posttoday

"ชีวิตนี้เพื่อผู้โดนเอาเปรียบ" เปิดใจ ทนายเกิดผล แก้วเกิด

16 กุมภาพันธ์ 2559

เส้นทางชีวิตของ "เกิดผล แก้วเกิด" จากจับกังสู่ทนายความ ผู้มีชีวิตเพื่อคนยากไร้

โดย..วรรณโชค ไชยสะอาด

“ผู้ที่มีความยุติธรรมอันแรงกล้า ปรารถนาที่จะสร้างและพัฒนาสังคมให้ดีขึ้น โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ” อาจเป็นประโยคอันบ่งบอกถึงตัวตนของ “เกิดผล แก้วเกิด” ทนายความอิสระผู้อาสาช่วยคลายปัญหาให้ชาวบ้าน

คนส่วนใหญ่รู้จักชายผู้นี้ในฐานะทนายความ ผู้คอยตอบปัญหาและให้คำเเนะนำทางด้านกฎหมายกับประชาชนผ่านทางโซเชียลมีเดีย

สักกี่คนจะรู้ว่า ชีวิตเขาเริ่มต้นจากศูนย์ เติบโตมาในครอบครัวฐานะยากจน เรียนจบเเค่ชั้น ป.6 ก็จำต้องออกไปเป็น จับกัง เด็กไต้ก๋งเรือ คนขับเเท็กซี่ และแม้แต่คนขายซาลาเปา ด้วยความใฝ่ดีเเละเห็นว่าการศึกษาเป็นเรื่องใหญ่ จึงขวนขวายร่ำเรียนจนจบปริญาตรี

กว่าจะเป็นมาเป็นทนายความ น้ำใจงามวันนี้ เส้นทางที่ผ่านมาของเขาถือว่าไม่ง่ายเลย...

จับกัง – ตังเก – ยกลัง – ขายซาลาเปา

เกิดผล แก้วเกิด ลืมตาดูโลกเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ.2518 ในอำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดอุดรธานี (ปัจจุบันหนองบัวลําภู) ชีวิตวัยเด็กยากลำบาก สูญเสียคุณพ่อตั้งแต่อายุ 12 ปี เรียนจบเพียงแค่ชั้น ป.6 ก็จำเป็นต้องหยุดชะงัก เนื่องจากไม่มีเงิน ต้องเก็บข้าวของเดินทางสู่เมืองหลวง มาเป็นจับกังตามแม่และพี่ชาย

“ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดอยู่ อุดรธานี อ.ศรีบุญเรือง ทางบ้านฐานะยากจน พ่อเสียชีวิตตั้งแต่ผมอายุ 12 ปี เรียนได้แค่ ป.6 ก็ไม่มีเงินเรียนต่อ ต้องตามแม่และพี่ชายเข้ามาทำงานก่อสร้างในกรุงเทพฯ โดยช่วงที่ทำงานเป็นกรรมกรนั้น แม่เห็นว่าทำงานหนักเกินเด็กทั่วไปเลยนึกสงสาร ให้ไปหางานอย่างอื่นทำแทน”

เกิดผลเล่าว่า เพราะไม่มีความรู้ทำให้ เขาถูกหลอกลวงส่งไปขายเป็นลูกเรือหาปลากลางทะเล...

“ผมไปเจอแผ่นป้ายโฆษณาข้างทาง ติดประกาศรับสมัครพนักงานประจำโรงงานไม้ขีดไฟ แต่สุดท้ายผมกลับเจอเขาหลอก ขายผมไปให้ไปอยู่กับเรือตังเก พาออกเดินทางจาก อ.มหาชัย จ.สมุทรสาคร ไป อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ทำงานหนักเยี่ยงทาสบนเรือประมง มีแต่ความทุกข์ตลอด 2 เดือนที่ออกเรือ พอได้ขึ้นฝั่งเท่านั้นแหละ ผมตัดสินใจหนีเลย เอาเงินที่มีไม่กี่ร้อยบาทแอบซื้อตั๋วรถไฟกลับเข้ากรุงเทพฯ มาถึงหัวลำโพงด้วยสภาพมอซอ มอมแมม เนื้อตัวเต็มไปด้วยเกล็ดปลาที่ติดมาจากทะเล มีเงินติดตัวอยู่ 3 บาท ยังไม่รู้เลยจะไปไหนต่อ เลยตัดสินใจเดินเท้าเปล่ามาเรื่อยๆ หลายชั่วโมง จนถึงสวนจตุจักร นึกขึ้นได้ว่า มีญาติคนหนึ่ง มีศักดิ์เป็นลุงเรา ทำงานอยู่บริษัทขนเบียร์ แต่ไม่รู้จะติดต่อเขายังไง โชคเข้าข้างระหว่างทางเดิน บังเอิญเจอลุงเข้าพอดี”

เกิดผล เล่าว่า หลังเข้าทำงานเป็นพนักงานแบกลังส่งสินค้ากับลุง คิดแค่ว่าเราต้องก้าวหน้ากว่านั้น และการศึกษาเป็นช่องทางเดียวที่จะทำให้เรามีชีวิตดีขึ้นได้ในอนาคต รวมทั้งได้รับการยอมรับในสังคม

“ตอนนั้นคิดว่า ถ้าไม่มีความรู้ ผมจะถูกหลอกไปเรื่อย เลยตัดสินใจหาโอกาสเรียนหนังสือต่อ สมัครลงทะเบียนเรียน กศน. ทำงานไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วย ถึงเวลาก็ไปสอบ จนจบ ม.3 ได้สำเร็จ เอาวุฒิไปออกหางานใหม่ ยื่นสมัครพร้อมขอเขาเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ปรากฎว่า ไม่มีใครรับ เนื่องจากกลัวผมลางานบ่อย ผมจึงตัดสินใจ ไปขับซาเล้ง ขายซาลาเปา และเรียนต่อ กศน. ไปด้วยจนจบ ม.6 ในวัย 18 ปีพอดี ก่อนจะลาออกมาสมัครเป็น พนักงานกำจัดแมลง คอยฉีดยา ฆ่าหนู ปลวก มด แมลง ที่บริษัทแห่งหนึ่ง ได้ค่าแรงวันละ 120 บาท

"ชีวิตนี้เพื่อผู้โดนเอาเปรียบ" เปิดใจ ทนายเกิดผล แก้วเกิด

โดนเอารัดเอาเปรียบ จนต้องเรียนกฎหมาย

หัวจิตหัวใจในความยุติธรรมของทนายน้ำดีผู้นี้ ดูจะติดตัวเขามาตั้งแต่เด็ก..

“สมัยเรียน ป.6 เกิดเหตุขัดแย้งขึ้นจากความเข้าใจผิดระหว่าง อาจารย์และเพื่อนผม อาจารย์สั่งให้เราสร้างเก้าอี้หินอ่อน แต่เพื่อนคนหนึ่งรับสารมาเผยแพร่ผิด สั่งต่อให้พวกเราไปทาสี อาจารย์มาเห็นเข้าก็โกรธ บอกว่านี่พวกเธอ เชื่อเพื่อนมากหรอ ถ้าเชื่อนัก งั้นครูสั่งให้เพื่อนบอกเธอว่า ไปกินขี้ จะไปไหม เพื่อนคนนั้นบอกว่า กินครับ ถ้าครูสั่ง เท่านั้นแหละ ครูเลยสั่ง พร้อมกับให้ผมเป็นพยานไปดู  เพื่อนเอานิ้วจุ่มแล้วเอามาอม ก่อนจะเดินร้องไห้กลับมา บอกอาจารย์ ผมทำเรียบร้อยแล้ว”

เหตุการณ์ลุกลามบานปลายไปถึงหูผู้ปกครอง กลายเป็นเรื่องร้องเรียนใหญ่โต แพร่กระจายไปทั้งหมู่บ้าน จนกลุ่มนักเรียนพยานในเหตุการณ์ 4-5 คน  ถูกเกลี้ยกล่อม กดดัน จากอาจารย์ใหญ่สั่งห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปพูดต่อ และทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นซะ

“เพื่อนพยานคนอื่นรับปากว่าจะไม่พูด แต่ผมไม่ อาจารย์บอก ถ้าไม่ เธอจะไม่ได้เรียนต่อ ผมเลยบอกกลับไปว่า ไม่กลัว ไม่เรียนก็ไม่เรียน แต่ขอให้ผมได้พูดความจริง กลับบ้านมาเล่าให้พ่อฟัง พ่อก็ยืนยีน ไม่เรียนก็ไม่เรียน ขอให้เป็นคนดี ซื่อสัตย์ก็พอ อีกวันในการประชุมค้นหาความจริงจากเหตุการณ์ดังกล่าว พยานคนอื่นไม่กล้าพูด แต่ผมพูดความจริง จนคนอื่นๆ ยอมรับ และคุณครูถูกลงโทษปรับเงิน ในท้ายที่สุด”

เหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เขาคิดว่า กฎหมายเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะทำให้สามารถช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว รวมทั้งคนอื่นๆ ได้ คือการโดนเอาเปรียบละเลยจากการปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เกิดผล เล่าว่า ช่วงอายุได้ 18 ปี ขณะขับรถมอเตอร์ไซด์กลับบ้าน ถูกรถสิบล้อผ่าไฟแดง พุ่งชนประสานงาน จนถูกหามส่งโรงพยาบาล ศีรษะแตก เอ็นหัวเข่าขาด ส่วนคู่กรณีขับหลบหนี

“ผมแจ้งความดำเนินคดี แต่กลับไม่มีความคืบหน้า เขาไม่ใส่ใจเลยทั้งตำรวจและคู่กรณี สุดท้ายได้รับค่าชดเชย เยียวยา มาเพียง 500 บาท  ผมและแม่ไม่มีความรู้ คิดได้แค่ว่า คงเป็นเวรเป็นกรรม แล้วกลับไปทำงานด้วยสภาพขาพิการ ใส่เฝือก ตอนนั้นคิดเลยว่า ต้องเรียนต่อ เพราะเชื่อว่า ที่ผมเสียเปรียบมาตั้งแต่เด็ก ทั้งโดนหลอกไปลงเรือ ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการถูกรถชน เป็นเพราะเราไม่มีความรู้ เลยตัดสินใจเรียนลงเรียนคณะนิติศาสตร์ คิดว่า ถ้าผมมีความรู้เรื่องกฎหมาย ผมจะสามารถช่วยเหลือตัวเอง ครอบครัว และคนอื่นๆ ได้ ที่ ม.รามคำแห่ง และ มสธ. (มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช) สรุปผมใช้เวลาเรียนทั้งสองแห่ง 4 ปี จบพร้อมกัน”

หลังเรียนจบ เป็นบัณฑิตป้ายแดง “เกิดผล” ถูกปลดออกจากการเป็นพนักงานกำจัดแมลง เนื่องจากอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แต่ด้วยความเป็นคนไม่เลือกงานเขาจึงออกไป “ขับรถแท็กซี่” พร้อมกับเข้าฝึกงานที่สำนักงานทนายความไปพร้อมๆ กัน

“ผมเป็นคนไม่เลือกงาน โดนปลดเสร็จ เลยออกไปขับแท็กซี่ ขับช่วงบ่าย ตั้งแต่สามโมงถึงตีสอง นึกเสียดายช่วงเวลากลางวัน เลยไปขอฝึกงานที่สำนักงานทนายความ กระทั่งสอบได้ใบอนุญาตทนายความ และ เนติบัณฑิต ใช้เวลาประมาณปีกว่า ก็เลิกขับแท็กซี่ สมัครงานได้ที่ บริษัทบริหารสินทรัพย์แห่งหนึ่ง ดูแลเรื่องนิติกรรมสัญญาต่างๆ”

ความฝันคือการช่วยเหลือคน คุณค่าของชีวิตไม่ได้อยู่ที่เงิน

“เป็นลูกจ้างมันไม่ตอบโจทย์ความฝันของผม”

เกิดผล เห็นว่าการเป็นลูกจ้างพนักงานในบริษัทนั้นไม่ตอบโจทย์ ความฝันของการเรียนนิติศาสตร์ จึงตัดสินใจลาออก จับมือกับเพื่อนร่วมหุ้นจัดตั้ง “สำนักงานทนายความ”

“ผู้จัดการถามว่าลาออกทำไม อีกสองเดือนโบนัสจะออกแล้ว คุณรอก่อนไหม ผมบอกไม่เป็นไรครับ เพราะอยากทำตามความฝันที่ตัวเองวาดไว้  ออกไปตัดสินใจเปิดบริษัททนายความกับเพื่อน ที่ตึกออล ซีซั่นส์ ปรากฎว่าทุกอย่างไม่เป็นแบบที่ฝัน ค่าใช้จ่ายสูงมาก โดยเฉพาะค่าเช่าตึก ทำให้เราต้องเรียกค่าใช้จ่ายสูงจากลูกความ ซึ่งมันไม่ใช่วัตถุประสงค์ของผม ผมไม่ได้มาหาเงิน สุดท้ายเลยบอกลาเพื่อไปหาแนวทางของตัวเองต่อ”

กลับมาอยู่บ้าน คอยให้คำแนะนำกับประชาชนผ่านทางกระทู้ในเว็บไซด์กฎหมายต่างๆ จนเริ่มมีคนเข้ามาปรึกษาถามไถ่มากขึ้น มีการติดต่อให้ไปเป็นวิทยากร ไขข้อข้องใจเรื่องกฎหมาย ตามชุมชนและสถานที่ต่างๆ จนภายหลังผมและพรรคพวก 2-3 คนที่มีอุดมการณ์คล้ายคลึงกัน จัดตั้งกลุ่ม “ทนายอาสา คลายปัญหาชาวบ้าน” ในเฟซบุ๊ก เพื่อให้คำปรึกษาเรื่องกฎหมายกับชาวบ้านแต่ไม่รับว่าความ เพื่อไม่ให้ใครมองว่าเราตั้งกลุ่มขึ้นมาเพื่อหาเงิน แต่หากพิจารณาแล้วว่า ชาวบ้านเดือดร้อนจริงๆ อาจจะเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้พ้นมลทิน โดยไม่เรียกร้องค่าใช้จ่าย

คดีดังในอดีตที่ทนายเกิดผลได้เข้าช่วยเหลือ ก็คือ “คดีหมูแฮม” กรณีหนุ่มขับรถชนคนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ที่ป้ายรถเมล์ ซึ่งสุดท้ายศาลพิพากษาจำคุกโดยไม่รอลงอาญา จำเลยถูกนำตัวเข้าเรือนจำหมดสิ้นซึ่งอิสรภาพ 2 ปี 1 เดือน หลังสู้คดีมาอย่างยาวนานถึง 8 ปี , คดีลุงเฉลียว ชายขาขาด รับของโจร รวมทั้งคดี ชายหนุ่มขับรถหรูมินิคูเปอร์ไปชน นศ.เอแบคบนทางด่วน

“การที่ผมไปช่วยคน ไม่ว่าจะคดีอะไรแล้วก็แต่ ช่วงแรกมันเป็นแค่กระแสที่นักข่าวเขาติดตาม แต่พอวันหนึ่งมันจะไม่เหลือใครนอกจากผมกับจำเลย ทนายต้องอยู่กับเขาตั้งแต่วันเริ่มกระแส จนถึงวันที่เขาแพ้หรือชนะคดี ผมช่วยเพราะคิดว่ามันไม่ใช่แค่คนๆเดียวที่ได้ประโยชน์จากการช่วยเหลือของผม แต่ครอบครัวทั้งครอบครัวของเขายังได้ประโยชน์ด้วย ภรรยาของผมก็เป็นคนแบบนี้ ชอบยุให้ผมช่วย ช่วยตามความสามารถและกำลัง ถ้าลูกความอยู่ไกล เขาก็ออกต่าเดินทางให้ผม แต่ถ้าไม่มี ผมก็ยินดีนั่งรถไฟ ไม่ซีเรียสเรื่องเงินทอง อาจเป็นเพราะว่า ผมถูกเลี้ยงมาอย่างลำบาก ไม่เคยมีเงิน เลยมองไม่เห็นคุณค่าของเงินว่า ถ้าไม่มีแล้วต้องตายไหม

ผมสู้ชีวิตลำบากมาเยอะ กินอาหารในถังขยะ น้ำปะปา ริมทางกินมาแล้ว ผมถึงไม่รู้สึกว่า ถ้าไม่มีเงินแล้วต้องตาย  ภูมิใจว่าตลอดเส้นทางในชีวิตผม ไม่เคยทำผิด ไม่คิดชั่ว 10 ปีแล้วที่ผมได้ช่วยเหลือคนแบบที่ต้องการ”

"ชีวิตนี้เพื่อผู้โดนเอาเปรียบ" เปิดใจ ทนายเกิดผล แก้วเกิด

เมื่ออยู่ภายใต้กฎหมาย ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม

ล่าสุด “เกิดผล” โด่งดังไปทั่วโลกออนไลน์ เมื่อถูกชายปริศนาอ้างตัวเป็นตำรวจ ตำหนิการให้ความรู้ด้านกฎหมายของเขาว่าอาจทำให้ประชาชนหัวหมอในการเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่

“เป็นเรื่องปกติครับ มีทั้งพวกที่เปิดเผยตัวตนว่าเป็นตำรวจและไม่เปิดเผย เข้ามาด่าหรือติติงผม ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยน ไม่ได้กลัว ผมก็ไม่รู้จะกลัวเรื่องอะไร ไม่ได้ทำอะไรผิด  คนดีต่างหากที่เราควรกลัวมากกว่าคนชั่ว ควรจะกลัวความดีมากกว่ากลัวความชั่ว เพราะถ้ากลัวความชั่ว ผมคงอยู่ไม่ได้ ถ้าต้องหนีคนชั่ว หนีคนมีอำนาจบาตรใหญ่ คงต้องหนีไปทั้งชาติ เพราะคนชั่วมีอยู่ทุกที่  เราเป็นทนายยังกลัว แล้วชาวบ้านเขาอยู่ได้เหรอ”

เขาบอกว่า การโดนข่มเหงรังแกจากเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประชาชนหลายคนวันนี้ยังมีความรู้เรื่องกฎหมายน้อย ขณะที่อีกส่วนคือเห็นแก่ตัว ไม่อดทนรอเพื่อให้บทเรียนกับสังคม

“บางคนไม่รู้เรื่องกฎหมาย โดนข่มขู่รังแก อีกส่วนที่ผมกังวลก็คือ เห็นแก่ตัว ตัวอย่างเช่น เวลาคนที่อ่อนกฎหมายเจอปัญหา เมื่อยื่นมือเข้าไปช่วยว่าจะฟ้องร้อง จะดำเนินคดีกับการถูกเอารัดเอาเปรียบไหม ตอนเขาแรกบอกให้ทนายสู้เต็มที่ แต่พอฝ่าย โน้นให้เงื่อนไขมา ถ้าถอนฟ้อนจะให้เงินคุณเท่านั้นเท่านี้ เขาก็รับเงื่อนไขไป ทุกอย่างก็จบ เหมือนกับว่าทุกสิ่งที่ผมสู้มานั้นจบลงไปด้วย สูญเปล่า ทั้งที่เขาสามารถสู้ให้ผลตัดสินนั้นเป็นบรรทัดฐานกับสังคม

ในฐานะทนายความ วันนี้เขาเห็นว่า กฎหมายยังศักดิ์สิทธิไม่เปลี่ยนแปลง แต่สำหรับผู้ปฎิบัติ พบว่ามีการเลือกปฎิบัติไม่ถูกต้อง ในหลายคดี ผู้พิพากษา ตำรวจ อัยการ ก็ยังเป็นมนุษย์ เมื่อคนเหล่านี้เลือกปฎิบัติ ความศักดิ์ของกฎหมาย เลยดำเนินไปไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นนักกฎหมาย ไม่มีทางต่อสู้อื่น ต้องใช้กฎหมายต่อสู้ไปให้ถึงที่สุด และยอมรับผลสุดท้ายของมัน ไม่ว่าจะถูกใจหรือไม่ก็ตาม เพราะเป็นแนวทางที่ทุกคนยอมรับ ไม่สามารถไปใช้ปืนหรืออาวุธต่อสู้กันได้ ต้องเคารพผลของมัน ถ้าสู้ตามกฎหมายแล้วคุณไม่ยอมรับ ก็ต้องเดินหนีมันไปเลย

เกิดผล ทิ้งท้ายว่า กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญที่รู้เยอะยิ่งดี เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเราตั้งแต่เกิดจนตาย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากทุกคนยึดหลัก ไม่โลภ ไม่หลง ไม่ผิดศีลธรรม เราก็จะอยู่บนพื้นฐานของกฎหมายได้อยู่แล้ว

ทั้งนี้สิ่งที่เขายึดเป็นหลักมาตลอดชีวิตของการเป็น “ทนายความ” คือความซื่อสัตย์ต่อตัวเองและลูกความ พร้อมกับยอมรับการตัดสินอันเป็นที่สิ้นสุดของกระบวนการยุติธรรม วันนี้ ในวัย 42 ปี เป้าหมาย ก่อนชีวิตหาไม่คือการตั้งมูลนิธิกฎหมายช่วยเหลือชาวบ้านขึ้นมาให้จงได้

ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ เกิดผล แก้วเกิด มุ่งมั่นจะสร้างประโยชน์ให้กับแผ่นดิน โดยปัจจุบันเฟซบุ๊กของเขา ชื่อ “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” มีผู้ติดตามรวมแล้วเกือบ 3 หมื่นราย