posttoday

ปิดฉาก 2559 ไทยโศกเศร้า สุดอาลัยทั่วแผ่นดิน

31 ธันวาคม 2559

ปี 2559 นับเป็นปีแห่งความเศร้าโศกของประเทศ เมื่อต้องจารึกไว้ว่า ในวันที่ 13 ต.ค. 2559 เวลา 19.00 น. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ที่ทำให้ทราบว่า ประเทศไทยได้สูญเสีย “พ่อของแผ่นดิน”

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ปี 2559 นับเป็นปีแห่งความเศร้าโศกของประเทศ เมื่อต้องจารึกไว้ว่า ในวันที่ 13 ต.ค. 2559 เวลา 19.00 น. สำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ที่ทำให้ทราบว่า ประเทศไทยได้สูญเสีย “พ่อของแผ่นดิน” เมื่อ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต สิริพระชนมพรรษาเป็นปีที่ 89 ทรงครองสิริราชสมบัติได้ 70 ปี ภายหลังที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินมาประทับรักษาพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นเวลากว่า 2 ปี

นับเป็นการสูญเสียอย่างยิ่งใหญ่ที่คนไทยทุกหมู่เหล่าไม่อยากจะให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น

ก่อนหน้าวันที่ 13 ต.ค. ซึ่งถือเป็นวันมหาวิปโยคของคนไทย ปวงชนต่างพากันหลั่งไหลไปที่โรงพยาบาลศิริราช สถานที่ประทับรักษาพระอาการประชวรของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช หลายคนต่างสวดมนต์หลังทราบข่าวว่าพระองค์ทรงพระประชวรอย่างหนัก ขอพรที่สถิตอยู่ในโลกหล้าให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงปลอดภัย กระนั้นแม้คณะแพทย์ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่พระอาการประชวรได้ทรุดหนักตามลำดับ จนเสด็จสวรรคตด้วยพระอาการสงบ

ปิดฉาก 2559 ไทยโศกเศร้า สุดอาลัยทั่วแผ่นดิน

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ถึงประชาชนทั่วประเทศเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ในช่วงค่ำตอนหนึ่งว่า

“พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยมากมายล้นพ้นหาที่สุดมิได้มากเพียงใด ความวิปโยคอาลัยของพสกนิกรชาวไทยก็มีมากมายหาที่สุดมิได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในยามทุกข์โศก น้ำตานองหน้าเพียงใด ประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเราและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศต้องดำรงต่อไป อย่าให้การสูญเสียครั้งนี้ทำให้พระราชปณิธานของพระองค์ท่านต้องหยุดชะงักลง”

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักนับแต่่ได้ทรงขึ้นครองราชย์ ในทุกพื้นที่ถิ่นฐานทุรกันดาร แม้จะห่างไกลเพียงใด แต่ไม่มีสถานที่ใดที่พระองค์เสด็จฯ ไปไม่ถึง ทั้งหมดเพื่อให้พสกนิกรของพระองค์มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

ในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นที่รักของปวงชนชาวไทยยิ่ง ในวันที่พระองค์ได้เสด็จสวรรคต ประชาชนจากทั่วทุกสารทิศหลั่งไหลมายังที่โรงพยาบาลศิริราช ตลอดสองข้างทางขบวนเคลื่อนพระบรมศพไปยังพระที่นั่งพิมานรัตยา ในพระบรมมหาราชวัง คลาคล่ำไปด้วยน้ำตาและเสียงร้องไห้ รวมถึงประชาชนที่ทั่วประเทศที่เดินทางมาถวายสักการะพระบรมศพเพื่อแสดงความอาลัยต่อการจากไปของพระองค์อย่างไม่ขาดสาย

ปิดฉาก 2559 ไทยโศกเศร้า สุดอาลัยทั่วแผ่นดิน

 

หลังพระองค์เสด็จสวรรคต ทุกภาคส่วนต่างรวมใจกันทำความดีเพื่อถวายแด่ในหลวง รัชกาลที่ 9  คนไทยได้เห็นภาพแห่งความสามัคคี เอื้ออาทรต่อกัน ทั้งการทำอาหารแจกผู้รอแถวเข้าสักการะพระบรมศพที่ต่อคิวรอที่ท้องสนามหลวง ขณะที่ภาครัฐ กระทรวงวัฒนธรรมทำหนังสือรวบรวมพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระองค์แจกจ่ายให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้น้อมนำพระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ในวาระต่างๆ รวม 99 พระบรมราโชวาท เพื่อนำไปเป็นแนวทางปฏิบัติตนและดำเนินชีวิตจำนวน 2 ล้านเล่ม ซึ่งประชาชนต่างเดินทางมารับหนังสือจนหมดอย่างรวดเร็ว

ขณะเดียวกันประชาชนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมายังท้องสนามหลวง เพื่อต่อแถวรอเข้าถวายสักการะพระบรมศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท รวม 60 วัน จนถึงวันที่ 29 ธ.ค. สำนักพระราชวังบันทึกไว้ว่า มีประชาชนเข้าสักการะแล้วทั้งสิ้น 2.5 ล้านคน

ที่ปลื้มปีติเป็นล้นพ้นในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้า เมื่อพระบรมวงศานุวงศ์ทรงแสดงความห่วงใยประชาชนเช่นกันโดย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำอาหารอย่างดีด้วยชุดเมนูพิเศษมาแจกจ่ายให้ประชาชน โดยตั้งโต๊ะตรงข้ามประตูวิเศษไชยศรี  โดยอาหารพระราชทานมี 3 เวลา ประกอบด้วย เช้า กลางวัน และเย็น รอบละ 5,000 ชุด ตามรับสั่งของพระองค์ที่รับสั่งผ่านมหาดเล็กว่า ประชาชนคือแขกของพระองค์ ดังนั้นเจ้าหน้าที่จะต้องดูแลอย่างดีที่สุด มอบอาหารที่อร่อยที่สุด

ปิดฉาก 2559 ไทยโศกเศร้า สุดอาลัยทั่วแผ่นดิน

 

ขณะที่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ได้ทรงทอดไก่ประทานแก่ประชาชนที่มารอเข้าถวายสักการะพระบรมศพที่ท้องสนามหลวงด้วยพระองค์เอง รวมถึง ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เสด็จประทานอาหารให้ประชาชนด้วยเช่นกัน พร้อมตรัสกับประชาชนว่า “ขอบคุณทุกคนมาก เรามีพ่อคนเดียวกัน”

ไม่เฉพาะในประเทศไทยที่โศกเศร้าต่อการสูญเสียครั้งใหญ่ ทว่าทั่วโลกต่างถือโอกาสนี้ยกย่องเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องจากพระองค์ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย

เสียงจากต่างชาติจากหลากหลายองค์กร โดยเฉพาะสหประชาชาติ ได้จัดประชุมสมัชชาสมัยพิเศษเพื่อสดุดีและถวายพระเกียรติภายหลังการสวรรคต ณ สำนักงานใหญ่ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต่างสดุดีพระองค์ว่า โลกได้สูญเสียบุคคลสำคัญยิ่ง

บันคีมุน เลขาธิการสหประชาชาติ ระลึกถึงพระองค์ในที่ประชุมสหประชาชาติว่า พระองค์ทรงเป็นพลังที่สำคัญของประเทศไทยในการรักษาเสถียรภาพ ทั้งยังทรงทุ่มเทในพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อให้ประชาชนเป็นอยู่อย่างเป็นสุข

ปิดฉาก 2559 ไทยโศกเศร้า สุดอาลัยทั่วแผ่นดิน

 

ไม่ต่างจาก ซามาธาร์ พาวเวอร์ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรสหรัฐ ประจำสหประชาชาติ บอกเช่นกันว่า นับเป็นโชคดีของประชาชนไทยและชาวโลกที่ได้มีพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่เช่นพระองค์ท่าน รวมถึงพระองค์ยังได้ทรงถ่ายทอดพระอัจฉริยภาพผ่านนวัตกรรมต่างๆ เพื่อพัฒนาในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านวิทยาศาสตร์เพื่อทำฝนเทียม โครงการเกษตรต่างๆ ในพระราชดำริ เป็นแนวทางการปฏิบัติตนทั้งของคนไทยและของโลก

ขณะเดียวกัน คนไทยในต่างประเทศต่างพร้อมใจแสดงความไว้อาลัยในทุกมุมโลก ทั้งที่สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร ยุโรป ญี่ปุ่น ด้วยการร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีรำลึกถึงเกียรติคุณของในหลวงรัชกาลที่ 9

ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจ กระนั้นปวงชนชาวไทยก็ปลื้มปีติเป็นล้นพ้น เมื่อแผ่นดินไทยได้พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ขึ้นทรงราชย์ โดยเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2559 รัฐบาลและสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ทำเรื่องอัญเชิญ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ในฐานะองค์รัชทายาทเสด็จขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรี

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ เพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์สุของประชาชนชาวไทยทั้งปวง พร้อมกันนี้รัฐบาลได้มีประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยในการเรียกขานพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร”

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2559 เมื่อเวลา 18.55 น. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ได้เสด็จฯ ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดกระบี่หลังใหม่ และนับเป็นจังหวัดแรกในรัชสมัยรัชกาลที่ 10 ที่พระองค์ได้เสด็จฯ

นับเป็นความปลื้มปีติของประชาชนชาวกระบี่ ที่แสดงความจงรักภักดีด้วยการเฝ้าฯ รับเสด็จในเส้นทางที่รถยนต์พระที่นั่งเสด็จฯ ผ่านเป็นระยะทางยาวถึง 16 กิโลเมตร พร้อมเปล่งเสียง “ทรงพระเจริญ” อย่างกึกก้อง