posttoday

ย้อนรอย 1 ปี คดีหุ้นมรณะ"ชูวงษ์"

29 มิถุนายน 2559

ผ่านมาครบ 1 ปี คดีของ "ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง" นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับหมื่นล้านบาทที่เสียชีวิตปริศนา ล่าสุดตำรวจเข้าจับ พ.ต.ท.บรรยิน ผู้ต้องหาฆ่าชูวงษ์โยงกับการโอนหุ้น

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

ผ่านมาครบ 1 ปี คดีของ "ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง" นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้างระดับหมื่นล้าน เพิ่งจะมีความคืบหน้าสำคัญ อย่างการออกหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ เพื่อนสนิท อดีตนักการเมืองดัง และอดีต รมช.พาณิชย์

ปฐมบทของคดีฆาตกรรมอำพรางชูวงษ์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 2558 หลัง ศิริรัตน์ แซ่ตั๊ง ภรรยาชูวงษ์ ได้รับแจ้งว่า ชูวงษ์ บาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตที่โรงพยาบาล จากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ขณะชูวงษ์ นั่งรถยนต์เลกซัสของ พ.ต.ท.บรรยิน บริเวณถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เนื่องจากมีรถยนต์ปาดหน้า ทำให้ พ.ต.ท.บรรยิน ต้องหักหลบรถยนต์กะทันหัน ก่อนพุ่งชนต้นไม้จนชูวงษ์เสียชีวิต

จุดนี้ พ.ต.ท.บรรยิน ให้การกับตำรวจว่า เหตุที่ ชูวงษ์ เสียชีวิต อาจเป็นเพราะไม่ได้สวมเข็มขัดนิรภัย และหลังจากนั้น ระหว่างสวดพระอภิธรรมศพ 7 วัน พ.ต.ท.บรรยิน ก็เดินทางมาร่วมฟังสวดด้วยตลอด

หลังผ่านพิธีพระราชทานเพลิงศพ ครอบครัวกลับพบความผิดปกติ เนื่องจาก ทนายความ ภรรยา และบุตรชาย พบหนังสือแจ้งรายงานการซื้อขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์ AECS ถูกวางไว้ในห้องทำงาน รวมถึงเจอรายงานการขายหุ้นจำนวนมากไปให้บุคคลอื่น

ครอบครัวและทนายจึงเริ่มติดตามพยาน-หลักฐานจนพบพิรุธหลายประการ และเริ่มมอบหลักฐานให้พนักงานสอบสวน สน.อุดมสุข ซึ่งด่วนสรุปไปก่อนหน้าแล้วว่าเป็นคดีอุบัติเหตุ

แม้ศพจะถูกเผาตามพิธีไปแล้ว แต่ภาพถ่ายที่มีและผลพิสูจน์พบว่ามีรอยกระแทกจากของแข็งจนกระดูกคอหัก รวมถึงมีลำคอคล้ายถูกรัด นอกจากนี้จากการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญยังพบว่า รถยนต์ น่าจะชนด้วยความเร็วเพียง 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง

รวมถึงยังพบพิรุธ เนื่องจากรถเลกซัสได้หายจากเส้นทางไปนานกว่าครึ่งชั่วโมง จึงกลับมาโผล่บนถนนสายหลักอีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนานพอที่จะนาตัวชูวงษ์ไปก่อเหตุฆาตกรรมอำพราง จนอาจพอตั้งข้อสันนิษฐานเป็นคดีฆาตกรรมได้

เช่นเดียวกับหลักฐานการ "โกงหุ้น" ที่เจ้าหน้าที่รวบรวมได้อีกมากเช่นเดียวกัน

ผู้อยู่ในข่ายต้องสงสัยทั้งหมด 4 คน คือ กัญฐณา ศิวาธนพล พริตตี้ อุรชา วชิรกุลฑล โบรกเกอร์ ศรีธรา พรหมา มารดา อุรชา และ พ.ต.ท.บรรยิน

เจ้าหน้าที่กองปราบฯรวบรวมหลักฐานพบว่า กลุ่มผู้ต้องสงสัยได้ร่วมกันโอนหุ้น AECS ให้กับ ศรีธรา ผ่านอุรชา ที่เป็นโบรกเกอร์และขายไปด้วยมูลค่า 40 ล้านบาท

ถัดจากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ผู้ต้องสงสัยยังร่วมกันปลอมแปลงเอกสารขายหุ้นบริษัท โอเอสเค จำนวน 9.5 ล้านหุ้น รวมเป็นเงิน 84 ล้านบาท สามารถเบิกไปได้ 24 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 56 ล้านบาท ถูกเจ้าหน้าที่อายัดไว้ก่อน ขณะเดียวกันยังพบหลักฐาน เป็นทรัพย์สินจากหุ้นของชูวงษ์ที่ยังไม่ได้ขายและที่ขายเป็นเงินสดไปแล้ว 200 ล้านบาท

คดีแรกที่กองปราบปรามแจ้งข้อกล่าวหา ได้แก่ ข้อหา "ลักทรัพย์ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ์ปลอมหรือรับของโจร" โดยมีผู้ต้องหา 3 คน คือ  กัญฐณา อุรชา และ ศรีธรา ถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม ขณะที่ พ.ต.ท.บรรยิน ติดต่อขอมอบตัวเอง โดยหลังจากนั้นทั้งหมดได้รับการอนุญาตให้ประกันตัว

ส่วนคดี "ฆาตกรรมอำพราง" ยังคงเงียบงันนานเกือบ 1 ปี กระทั่งวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ครอบครัวของชูวงษ์ เพิ่งตั้งโต๊ะแถลงเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดี ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องกลุ่มคนเหล่านี้

"ช่วง 1 ปีที่ผ่านมามีกลุ่มบุคคลแปลกหน้าเข้ามาคุกคามครอบครัวเสมอ แต่ก็ไม่ย่อท้อแต่อย่างใด และไม่ขอเจรจากับใครทั้งสิ้น" ภรรยาของชูวงษ์ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 26 มิ.ย.

ในที่สุด ศาลก็อนุมัติหมายจับ พ.ต.ท.บรรยิน ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คล้อยหลังครอบครัวชูวงษ์ตั้งโต๊ะแถลงข่าวความ คืบหน้าคดีเพียง 2 วันเท่านั้น

ปมสำคัญในคดียังไม่คลี่คลาย เมื่อ พ.ต.ท. บรรยิน ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ไม่ยอมให้การใดๆ กับตำรวจ โดยจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น

เส้นทางคดีนี้ยังคงอีกยาวไกล