posttoday

เปิดชื่อท้าชิงผบ.ตร. สายตรงบิ๊กป้อมมาแรง

19 มิถุนายน 2558

3 นายตำรวจระดับพลตำรวจเอกที่นั่งตำแหน่งรอง ผบ.ตร. คือแคนดิเดตที่มีสิทธิช่วงชิงตำแหน่งใหญ่ปลายปี ทั้ง" พล.ต.อ.เอก- พล.ต.อ.พงศพัศ- พล.ต.อ.จักรทิพย์ "

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

เก้าอี้ของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. กำลังจะถูกเปลี่ยนผ่านในช่วงเดือน ต.ค.นี้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่ “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. คนปัจจุบัน ต้องลงจากตำแหน่งด้วยการเกษียณอายุราชการ จากนั้นสังคมไทยจึงจะรู้ว่านายตำรวจชั้นยศพลตำรวจเอกนายใดจะก้าวขึ้นมาเป็น “พิทักษ์ 1” นามเรียกขานของตำแหน่ง ผบ.ตร.คนต่อไป

และช่วงนี้ก็ถึงเวลาที่แคนดิเดตคนสำคัญต่างๆ จะต้องผลักดันตัวเองเข้าสู่เส้นทางการช่วงชิงตำแหน่งนายใหญ่ของตำรวจไทย เมื่อสอดส่องสายตาหาผู้เหมาะสมที่จะนั่งเก้าอี้ ผบ.ตร.ภายในรั้วปทุมวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็พบว่า ตัวเก็งหลักขณะนี้ที่ชื่อชั้นโดดเด่นน่าเหมาะสม ทั้งเรื่องการทำงาน อาวุโส และสายสัมพันธ์อันดีจากรัฐบาลที่มาจากท็อปบู๊ต

3 นายตำรวจระดับพลตำรวจเอกที่นั่งตำแหน่งรอง ผบ.ตร. คือแคนดิเดตที่มีสิทธิช่วงชิงตำแหน่งใหญ่ปลายปี ทั้ง “บิ๊กเอก” พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ “จูดี้” พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ และ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

ทั้งสามชื่อข้างต้นน่าจะออกจากปากของ พล.ต.อ.สมยศ ในวันที่ต้องเสนอชื่อนายตำรวจบุคคลที่เหมาะสมมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. แต่การตัดสินใจก็ต้องขึ้นอยู่กับคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ ที่มีพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการคัดเลือก

มองไปทีละรายชื่อของผู้ท้าชิง คนที่โดดเด่นและอาจมีความเหมาะสมที่สุด น่าจะเป็น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่นักเรียนนายร้อยตำรวจโดยตรง แต่ด้วยการไต่เต้าจากฝีมือ บารมี ก็ทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นถึงรอง ผบ.ตร. ที่มีอาวุโสลำดับที่ 1 กอปรกับระยะหลังผลงานของ “บิ๊กเอก” ก็ค่อนข้างจะชัดเจน ด้วยการลงไปกำกับคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา จนสาวไปถึงตัวหลักของขบวนการ และเมื่อทำดีผลงานก็ส่งต่อไปยังรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แม้ชื่อจะขึ้นหม้อในระยะหลัง แต่อย่าลืมว่า พล.ต.อ.เอก ก็เป็นคนท้าชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา เพราะบารมีเหมาะสมเหมือน พล.ต.อ.สมยศ ด้วยเช่นกัน ท้ายสุดก็มีกระแสว่า พล.ต.อ.เอก ยอมให้พล.ต.อ.สมยศ ขึ้นตำแหน่ง ผบ.ตร.ก่อน ด้วยว่าขณะนั้นอายุราชการของ พล.ต.อ.สมยศ เหลือเพียงปีเดียว แต่ พล.ต.อ.เอก เหลืออีก 2 ปี การหลีกทางแล้วค่อยรับไม้ต่อในปีนี้ จึงเป็นข้อตกลงที่พอรับได้ แต่ท้ายสุดเมื่อได้ตำแหน่ง ผบ.ตร. ชื่อของ พล.ต.อ.เอก กลับเงียบหายไปจากแวดวง

กระทั่งกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง และเป็นจังหวะเหมาะสมในช่วงที่ใกล้เปลี่ยนผ่านตำแหน่ง ผบ.ตร.พอดี อีกทั้งความสัมพันธ์ที่เชื่อมได้ทุกสายทางการเมืองของบิ๊กเอก

ส่วนเพื่อนร่วมรุ่น นรต.31 ของ พล.ต.อ.สมยศ อย่าง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ถูกมอบหมายให้ดูแลเรื่องยาเสพติด ซึ่งเป็นชื่อที่ต้องถูกนำเสนอให้คัดเลือกเช่นกัน แต่ภาพลักษณ์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ ถูกทำให้เห็นชัดเจนว่าเป็นคนของพรรคเพื่อไทยติดตัว ที่ผ่านมาก็ยังเคยลาออกจากตำรวจไปสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในนามของพรรคเพื่อไทย การสลัดภาพที่ว่าออกจากตัวเพื่อมานั่งเก้าอี้ ผบ.ตร. อาจจะดูไม่เหมาะสมนักในรัฐบาลที่มาจากทหาร

แต่ก็เพื่อไม่ให้เสียเกียรติของเพื่อนร่วมรุ่น พล.ต.อ.สมยศ ก็น่าจะเสนอชื่อของ พล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนจะได้หรือไม่ก็ส่งต่อไปในสมรภูมิคัดเลือกให้ฝ่าฟันต่อไปเอง และหากแห้วไม่ได้ ผบ.ตร.รอบนี้ ก็ต้องเตรียมตัวเกษียณราชการทันทีเช่นกัน เพราะเหลืออายุราชการอยู่เพียงแค่ปีเดียว

และอีกคนอย่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. อีกคน ที่ชื่อถูกกล่าวถึงอย่างมากในวงการตำรวจ ด้วยว่าอายุราชการเหลืออย่างยาวไกล โดยจะเกษียณในปี 2563 แต่สามารถก้าวมาติดยศพลตำรวจเอกได้แล้ว ถือเป็นนายตำรวจที่ได้รับการโปรโมทอย่างหนักในยุคของ พล.ต.อ.สมยศ ผลักดันให้คุมคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น และดูแลงานด้านความมั่นคง รวมถึงเข้าไปเอี่ยวงานป้องกันปราบปรามด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสร้าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้เป็นที่ยอมรับต่อสังคมและผู้ใหญ่ที่มีอำนาจ

สายสัมพันธ์ก็ใช่ย่อย เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ยังถือเป็นน้องรักอีกคนของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่ผู้มากบารมี แต่อุปสรรคเดียวสำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร. คือลำดับอาวุโสที่วงการตำรวจต้องเคารพนับถือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ มีอาวุโสอยู่ในลำดับท้ายๆ เนื่องว่าเพิ่งติดยศพลตำรวจเอกมายังไม่ถึงขวบปี ดังนั้นเหตุผลนี้จึงอาจเป็นตัวแปรที่ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ต้องรอไปก่อน หาไม่เช่นนั้นจะเป็นการก้าวข้ามหัวรุ่นพี่ไปอีกหลายรุ่น อีกทั้งจะปิดทางการเปลี่ยนแปลงในระดับหัวใหญ่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปจนถึงปี 2563

แต่เชื่อได้ว่า มาถึงเส้นทางการช่วงชิง ระดับนายตำรวจใหญ่ที่มีสิทธิก้าวขึ้นเป็นใหญ่ที่สุดในวงการอาชีพตำรวจ มีหรือที่จะปล่อยให้ผ่าน อย่างน้อยก็ต้องวัดชิงกันแน่นอน

ตัวเลือกสำหรับตำแหน่ง ผบ.ตร. แม้ระเบียบใหม่จะชัดเจนว่า ไม่จำเป็นต้องมาจากลำดับขั้นอาวุโส แต่รอง ผบ.ตร.ทุกนายมีสิทธิจะขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในอาชีพได้ทั้งหมด กระนั้นอำนาจในการคัดกรองก็อยู่ที่พล.อ.ประวิตร ที่ต้องเอาคนไว้ใจที่สุด ทำงานสนองให้ได้อย่างมากที่สุด มาคุมตำรวจอีก 2 แสนนายทั่วประเทศ เพื่อให้รัฐบาลยังคงอยู่ได้ต่อ ไร้แรงสั่นคลอนจากสีกากี