posttoday

อายุไม่สำคัญเท่า "หัวใจ" ประเสริฐ ไพศาล

14 มิถุนายน 2560

คุยกับ "ประเสริฐ ไพศาล" นักวิ่งมาราธอนที่ทำเวลาดีที่สุดของคนไทยในการแข่งขันลากูนา ภูเก็ต มาราธอน 2017

โดย...เปรมวดี

ไม่มีคำว่า “สายเกินไป” สำหรับการเรียนรู้และเริ่มต้นใหม่ฉันใด

ย่อมไม่มีคำว่า “แก่เกินไป” สำหรับการลุกขึ้นมาเล่นกีฬาอย่างจริงจังฉันนั้น

ประเสริฐ ไพศาล นักวิ่งมาราธอนที่ทำเวลาดีที่สุดของคนไทยในการแข่งขันลากูนา ภูเก็ต มาราธอน 2017 ด้วยสถิติ 3.22.11 ชม. เป็นหนึ่งเสียงยืนยันได้ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง หลังเพิ่งเข้าสู่วงการวิ่งตอนอายุ 35 ปี แถมยังมีโรคประจำตัวด้วย แต่ใช้เวลาเพียงปีเดียว ก็เริ่มกวาดรางวัลมาประดับตู้โชว์ในบ้านมากมาย

“ตอนนั้น ผมได้รับบาดเจ็บขาหักจากการเล่นฟุตบอล และต้องพักรักษาตัวอยู่ระยะหนึ่ง ด้วยอายุที่มากขึ้นเลยไม่อยากเสี่ยงบาดเจ็บหนักอีก จึงหยุดเล่น ซึ่งมีความรู้สึกท้อแท้เหมือนกัน เพราะเป็นคนชอบเล่นกีฬา แต่ทำได้แค่มองเพื่อนๆ ประจวบเหมาะกับช่วงนั้นมีการจัดแข่งขันวิ่งมินิฮาล์ฟมาราธอนของสาธารณสุข จ.สตูล จึงลองตัดสินใจไปวิ่งตามคำชวนของลูกชาย ในระยะฟันรัน (5 กม.) และจบด้วยการเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 5” เจ้าตัวย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นให้ฟัง

หลังจากนั้น ประเสริฐ ก็หันมาเอาดีด้านการวิ่งอย่างจริงจัง โดยมีแรงบันดาลใจจากการได้ชมคลิปนักกีฬาวิ่งคนพิการในต่างประเทศทางยูทูบ ที่แม้สภาพร่างกายจะไม่สมบูรณ์ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อความต้องการก้าวไปสู่ความเป็นเลิศทางด้านกีฬาแต่อย่างใด อย่างเช่น อีทาน เฮอร์มอน แชมป์มาราธอนกีฬาพาราลิมปิก และเจ้าของสถิติโลกชาวอิสราเอล ที่ร่วมลงแข่งฮาล์ฟมาราธอน ที่ จ.ภูเก็ต ครั้งนี้ด้วย

ที่สำคัญ กีฬาวิ่งสามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมีโค้ช ขอเพียงมีหัวใจที่มุ่งมั่น และเอาชนะตัวเองให้ได้ เพราะนอกจากจุดเปลี่ยนเรื่องขาหักแล้ว เขายังมีปัญหาโรคหอบหืดรุมเร้าอีกด้วย

“ช่วงแรกๆ ทรมานมาก เวลามีอาการทั้งไอ และเจ็บหน้าอกมาก แต่ก็พยายามบอกกับตัวเองให้สู้ ไม่ยอมแพ้ พอเราฝึกซ้อมบ่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชิน เหมือนกับการกินข้าวทุกวัน อาการเหล่านั้นก็หายไปเองแบบไม่รู้ตัว”

ถึงตอนนี้ก็กว่า 10 ปีมาแล้วที่ ประเสริฐ ไม่มีอาการของโรคหอบหืดกลับมากวนใจอีกเลย ตรงกันข้าม กลับเดินสายกวาดถ้วยรางวัลจากการวิ่งมาราธอนเกือบ 30 รายการ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดช่วง 14 ปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งปีให้หลังจากหันมาวิ่งจริงจัง ยอดนักวิ่งวัย 50 ปี ประเดิมรางวัลแรก ด้วยการคว้าอันดับ 2 ของรุ่นอายุในการแข่งขันวิ่งมาราธอนนานาชาติ ที่ จ.สงขลา เมื่อปี 2549 และถือเป็นความภาคภูมิใจอย่างที่สุดในชีวิตที่ครั้งหนึ่งเคยมีโอกาสได้รับพระราชทานถ้วยรางวัลจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในรายการ เดิน-วิ่ง เขาชะโงก ซูเปอร์มาราธอน เมื่อปี 2550

ขณะที่เดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เขาเพิ่งจะคว้าแชมป์ รุ่นอายุ 45 ปีขึ้นไป ในการแข่งขันมาราธอนนานาชาติ ที่ประเทศบรูไน แต่ครั้งที่ประทับใจมากที่สุดสำหรับการออกไปแข่งนอกบ้าน ต้องยกให้รายการที่เกาหลีใต้ เมื่อปีที่แล้ว

“ตอนนั้น ผมเข้าอันดับ 13 ประเภทโอเวอร์ออล แต่อายุมากกว่าพวกเขา และเป็นคนไทยคนแรกที่ไปวิ่งรายการนี้ พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่จัดการแข่งขันว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จสวรรคตแล้ว ขอนำพระบรมฉายาลักษณ์ขึ้นกราบบนเวทีเพื่อน้อมรำลึกถึงพระองค์ เขาก็จัดให้ด้วยความยินดี”

อายุไม่สำคัญเท่า "หัวใจ" ประเสริฐ ไพศาล

นอกจากสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น และความสำเร็จในสนามแข่งขันแล้ว ประเสริฐ ในวัย 50 ปี ซึ่งปัจจุบันเป็นนายช่างโยธา 5 ของการประปาส่วนภูมิภาค สาขาละงู จ.สตูล ยังภูมิใจที่มีส่วนสร้างแรงบันดาลใจและคอยให้คำแนะนำกับคนในท้องถิ่นให้หันมาออกกำลังกายกันมากขึ้น จนเป็นที่มาของคำเรียกขานติดปากว่า “อาจารย์เสริฐ”

“อายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น สำคัญที่เราต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้ ตอนผมไปแข่งที่สิงคโปร์ ได้เจอกับนักวิ่งชาวอินเดีย อายุ 100 กว่าปี ที่ลงแข่งมาราธอน 42 กม. ยิ่งทำให้ผมรู้สึกมีพลัง และเชื่อมั่นว่าถ้าเขาทำได้ เราก็ต้องทำได้ ขอเพียงมีความมุ่งมั่น และเปลี่ยนตัวเองให้ได้”

แม้ในรายการลากูนา ภูเก็ต มาราธอน ที่ผ่านมา จะไม่ได้ขึ้นรับรางวัลบนโพเดียม แต่ ประเสริฐ ก็ยังพอใจผลงาน เพราะก่อนหน้านั้น 1 สัปดาห์เพิ่งคว้าแชมป์ที่หาดใหญ่มา ทำให้ร่างกายยังคงมีอาการล้าอยู่บ้าง และยังคงตั้งเป้าจะวิ่งต่อไปจนกว่าจะวิ่งไม่ไหว โดยยังมีความฝันที่รอวันเป็นจริงอยู่

“ผมฝันว่าจะมีโอกาสได้ไปวิ่งในรายการลอนดอน มาราธอน และบอสตัน มาราธอน สักครั้งในชีวิต และผลักดันให้ลูกชาย (วิทวัศ ไพศาล) ซึ่งตอนนี้อายุ 22 ปี สานฝันต่อไปในเส้นทางนี้ ด้วยการส่งไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่ประเทศเคนยา ช่วงเดือน ก.ค. เพราะพ่อมาได้แค่นี้ ก็หวังให้ลูกได้ไปไกลยิ่งกว่า”

เรื่องราวของประเสริฐ เป็นเครื่องตอกย้ำว่า คนเราสามารถพัฒนาตัวเองได้อยู่ตลอดเวลา ไม่สำคัญว่าเราจะเริ่มต้นจากศูนย์หรือสิบ หรือแค่การวิ่งเท่านั้น ขอเพียงเรามีเป้าหมาย และไม่ยอมแพ้กับอุปสรรคปัญหาที่ผ่านเข้ามา ไม่ช้าก็เร็วจะต้องไปถึงเส้นชัยที่รออยู่ข้างหน้าสักวัน