posttoday

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

04 เมษายน 2559

วิพากษ์นโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพล ผ่านประสบการณ์นายตำรวจเจ้าของฉายา "มือปราบเจ้าพ่อ"

เรื่อง...อินทรชัย พาณิชกุล / ภาพ...วิศิษฐ แถมเงิน

คล้อยหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศนโยบายปราบปรามผู้มีอิทธิพลทั่วประเทศ โดยระบุว่ามีบุคคลถูกขึ้นบัญชีดำมากถึง 6,000 รายชื่อ ตามฐานความผิด 16 กลุ่ม ประกอบด้วย ปล่อยเงินกู้ ฮั้วประมูล คุมวินมอเตอร์ไซค์และคิวรถตู้ เก็บส่วยสถานบริการ ลักลอบขนของเถื่อน บ่อนการพนัน ค้ากาม แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ค้ามนุษย์ ตุ๋นนักท่องเที่ยว มือปืนรับจ้าง ทวงหนี้ ค้าอาวุธสงคราม บุกรุกป่าสงวน เรียกเก็บส่วยทางเท้า และค้ายาเสพติด

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่พ้น

บ้างว่าทหารใช้อำนาจพิเศษแก้ปัญหาที่รัฐบาลปกติทำไม่ได้ บ้างว่ามีวาระซ่อนเร้นแอบแฝงต้องการขจัดฝ่ายตรงข้าม บ้างมองว่าเป็นการล้างบ้านล้างเมืองให้สะอาดก่อนเลือกตั้ง

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) นายตำรวจนักบู๊ ผู้เคยสู้รบปรบมือกับผู้อิทธิพลมาตลอดชีวิตราชการ ไม่ว่าจะปราบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ โค่นกำนันเป๊าะ ชลบุรี เจ้าพ่อภาคตะวันออก ปิดบ่อนปอ ประตูน้ำ ทลายบ่อนลอยฟ้าปิ่นเกล้า กำราบมาเฟียโบ๊เบ๊ และมาเฟียสนามม้า จนได้รับฉายาว่า 'มือปราบเจ้าพ่อ'

วันนี้ เขาจะมาบอกเล่าถึงวีรกรรมปราบปรามผู้มีอิทธิพลตามแบบฉบับของตนเอง

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

กว่าจะมาเป็นมือปราบตงฉิน

แม้เกษียณอายุราชการมานานกว่า 8 ปี แต่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หรือบิ๊กตู่ วัย 68 ยังดูผ่องใส แข็งแรง น้ำเสียงเฉียบขาดดุดัน เขาเปรยให้ฟังว่า ทุกวันนี้ยังมีคดีความฟ้องร้องคาราคาซังอยู่ในชั้นศาลนับร้อยคดี

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2491 ละแวกธนบุรี จบร.ร.นายร้อยตำรวจรุ่นที่ 24 เริ่มต้นรับราชการครั้งแรกที่สภอ.นาแก จ.นครพนม ตั้งแต่ปี 2515-2524 สู้รบผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์อย่างโชกโชนจนได้รับยกย่องให้เป็น "วีรบุรุษนาแก"

นายตำรวจนักบู๊ บอกว่า เคยปราบปรามผู้มีอิทธิพลรายเล็กรายน้อยมาเยอะ ไม่ใช่จู่ๆก็โผล่มาปราบเจ้าพ่อ

"ผมผ่านความเป็นความตายมามาก ปราบคอมมิวนิสต์มาเป็นร้อยครั้ง ยิงกันหูดับตับไหม้แต่ก็รอดมาได้ มีผลงาน ได้เลื่อนขั้นเป็นผู้นำหน่วย ได้เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร พอย้ายมาเป็นผู้กำกับจังหวัดมุกดาหาร ผมก็จับดะไม่ไว้หน้า ผู้พิพากษาโดนใบสั่งยังต้องมาจ่ายที่สน. นายกเทศมนตรีก็เอาติดคุก สส.มุกดาหารมีอยู่ 4 คน เจอผมจับเหลือ 2 คน หมดอนาคตกันไป สมัยนั้นตำรวจกองปราบเที่ยวเก็บเงินทุกพื้นที่ ผมประกาศเลย ถ้ามึงเข้ามาหาเงินในพื้นที่นี้อีกเมื่อไหร่ เจอกูล่อแน่ พื้นที่จึงสงบเรียบร้อย สี่ปีที่ผมอยู่มุกดาหารกลายเป็นจังหวัดที่คดีน้อยที่สุดในประเทศไทย ทั้งหมดทำให้ท่านณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจขณะนั้น เล็งเห็นความสามารถจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองชล"

ท้าชนกำนันเป๊าะ

ปี 2529 ย้ายมารับตำแหน่งผู้กำกับการจังหวัดชลบุรี ที่นี่เอง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้สร้างวีรกรรมที่ไม่มีใครลืมนั่นคือ ประกาศท้าชนกำนันเป๊าะ หรือนายสมชาย คุณปลื้ม ผู้ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อภาคตะวันออก

"ตอนโดนคำสั่งให้มาเมืองชล ผมถามท่านอธิบดีณรงค์ว่า ผมรับราชการทางอีสานมาตลอด ท่านให้ผมมาเมืองชลทำไม ท่านบอกว่าให้มาปราบอิทธิพล ตอนนั้นชื่อเสียงผมดังแล้ว พอสื่อลงข่าว คุณรู้ไหม พวกขนของหนีภาษีเก็บเรียบหมด ไม่กล้า ปกติเวลาข้าราชการใหม่มารับตำแหน่งก็ต้องไปรายงานตัวกับกำนัน ไปแนะนำตัวให้รู้จัก ผมไม่ไป เขาก็คงงงๆ

วันหนึ่งมีคนมาบอกว่า กำนันเขาอยากพบผม แต่ไม่กล้ามาที่กองบังคับการ เลยอยากจะขอนัดที่กรุงเทพ ในฐานะตำรวจใครอยากพบเราได้ทั้งนั้น เลยนัดที่ร้านอาหารแถวสุขุมวิท ปรากฏว่าผู้ว่าราชการจังหวัดมารับรองความประพฤติกำนันว่า เป็นคนดีอย่างนู้นอย่างนี้ คบได้ เลิก ละทุกอย่างแล้ว ผมก็บอกว่า เลิกได้ก็ดี ถ้าไม่เลิกก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย"

ถามว่า ยุคนั้นชื่อเสียงบารมีของกำนันเป๊าะยิ่งใหญ่แค่ไหน

"ใหญ่คับฟ้าคับเมือง เขาไม่ได้มีอิทธิพลเฉพาะในชลบุรีเท่านั้น แต่แผ่ขยายไประยอง จันทบุรี ตราด เรื่อยไปถึงปราจีนบุรีจนคนเรียกเขาว่าเจ้าพ่อภาคตะวันออก นักการเมืองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องพึ่งเขาหมด แม้แต่ระดับอธิบดีกรมตำรวจ นายกรัฐมนตรี วันเกิดเขายังต้องไป จัดที่บางแสนคนมาอวยพรกัน 4-5 หมื่นคน เคยมีนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นมาขอพบผม ถือภาพกำนันเป๊าะมาถามว่าจะไปหาคนนี้ได้ที่ไหน ผมถามกลับว่ามาทำอะไร เขาบอกว่าจะมาลงทุนที่เมืองชล มีคนแนะนำว่าต้องไปหาคนนี้ก่อน ไม่งั้นทำไม่ได้ ดูสิ อิทธิพลเขาขนาดนั้น

ไอ้พวกระเบิดหิน ปูน ทราย วัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์อะไรต่างๆ ลูกน้องเขาทั้งนั้น มันคุมทุกอย่าง เมื่ออยู่ยาวก็เลยรากงอก มีอิทธิพลใหญ่โต ข้าราชการที่ว่าแน่ๆไปไม่ถึงสองปีก็ไม่รอด แม้กระทั่งตำรวจ เวลาเดือดร้อนไม่มีเงินใช้ เมียคลอดลูก ลูกเข้าโรงเรียน ไปหาผู้กำกับไม่ได้ เพราะไม่มีสวัสดิการ ก็ต้องไปหากำนัน แล้วแบบนี้ใจมันจะอยู่กับใคร"

ด้วยนิสัยตงฉิน เด็ดขาด ตรงไปตรงมา ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม เขาประกาศให้รู้กันทั่วว่า ตนเองเป็นตำรวจ ไปไหนมาไหนพกอาวุธ มีอำนาจสืบสวนสอบสวน และจับกุมผู้กระทำผิด ฉะนั้นใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย อย่ากำแหง ผลงานแรกคือ ตั้งด่านตรวจหน้าบ้านกำนันเป๊าะ

"ใครออกมาผมสั่งค้นหมด ฉะนั้นมันก็ไปไหนไม่ได้ ไปมือเปล่าไม่มีอาวุธก็กลัวตาย เพราะทำเขาไว้เยอะ ชาวบ้านเริ่มรู้กิติศัพท์ผม เริ่มมีคนแจ้งข่าวสารข้อมูล ใครเป็นใคร ตำรวจคนไหนนอกแถว รู้หมด ถ้าเราเป็นคนจริงเสียอย่าง ประชาชนเขาก็พร้อมให้ความร่วมมือ ไม่จำเป็นต้องไปหาข่าวที่ไหนเลย ขณะเดียวกันผมไม่ได้ปราบปรามโจรผู้ร้ายอย่างเดียว เริ่มพัฒนาคน พัฒนาองค์กร จัดฝึกอบรม ให้ออกกำลังกาย  งดกินเหล้า งดสูบบุหรี่ งดเล่นการพนัน พัฒนาจิตใจด้วยการสร้างสวัสดิการ กองทุน มูลนิธิ เลี้ยงลูกให้ ฝึกอาชีพให้ เพื่อให้เขามั่นคง ไม่ต้องไปพึ่งกำนัน มาพึ่งกูนี่" 

หลังปฏิบัติหน้าที่ในชลบุรีได้ 3 ปี ชีวิตราชการหักเหไปเป็นรองผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน ก่อนก้าวกระโดดเป็นผู้บังคับการกองปราบปราม คราวนี้ต้องรบทัพจับศึกกับสีกากีด้วยกัน เพราะไปขัดผลประโยชน์นายตำรวจใหญ่ ถึงขั้นถูกระเบิดห้องทำงานจนเป็นข่าวใหญ่ ต่อมาถูกเด้งเข้ากรุในยุครสช.เรืองอำนาจ รักษาการณ์ผู้บังคับการสันติบาล 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธร 6 และผู้บังคับการวิทยาการภาค 3 ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามลำดับ

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

โค่นเจ้าพ่อตะวันออก

ปี 2537 ดวงชะตาโคจรกลับมาเมืองชลอีกครั้ง ในตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ ทำหน้าที่ผู้ช่วยหัวหน้าตำรวจภาค 2 คราวนี้เขาเดินหน้าชนกำนันเป๊าะเต็มตัว

"วันหนึ่งได้รับจดหมายเป็นกระดาษเล็กๆเขียนว่า "ท่านเสรี การซื้อขายที่ดินที่เมืองพัทยามันทุจริตกัน ขอให้ท่านช่วยไปดูด้วย ผมไม่กล้าลงชื่อ เพราะผมกลัวตาย" เนื้อความมีแค่นี้ ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่สนใจ เผลอๆจดหมายไม่ถึงมือด้วยซ้ำ แต่ผมสั่งลูกน้องไว้เลยว่าจดหมายทุกฉบับต้องถึงมือ และผมจะดูด้วยตัวเองทุกฉบับ"

คดีทุจริตที่ดินเขาไม้แก้ว เป็นคดีทุจริตการจัดซื้อที่ดินจำนวน 140 ไร่ เพื่อใช้เป็นที่ฝังกลบขยะของเมืองพัทยา ตั้งอยู่ในพื้นที่ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ซึ่งปี 2536 เทศบาลเมืองพัทยามีโครงการจัดหาที่ดินเพื่อใช้เป็นที่กลบฝังขยะ โดยกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นพื้นที่ที่อยู่ห่างจากเมืองพัทยาในรัศมีไม่เกิน 15 กิโลเมตร แต่หลังเปิดประมูลไม่ปรากฏมีเจ้าของที่ดินเจ้าใดเสนอมา จึงมีการแก้เงื่อนไขว่าให้ห่างออกไปอีกเป็น 25 กิโลเมตร ทำให้นายพีระ ศิลรัตน์ ผู้อ้างตัวเป็นเจ้าของที่ดินจำนวน 150 ไร่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เสนอที่ดินจำนวน 140 ไร่ ให้ทางเทศบาลเมืองพัทยาพิจารณา โดยเสนอขายในราคาไร่ละ 6 แสนบาทเศษ รวมเป็นเงิน 93 ล้านบาทเศษ ซึ่งภายหลังเมืองพัทยาตกลงซื้อที่ดินดังกล่าวเอาไว้ และชำระเงินให้เจ้าของที่ดินไปทั้งหมด

ทว่าปัญหาเกิดขึ้นหลังจากมีผู้ร้องเรียนว่า ที่ดินผืนดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมีหลักฐานว่า ผู้ครอบครองที่ดินรู้เรื่องดีอยู่แล้ว เนื่องจากกรมที่ดิน และสำนักงานที่ดิน จ.ชลบุรี เคยมีหนังสือเพิกถอนสิทธิไปก่อนหน้านั้น แต่ยังฝ่าฝืนและทำสัญญาซื้อขายกับทางเทศบาลเมืองพัทยา นอกจากนั้นยังพบข้อมูลที่เพิ่มน้ำหนักว่ามีการทุจริตขึ้น เพราะมีหลักฐานว่านายพีระซื้อที่ดินแปลงนี้มาเมื่อปี 2535 ในราคาเพียงไร่ละ 50,000 บาท โดยที่ทั้งผู้ซื้อผู้ขายลงชื่อยอมรับเองว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าสงวนฯ กลายเป็นปมความผิดปกติ ทั้งเรื่องที่ดินในเขตป่าสงวนฯ และราคาขายที่พุ่งขึ้นมากกว่า 10 เท่าในระยะเวลาเพียงปีเดียว กระทั่งต่อมาตำรวจสืบทราบว่า นายพีระทำงานเป็นคนสวนบ้านกำนันเป๊าะ ตำรวจรวบรวมหลักฐานดำเนินคดีตามกฎหมาย ศาลสั่งพิพากษาจำคุก ส่งผลให้กำนันเป๊าะหลบหนีไป ก่อนจะถูกจับกุมในเวลาต่อมา

"สาเหตุทั้งหมดมาจากการสมรู้ร่วมคิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่ตำรวจ อัยการ ที่ดิน เจ้าหน้าที่ธนาคาร โดยสร้างหลักฐานเท็จต่างๆขึ้นมา ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐรู้จักใช้อำนาจให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ไม่ปล่อยปะละเลย ไม่ใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ ไม่ไปรับประโยชน์จากผู้มีอิทธิพล มันก็จบ เจ้าพ่อมันกลัวคนที่วิ่งเต้นไม่ได้ ซื้อไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่รัฐกลัวไม่มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่ กลัวไม่มีเงินมีทอง เวลาโดนติดสินบนก็ต้องยอม แต่ถ้าไม่ติดยึด ทำตามหน้าที่ มันจะกลัว เพราะมันรู้ว่าคนนี้เอาจริง"

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

ปราบผู้มีอิทธิพลไม่ใช่หน้าที่คสช.

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้มีคำสั่งเลขที่ 324/2558 ลงวันที่ 29 ต.ค. 2558 ให้ตั้งคณะกรรมการเรื่องการบูรณาการปราบปรามผู้มีอิทธิพลท้องถิ่น ซึ่งมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ บอกเสียงกร้าวว่า การปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่หน้าที่ของคสช.

"มันกระจอกไป ขนาดผมคนเดียวยังทำได้ ตำรวจเขาทำกันเองได้ รัฐบาลมีงานอื่นที่สำคัญเยอะแยะต้องทำ ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องมายุ่ง คสช.ควรตั้งผู้นำหน่วยที่ดี และให้เขาไปจัดการกันเอง เชื่อว่าจะจัดการได้ ใครเป็นผู้มีอิทธิพล ใครเปิดบ่อน ใครฮั้วประมูล ก็ไปจับสิ กำนันเซี๊ยะยังถูกจับคดีฮั้วประมูลเลยใช่ไหม กำนันเป๊าะถูกจับคดีทุจริตเขาไม้แก้ว ถึงมือรัฐบาลไหมล่ะ ไม่เห็นต้องเป็นวาระแห่งชาติเลย ไอ้เรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพล 6,000 คนนั่นอีก โอ้โห ประเทศไทยมีผู้มีอิทธิพลเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ ขนาดผมยังไม่เห็นกำนันเป๊าะอยู่ในสายตา แล้วพวกนั้นจะเป็นผู้มีอิทธิพลได้ไง แต่ละคนที่ไปจับ สารรูปดูได้ที่ไหน จับที่ได้อาวุธปืนไม่กี่กระบอก ยาไม่กี่เม็ด

ยุคนี้ผมไม่เห็นว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเลย มีใครเหนือกว่ากำนันเป๊าะบ้าง แคล้ว ธนิกุล ...ก็ตายไปแล้ว ชัช เตาปูน...ก็ไม่เท่าไหร่ คนนี้รู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง พอใครแรงมากูหยุด ดูทางลม พอไม่แรงก็ทำต่อ แต่มันไม่ถึงขนาดไปฆ่าใคร กำนันเป๊าะนี่เขาฝังรากหยั่งลึกยาวนาน คุณรู้ไหมที่บางแสนมันเจริญๆ ก็เพราะกำนันเขามีอิทธิพล คุมการเมืองหมดเลยของบมาได้ทุกกระทรวง งบที่ควรจะไปลงในจุดที่ควรลงก็ไม่ไปลง ลงแต่บางแสน พอลงบางแสนมันก็มีชัก 10 % 20 % 30 % โกงกันชิบหายไม่รู้เท่าไหร่ ใครหือไม่ยอมพรุ่งนี้เป็นศพ ตำรวจก็ไม่ยุ่ง ตายเหมือนหมาข้างถนน หลังกำนันถูกจับ อิทธิพลยังมีอยู่ เพราะยังมีคนที่ยังสวามิภักดิ์เขา แต่ต่อไปก็จะลดลงเรื่อยๆ"

อดีตผบ.ตร. กล่าวต่อว่า  รัฐบาลคสช.ขาดความรู้ ขาดประสบการณ์ ใช้กฎหมายไม่เป็น  

"ผมพูดได้เลยว่า รัฐบาลทหารใช้กฏหมายไม่เป็น เพราะทั้งชีวิตไม่เคยใช้กฏหมาย ฉะนั้นจึงทำอะไรผิดพลาดอยู่ตลอดเวลา ยกตัวอย่างถ้าเอาตำรวจตระเวนชายแดนมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไม่เคยสืบสวนสอบสวน จับกุมโจรผู้ร้าย ไม่เคยใช้กฏหมายเลย แล้วจะรู้เรื่องไหม เหมือนเอาทหารมาเป็นนายกรัฐมนตรี มาคุมประเทศ ไม่รู้กฏหมาย ใช้กฏหมายไม่เป็น เขาให้มีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ ไม่ใช่มาบริหารประเทศแบบนี้"

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ น้อมนำเอาพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า 'ในบ้านเมืองย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี การทำให้บ้านเมืองสงบสุขเรียบร้อยได้ อยู่ที่การยกย่องคนดี สนับสนุนคนดีให้มีอำนาจได้ปกครองบ้านเมือง และควบคุมคนไม่ดีไม่มีอำนาจ' โดยระบุว่า ถ้าคสช.ตามตามพระบรมราโชวาทได้ ทุกอย่างจะไร้ปัญหา

"คิดดู อิทธิพลอย่างกำนันเป๊าะ ผมคนเดียวยังจัดการได้ หรือปอ ประตูน้ำเป็นเจ้าพ่อเปิดบ่อนการพนันมายาวนาน ไม่ยอมหยุดสักที พอผมจับติดคุกติดตาราง ตอนหลังปิดบ่อนเลย ทำไมแค่ผมคนเดียวทำได้ คือขอให้เป็นคนจริงจัง แล้วทำยังไงถึงจะได้คนจริงจังเข้ามา ก็อยู่ที่ผู้มีอำนาจของบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง อธิบดี ผบ.ตร. ผบ.เหล่าทัพ ถ้าคุณเอาคนดีที่สุดขึ้นมาให้ได้ ก็จบ ไม่ใช่เอาคนเลวที่สุด หรือคนวิ่งเต้นเสียเงินเสียทองจ่ายเข้ามา แบบนั้นก็พัง"

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง

ในฐานะนายตำรวจผู้ต่อกรกับบรรดาผู้มีอิทธิพลทั้งในและนอกเครื่องแบบมาอย่างสมบุกสมบัน เปรียบเปรยว่า ผู้มีอิทธิพลก็เหมือนผี ถ้าไม่กลัวก็ไม่มีฤทธิ์เดชอะไร

"คำว่ามาเฟีย เจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพล คนในสังคมไม่เข้าใจ ไม่เห็น แล้วก็คิดตามกันว่า นักเลง นายทหาร นายตำรวจที่อยู่เบื้องหลังอิทธิพลต่างๆคือผู้มีอิทธิพล พอเขาชูชื่อขึ้นมาก็เชื่อไปตามๆกัน ผมถือว่าทุกคนไม่ได้มีอิทธิพลอะไรเลย อยู่ที่ตัวเราเท่านั้น ถามว่าคุณกลัวผีเปล่า กลัว แต่เคยเห็นผีไหม ไม่เคยเห็น ไม่เคยเห็นผีแต่ดันกลัวผี เพราะงั้นผู้มีอิทธิพลต่างๆ ถ้าเราไม่กลัวมัน มันก็ไม่มีอิทธิพล ผมมีหน้าที่ปราบ แค่นี้ ไม่ได้กลัวอะไรเลย สมัยผมได้รับมอบหมายให้ปราบมาเฟียสนามม้า รู้กันว่าสนามม้าทหารคุม บรรดาเสธ.ทั้งหลายมาเจอเสรีพิศุทธ์ เสเหมือนกัน เสตั้งแต่เกิด เสที่ไม่ได้เรียนโรงเรียนเสธ. แต่เราทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ไอ้เสธ.ที่ว่าดังๆคลานต้วมเตี้ยมหนีผมหมด นายตำรวจใหญ่บางคนด่าผมลับหลัง ผมประกาศเลยว่า ต่อไปนี้ถ้าเข้าสนามม้าเห็นหน้าเมื่อไหร่ กูจะจับให้ดู หนีเลย ไม่กล้าเข้าตั้งแต่บัดนั้น เสี่ยอีกคนชื่ออะไรจำไม่ได้มานั่งยองๆกราบขอเข้าสนามม้า เห็นไหม ไม่มีอะไรเลย ปราบมาเฟียพวกนี้ไม่ยากเลย มาเฟียมีสีที่มันมีปราบยาก ก็เพราะผู้บังคับบัญชามันปกป้อง"

เจ้าของฉายามือปราบเจ้าพ่อ ทิ้งท้ายว่า กว่าจะยืนหยัดสู้กับเจ้าพ่อ มาเฟีย ผู้มีอิทธิพล และความอยุติธรรมต่างๆได้ ต้องผ่านความเป็นความตายมา ถ้าไม่เคยผ่านความตายก็จะไม่มีความกล้าหาญ

"ถ้าลองผ่านความเป็นความตายมาแล้ว ไม่มีอะไรเหนือกว่านั้น ชีวิตผมไม่ใช่แค่สู้กับมาเฟีย สู้กับผู้บังคับบัญชาก็มีตลอด ล่อกันตลอด เพราะผมถูกบีบ ถูกอัด ถูกขัดขวางความเจริญก้าวหน้า แต่ผมเป็นคนไม่ยอม ยังไงก็ต้องสู้ ล่อกันไปไม่มีเหนื่อย เหมือนนักมวยไม่มียก บางคนชก 3 ยก 10 ยกก็หมดแรง ใจมันไม่สู้ก็ถอย ยอมแพ้เรา แต่เราไม่เคยหมดยก เพราะฉะนั้นต้องเตรียมตัวให้พร้อม ผมก็ต้องพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะร่างกาย จิตใจ ถ้าใจสู้ ไม่กลัวเสียอย่าง มาเฟียก็แค่ขี้ผง"

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส

 

"ถ้าไม่กลัว มาเฟียก็แค่ขี้ผง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส