่าน แต่เราจะอยู่กับพระองค์ท่านไปตลอดแน่นอน

"คุณดูสิ ในวันเก่าๆ ที่พระองค์ท่านเสด็จเยี่ยมราษฎรทั่วประเทศ ก็มีคนมารอเฝ้ารับเสด็จจำนวนมาก วันนี้เมื่อพระองค์จากไปประชาชนคนไทยก็ไม่ได้จากไปไหน ยังคงมารวมกันมากมายเหมือนวันที่พระองค์ยังอยู่ นั่นหมายถึงว่าพระองค์ท่านมีคนไทยที่รักพระองค์ไปตลอดกาล" อนงค์ทิพย์ เล่า

แม้แถวที่ประชาชนยืนรอกันจะยาวมากยิ่งขึ้น พร้อมกับสภาพอากาศที่ร้อนระอุแตกต่างจากหลายวันที่ผ่านมา และไม่มีท่าทีจะทุเลาแม้แต่นิด แต่องค์ประกอบเหล่านี้ก็ไร้ค่า และไม่สามารถทำให้ประชาชนที่รักในพระองค์ท่านที่ต้องการเข้ากราบพระบรมศพในวันสุดท้ายย่อท้อแม้แต่น้อย

ขณะที่คนหนุ่มสาวที่เดินทางมาร่วมกราบพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้ายต่างใช้สิทธิลาพักร้อนจากที่ทำงาน เพื่อมากราบพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายด้วยความตื้นตัน และเศร้าเสียใจที่ต้องย้ำเตือนกับตัวเองว่า จากนี้จะไม่ได้เข้าใกล้พระองค์ท่านอีกต่อไปแล้ว

จากสีหน้าของ นฤมล กองชัยทรัพย์ พนักงานสาวออฟฟิศในวัย 30 ปี เธอยิ้มแย้มต้อนรับการสนทนาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเอ่ยปากถามถึงความรู้สึกของเธอที่มากราบพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้าย สีหน้าเธอก็เปลี่ยนแปลงไป

ความเศร้าสร้อยมาเยือนผ่านนัยน์ตา และสะท้อนผ่านความรู้สึกด้วยเสียงที่สั่นเครือ นฤมล หากคิดว่าจะไม่มีพระองค์ท่านแล้ว เราจะไม่ได้มากราบพระองค์อีกแล้ว ความรู้สึกนี้มันก็สร้างความทุกข์ให้กับเราอย่างมาก เพราะเรารักพระองค์ท่านอย่างไม่มีข้อสงสัย ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงทำเพื่อประชาชนคนไทยมาตลอดเวลา สิ่งนี้ยิ่งทำให้เรารู้สึกหวงแหนพระองค์และไม่อยากคิดว่าพระองค์จากไปแล้ว แม้จากวันที่เสด็จสวรรคตจนถึงวันนี้จะผ่านพ้นมาเกือบ 1 ปีแล้วก็ตาม

"สิ่งที่พอจะทำให้เราหรือคนไทยเดินหน้าต่อไปได้คือปฏิบัติตามคำสอนของพ่อหลวงของเรา ท่านไม่เคยสอนเราในเรื่องไม่ดี ทุกอย่างที่พระองค์ทรงสอนและทรงปฏิบัติให้เห็นเป็นตัวอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งดีๆ ทั้งนั้น มากราบพระองค์ท่านในวันนี้ก็เพื่อจะบอกท่านว่าเราจะปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ท่านเป็นอย่างดี ทั้งจากนี้และตลอดไป" นฤมล เผยความรู้สึกสุดท้ายที่ได้เข้ากราบพระบรมศพ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเดินทางมากราบแล้วถึง 9 ครั้ง

เสียงโทรโข่งยังคงป่าวประกาศจากตำรวจให้ทุกคนที่ต่อแถวด้วยความอดทน จิตอาสาก็ยังเดินหน้านำน้ำ อาหาร ขนมอย่างไม่ย่อท้อ นำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนที่ตั้งใจแน่วแน่ในการเข้ามา กราบพระบรมศพเป็นครั้งสุดท้าย ประชาชนต่างทยอยเดินตามแถวที่เคลื่อนไปเบื้องหน้าด้วยเป้าหมายเดียวกัน

แต่เหนืออื่นใด ก็ด้วยความรู้สึกที่สื่อถึง "พ่อหลวง" ของคนไทยทุกคน ซึ่งเป็นที่คนไทยทุกคนรัก ด้วยใจที่สะท้อนว่าพระองค์ยังไม่ได้จากไปไหน แต่ยังคงอยู่กับคนไทยตราบนานเท่านาน