posttoday

สัมภาษณ์พิเศษ: ยิ่งลักษณ์ ยิ่งหนาว

21 สิงหาคม 2553

หากจะพูดถึงทายาททางการเมืองของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวจริงเสียงจริงเวลานี้ คงหนีไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หรือ ปู  น้องสาวคนสุดท้อง...

หากจะพูดถึงทายาททางการเมืองของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวจริงเสียงจริงเวลานี้ คงหนีไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หรือ ปู  น้องสาวคนสุดท้อง...

โดย...ทีมข่าวการเมือง

หากจะพูดถึงทายาททางการเมืองของ "ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี ตัวจริงเสียงจริงเวลานี้ คงหนีไม่พ้น "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หรือ ปู  น้องสาวคนสุดท้อง

สัมภาษณ์พิเศษ: ยิ่งลักษณ์ ยิ่งหนาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทว่าเวลานี้เธอเก็บตัวไม่อยากออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง เกรงกลายเป็นเป้าให้ถูกเล่นงานก่อนถึงเวลาอันควรแต่ใช่ว่า "ยิ่งลักษณ์" จะเก็บตัวเงียบ ไม่สุงสิงหรือเปิดตัวในทางการเมืองเลย เธอยังคงเดินสายร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการลงพื้นที่พบประชาชนในพื้นที่ต่างๆโดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน

หากยังจำกันได้ ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ก.ค. "ยิ่งลักษณ์"กล่าวด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้า บนเวทีปราศรัยพรรคเพื่อไทยที่ จ.นครสวรรค์

"คิดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ พี่ชายที่ถูกรังแกและไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งๆ ที่ผ่านมาทำงานทุกอย่างเพื่อประเทศชาติ ถึงตอนนี้อยู่ต่างประเทศก็ยังประกาศเจตนารมณ์แน่วแน่ว่าจะกลับมากอบกู้สถานการณ์วิกฤตบ้านเมืองทางด้านเศรษฐกิจ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้อยู่ดีกินดีเหมือนดั่งอดีตที่ผ่านมา และจะต่อยอดในทุกนโยบายที่เคยทำไว้ให้ดียิ่งกว่าเก่า และขอฝากการเลือกตั้งว่า ถ้าอยากให้เศรษฐกิจดี ข้าวขายได้ตันละ 1.4 หมื่นบาทขึ้นไป ต้องช่วยกันต่อสู้ให้ทักษิณกลับบ้าน"

งานนี้ทำเอาบรรดาสาวกเสื้อแดงทั้งหลายถึงกับหลั่งน้ำตาตามไปด้วย

อย่างไรก็ตาม "โพสต์ทูเดย์" ได้ขอสัมภาษณ์พิเศษถึงแนวทางแนวคิดทางการเมืองและปมขัดแย้งของสังคมในขณะนี้ น่าเสียดายที่เธอปฏิเสธที่จะให้ความเห็น

คำตอบเดียวที่ออกจากปากเธอคือ "ไม่ขอพูดเรื่องการเมือง เอาให้ถึงเวลาก่อน"

ครั้นเมื่อถามว่าการขึ้นเวทีเสื้อแดงติดใจมวลชนหรือเปล่า เธอรีบตอบพร้อมหัวเราะว่าไม่ติดใจ โดยวันนี้ต้องการทำธุรกิจก่อนดีกว่า ในฐานะน้องสาวคนเล็กในครอบครัว "ชินวัตร" การดูแลธุรกิจช่วงนี้เธอบอกว่าทุกคนทุกบริษัทหนักเหมือนๆกัน และตราบใดที่ยังทำงานก็ต้องมีกำลังใจ อย่าท้อแท้

"ทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ในฐานะนักธุรกิจเองถ้าเราไม่ย่อท้อ ตั้งหน้าทำงาน อย่างน้อยอย่างแรกต้องแข่งกับตัวเอง จากนั้นคุณถึงจะแข่งกับคนอื่นได้ นี่เป็นสิ่งที่บอกตัวเองมาตลอด"

ส่วนเรื่องการถูกอายัดเงินเพื่อตรวจสอบท่อน้ำเลี้ยงเสื้อแดงนั้น "ยิ่งลักษณ์" ยอมรับว่ามีผลกระทบกับการลงทุนพอสมควร ก็ถือว่าเงินทองเป็นของนอกกาย เงินที่ถูกอายัดไม่ใช่แค่จุ๊บจิ๊บ เยอะนะ ถ้าถามว่ามีผลกระทบไหม ก็กระทบ ทรัพย์ทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่เราหามา เราได้มาของเราเอง ซึ่งตรงนี้ก็ไม่เป็นไร เราก็ทำงานต่อไป ก้มหน้าทำงานต่อไป ถือว่าเราเองมีกำลัง อายุขนาดนี้ถึงแม้ว่าจะถือว่าผ่านมาครึ่งชีวิต แต่ก็ยังมีอีกครึ่งชีวิตที่ต้องสู้ต่อไปำสำหรับ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เธอบริหารอยู่นั้น เธอบอกว่าภาพรวมก็ยังคงไปได้ เพราะในส่วนอสังหาริมทรัพย์นั้นอาจจะต่างจากธุรกิจอื่น ไปได้ในระดับไหนนั้นก็คงในระดับที่ว่าความต้องการของคนซื้อบ้านยังอยู่

เธอวิเคราะห์บรรยากาศการลงทุนขณะนี้ว่า การลงทุนคงมี แต่ถ้าลงทุนในโครงการใหญ่ได้หรือไม่ อันนี้คงต้องมองในแต่ละโครงการไป เพราะปัจจัยต่างๆ ก็มีหลายปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้

"สิ่งที่เราทำนั้นก็คงต้องเป็นในลักษณะที่ต้องดูความเสี่ยงมากขึ้น ซึ่งตรงนี้เองในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ของเอสซีเองเราก็มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง แต่การลงทุนของต่างประเทศ ฐานะคนไทยเราก็ต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศ"

ทั้งนี้ เอสซี แอสเสท ถือว่าได้รับผลกระทบเหมือนธุรกิจอื่น เพราะทุกบริษัทเองก็คงได้รับผลกระทบเหมือนกัน แต่อยู่ที่ต้องปรับตัว แล้วทำอย่างไรให้แข่งกับตัวเองให้ดีที่สุด เอสซีต้องตั้งอยู่ในโหมดนี้ แล้วก็ต้องไดนามิกพอสมควรในการปรับเปลี่ยนโปรโมชันต่างๆ ให้รวดเร็วและสอดคล้องกับความต้องการของตลาด

"ยิ่งลักษณ์" ยังได้พูดถึงการทำงานของมูลนิธิไทยคม ซึ่งเธอภูมิใจ มาก ว่า มูลนิธิมีกิจกรรมทางสังคมอย่างต่อเนื่อง ทั้งการศึกษาและกีฬา แต่ในภาพใหญ่ของไทยคมจะเน้นให้การสนับสนุนการศึกษาทุกรูปแบบเพราะถือว่าการศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ

นอกจากนี้ ไทยคมยังให้การสนับสนุนหลักสูตรในเรื่องของการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์ เพื่อให้เยาวชนได้ใช้จินตนาการ ได้คิดและได้ปฏิบัติจริงๆ เพราะเราเชื่อว่าการได้คิดและปฏิบัติจริงจะทำให้เขาเรียนรู้ได้ไกลและไม่มีขีดจำกัด

นอกเหนือจากการศึกษาแล้วก็อยากจะเห็นกิจกรรมของเยาวชนในทางที่เป็นประโยชน์ กิจกรรมนอกโรงเรียนก็เป็นอีกกิจกรรมหนึ่งที่เราต้องสนับสนุน "อย่างกีฬาที่เราทำหลักๆ อย่างต่อเนื่อง ปีนี้ก็เป็นปีที่ 2 แล้ว คือการเข้าร่วมกับสมาคมฟุตบอล ในการจัดไทยคมเอฟเอคัพ"

ยิ่งลักษณ์ บอกว่า ไทยคมได้รับความร่วมมือและอนุเคราะห์จากสมาคมฟุตบอลฯ ให้โอกาสเข้าไปทำงานซึ่งอยากสนับสนุนฟุตบอลไทย เพราะพื้นฐานของคนไทยใกล้กับกีฬา แล้วกีฬาฟุตบอลทำได้ทุกระดับทั้งประเทศทุกพื้นที่ โดยได้ทำงานกับคนได้กว้างขวาง จึงได้เข้ามาทำงานร่วมตรงนี้

นอกจากกีฬาแล้วยังได้สอดแทรกให้โค้ชทีมชาติได้ไปฝึกอบรมเยาวชนในทุกพื้นที่ที่ไปทำงาน แล้วก็สอนเรื่องการพัฒนาบุคลิกสอดแทรกเข้าไป เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วหลักคือให้เรื่องการศึกษา

ถามถึงความเป็นไปได้ในการที่จะทำสโมสรฟุตบอลของไทยคมเอง "ยิ่งลักษณ์" ให้ความเห็นว่า ยังไม่มีแผนตรงนี้ เนื่องจากต้องการให้การสนับสนุนในทุกๆ ภาคส่วนมากกว่า และวงการกีฬาเป็นวงการที่ต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ถ้าหากเข้าไปทำสโมสรเองแล้ว จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปทำในส่วนของการพัฒนาวงการกีฬา ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะทำงานร่วมกับการกีฬาแห่งประเทศไทยและสมาคมฟุตบอลมากกว่า

เคล็ดลับสาว2แสนปี

สัมภาษณ์พิเศษ: ยิ่งลักษณ์ ยิ่งหนาว

ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ยิ่งลักษณ์" เฉิดฉายด้วยแสงของตัวเองในฐานะที่เป็นน้องสาวคนสุดท้องในตระกูล "ชินวัตร"และเป็นสาวสวยสะพรั่งไม่สร่าง แม้อายุเธอได้ก้าวขึ้นเลข 4 แล้วก็ตาม แถมมีลูกชายอีก 1 คน

เธอกระซิบถึงเคล็ดลับที่ทำให้ยังสาวยังสวยว่าต้องไม่เครียด แล้วก็หาความสุขให้ตัวเองบางครั้ง การที่ต้องหาความสุขให้ตัวเอง เวลาเจองานหนักต้องหาวิธีว่าทำอย่างไร จะสนุกกับงาน ไม่ท้อถอย ถ้าคิดแต่ท้อถอย อะไรก็เจอแต่ปัญหา มันก็ไม่สดชื่น เกิดความท้อ เครียด สุขภาพไม่ดีตามมา แต่ถ้าเห็นว่าข้างหน้าเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่มีไว้ให้แก้สนุก กับมันก็มีความสุข ถ้าเหนื่อยก็นอนเร็วขึ้น

"เครียดมากก็กลับไปเจอลูก กลับบ้านไปก็ทิ้ง ไม่หมกมุ่นตลอดเวลา ทำงานก็ให้เวลากับงานเต็มที่ กลับบ้านไปก็ให้เวลากับลูก ทำให้ร่างกายและสมองของเราได้คลายเครียดแล้วก็ทำในสิ่งที่ชอบเป็นบางครั้ง ซึ่งจะทำให้จิตใจของเรามีความสุข"

ยิ่งลักษณ์ ย้ำอีกว่า ต้องดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ถ้าเรามีจิตใจที่มีความสุขก็จะทำให้ร่างกายเรามีความสุขไปด้วย เพราะฉะนั้นต้องหาให้เจอว่าอะไรทำให้เรามีความสุข หาเวลาให้กับตรงนั้นบ้าง เพราะรู้ว่าวันนี้บทบาทผู้หญิง คุณแม่ทุกคนมีบทบาทที่เปลี่ยนไปและรับภาระหนัก มีภารกิจของตัวเองไม่ว่าจะเป็นงานหรือว่าธุรกิจ หรือครอบครัว เพราะฉะนั้น ก็ขอให้กำลังใจคุณแม่ทุกคน แล้วก็ผู้หญิงทุกคนด้วย

เธอยังได้พูดถึงความประทับใจ ด.ช.ศุภเสกข์ ชินวัตร หรือไปป์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว ซึ่งปีนี้อายุ 8 ขวบที่เขียนการ์ดอวยพรเธอเนื่องในวันแม่ที่ผ่านมา

"เขาเขียนว่า ไปป์ขอให้คุณแม่มีความสุข ทางขวาเป็นสร้อยที่ทำจากดินญี่ปุ่น ขอให้คุณแม่เป็นสาว 2 แสนปี เคยพูดกับลูกว่าแม่อยากเป็นสาว 2,000 ปี เขาก็เลยรู้ว่าแม่อยากสวย แม่ชอบรักสวยรักงาม เขาก็เลยบอกว่าให้แม่เป็นสาว 2 แสนปีไปเลยนะ จะได้อยู่กับเขานานๆ"

ในความธรรมดาของผู้หญิงคนหนึ่งนั้น บางมุม "ยิ่งลักษณ์"อาจจะเป็นผู้บริหาร เป็นนายในบริษัทที่พนักงานต้องให้ความยำเกรง แต่ในความธรรมดาของความเป็นแม่นั้น ในทุกมุมที่พูดถึงลูกเธออ่อนละมุนเสมอ

ยิ่งลักษณ์กับบทบาทแม่

สัมภาษณ์พิเศษ: ยิ่งลักษณ์ ยิ่งหนาว

แม้จะเป็นนักธุรกิจ สาวสวยแต่ในฐานะแม่ ของ น้องไปป์ "ยิ่งลักษณ์"บอกว่าพยายามสอดแทรกเรื่องความผูกพันให้กับลูก ว่าเป็นเด็กต้องมีความผูกพันมีความกตัญญูและเป็นคนดี

"ไม่ได้สอนเป็นคำพูดมากนัก เพราะว่าบางทีเด็กเขาก็ถ่ายทอดยังไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่เราจะบอกก็คือว่าเมื่อลูกโตมา หน้าที่ของลูกคืออะไร พ่อแม่แก่มาก็คือการดูแลพ่อแม่ ในขณะเดียวกันก็จะเทียบให้เขาเห็นว่าเมื่อเขาป่วย คนที่เขาอยากได้คือแม่ แม่ก็จะดูแลเขา เพราะฉะนั้นเรา 3 คน พ่อแม่ลูก ต้องไม่ทิ้งกัน ที่พยายามสอนให้เขาเห็นว่าความรักความผูกพัน"

นอกจากนี้ เรื่องของการเคารพผู้ใหญ่ก็พยายามที่จะสอนเขาเสมอ ในส่วนของความคิดนั้นจะให้เขาเป็นอิสระ ยิ่งลักษณ์ ยังบอกอีกว่า ไม่ได้หวังให้เมื่อลูกโตมาแล้วต้องรวย ขอแค่ "น้องไปป์" เป็นคนดีก็พอแล้ว "ให้ลูกได้เรียนรู้และอยู่ได้ในสังคม ไม่ได้คาดหวังว่าโตมาเขาจะเป็นอะไร จะเก่งหรือเปล่า ไม่ใช่ให้เขาดูแลตัวเองได้ เพราะว่ามีลูกคนเดียวเพราะฉะนั้นสิ่งแรกที่เขาต้องเรียนรู้คือการอยู่กับคนอื่น เราไม่รู้ว่าจะอยู่กับเขาแค่ไหน"

แน่นอนว่าความแตกต่างระหว่างครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ กับ ยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะ โอ๊ค-พานทองแท้ กับน้องไปป์ นั้นเธอบอกว่าน่าจะเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวในครอบครัว

"ครอบครัวปู ยังได้ชีวิตในความเป็นส่วนตัวค่อนข้างเยอะ จะไปไหนยังสบายของน้องโอ๊ค อาจจะมีข้อจำกัดตรงนั้น แต่พื้นฐานด้วยกันแล้วน่าจะไม่ต่างกันเพราะว่าเรามาจากครอบครัวเดียวกัน วิธีการก็ไม่ต่างกันคือเน้นเรื่องความรักความผูกพัน ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนก็ต้องมีเวลาให้กับครอบครัว นี่คือสิ่งที่พี่น้องเหมือนกันหมดให้ความสำคัญกับครอบครัว ในขณะเดียวกันเราก็ไม่ลืมพ่อแม่ ญาติพี่น้องที่ดูแลเราเรื่องกตัญญูรู้คุณ ตรงนี้ถูกสอนมาเหมือนกัน"

ในขณะที่เมื่อมีเวลาว่าง เธอกับลูกจะไปออกรอบตีกอล์ฟ ในวันอาทิตย์ที่สนามกอล์ฟออลสตาร์ เพราะใกล้บ้าน เป็นก๊วนแม่ลูก ซึ่งนั่นทำให้เธอกับลูกสนิทกันมาก

ระหว่างพ่อกับแม่นั้น น้องไปป์จะอยู่ด้วยกันทั้งคู่แต่แบ่งกันคนละบทบาท แม่เป็นบทบาทที่เป็นทั้งแม่และเพื่อนเขา เพราะฉะนั้นเขาก็จะกล้าบอกในทุกเรื่องที่เขาอยากบอก กับพ่อก็จะรักษาเรื่องระเบียบวินัย ฝึกความมีวินัยให้กับลูกเพราะฉะนั้นลูกก็จะเกรงใจพ่อ แต่กับแม่เขาจะกล้ายิ่งลักษณ์ บอกอีกว่า เธอไม่เคยตีลูกเลย เช่นเดียวกับที่คุณแม่ยินดีก็ไม่เคยตีเธอ

"แม่ไม่เคยตี จริงๆ แม่จะสอนคะ แม่จะไม่ได้เลี้ยงวิธีการว่าโกรธแล้วตี แม่ไม่เคยใช้อารมณ์กับลูกอันนี้อย่างหนึ่งที่เห็นแม่จะสอนมากกว่า บางครั้งแม่จะบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควร อะไรไม่ควร แม่จะใช้วิธีสอนมากกว่า ก็เลยไม่รู้สึกว่าการตีจะเป็นการแก้ปัญหาว่ามีความผิด อยู่ที่จังหวะไหนจะว่า จังหวะไหนจะสอน"