posttoday

ส่อง...อนาคตวัดบ้านไร่

24 พฤษภาคม 2558

ทิศทางของวัดบ้านไร่ เมื่อสิ้นหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ไปแล้ว จะอยู่ในทิศทางใดต่อไปในอนาคต

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

ทิศทางของวัดบ้านไร่ เมื่อสิ้นหลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ ไปแล้ว จะอยู่ในทิศทางใดต่อไปในอนาคต ด้วยว่าผลประโยชน์อันมหาศาลภายในวัด จะสานต่อกันอย่างไรบนแรงศรัทธาที่ไม่เหมือนเดิม

เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่า คนแวดล้อมหลวงพ่อคูณ ลูกศิษย์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็ได้อยู่กินมีอำนาจเพราะบารมีของหลวงพ่อ จากนี้พวกเขาจะจัดการกันอย่างไร และปัญหาที่สั่งสมเอาไว้ภายในวัด พวกเขายังมีสิทธิเข้าไปข้องแวะเข้าไปแก้ไข หรือจัดการซึ่งทรัพย์สินเงินทองภายในวัดหรือไม่

พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ สุรคุปต์ ประธานกรรมการวัดบ้านไร่ ที่ทุกวันนี้กลายเป็นอดีตไปแล้วตามกฎหมาย เพราะหลวงพ่อคูณได้มรณภาพ เปิดฉากเล่ารายละเอียดภายในวัดที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินและทิศทางของวัดบ้านไร่ในอนาคตว่า อาจจะมีปัญหาในอนาคตก็ได้ เพราะกรรมการชุดใหม่ที่เข้ามาจัดการดูแลวัด กรรมการชุดเก่าก็ไม่มีใครรู้จักว่าเป็นใครมาจากไหน แต่เอาเป็นว่านับแต่ที่เข้ามาทำงานตั้งแต่ปี 2546 สำหรับผมแล้วถือว่าได้จัดการทุกอย่างอย่างเรียบร้อย และนำเงินเข้าวัดได้มากที่สุด

“ข้อขัดแย้งในอดีตผมก็ไม่ได้สนใจจะรู้ด้วย แต่ผมเข้ามาทำงานเพราะหลวงพ่อคูณขอร้องให้มาช่วยกัน ผมจึงเข้ามาและจัดการทุกอย่างที่นอกลู่นอกทางให้เข้าสู่กฎเกณฑ์ระเบียบทั้งหมด”

อดีตประธานกรรมการวัดบ้านไร่ บอกว่า แต่เดิมใครอยากทำอะไรก็ได้ หาเงินหาผลประโยชน์เข้ากระเป๋าเงินตัวเองอย่างเดียว ไม่ได้สนใจวัดบ้านไร่ เอาหลวงพ่อคูณไปหากิน เรียกง่ายๆ ว่า  “มือใครยาวสาวได้สาวเอา” ทุกอย่างไร้ซึ่งความเป็นระเบียบ แต่เมื่อได้เข้ามาทำงานก็เรียกประชุมทุกเดือน วางระบบการค้าขายภายในวัดจัดการทุกอย่าง และนำเงินเข้าวัดตามสัดส่วนที่เหมาะที่ควร วัดจึงมีรายได้เข้ามา เงินทองไม่ได้รั่วไหล แต่หลายคนอาจจะไม่ชอบใจ ซึ่งตนเองก็ไม่สนใจ เพราะถือว่ามาทำงานเพื่อวัด เพื่อหลวงพ่อ

“ผลงานผมก็มี วิหารเทพวิทยาคม ผมเป็นคนจัดการให้ได้สร้างขึ้นมา เป็นแหล่งท่องเที่ยวให้คนที่มาวัดได้มาเที่ยวชม แต่แน่นอนว่าในอนาคตคนก็ต้องน้อยลง เพราะไม่มีหลวงพ่อคูณแล้ว แต่บอกได้เลยว่า นี่คือศิลปะระดับสากลที่ชาวต่างชาติชอบมาก ตอนท่านป่วยผมก็สร้างห้องปลอดเชื้อให้ท่านได้รักษาตัวภายในวัด จัดแพทย์พยาบาลมาเฝ้าดูแล ผมยืนยันว่ากรรมการยุคของผมทำเพื่อวัด ไม่ได้หาผลประโยชน์อะไร”

แต่กับกระแสครหาว่า พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ ถือสิทธิผูกขาดในการออกใบอนุญาตสร้างพระหลวงพ่อคูณ ซึ่งเรื่องนี้ พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ และบอกอีกว่า ตัวเขาเองเป็นคนเดียวที่เซ็นอนุญาตได้ แต่การสร้างพระต้องขออนุญาตจากกรรมการในที่ประชุมทุกครั้ง

“ผมไม่เคยเรียกร้องเงิน ว่ากันจริงๆ บางครั้งยังไม่เรียกเอาเงินเลย หากการสร้างนั้นเป็นไปเพื่อสาธารณประโยชน์ แต่หากเป็นพุทธพาณิชย์ก็ต้องมีส่วนแบ่งให้กับวัดบ้าง ซึ่งการเรียกเก็บก็อยู่ที่ว่าคุณสร้างพระมากน้อยแค่ไหนในแง่ของการค้า แต่ผมบอกได้เลยว่า มากสุดผมเรียกเก็บแค่ 2 ล้านบาท ไม่เกินนี้ แต่ก็มีหลายคนที่มาบริจาคเป็นสิบล้านหลังเขาไปสร้างพระแล้ว ก็แค่นั้น รวมถึงที่ผ่านมาก็มีแอบไปสร้างกันเองบ้าง ผมก็ไปตามดูได้ไม่หมด” พล.ต.ต.มหัคฆพันธุ์ ยืนยัน

ส่อง...อนาคตวัดบ้านไร่

อีกมุมมองในฐานะลูกศิษย์จาก ธวัชชัย แสนประสิทธิ์ หรือ กำนันป่อง กำนัน ต.กุดพิมาน ที่ว่ากันว่าได้สิทธิดูแลแผงพระเครื่องภายในวัดทั้งหมด ปฏิเสธเรื่องนี้เช่นกันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพียงแต่เป็นตัวแทนของชาวบ้านเข้ามาช่วยเหลือทำงานให้วัดเท่านั้น ไม่ได้ข้องแวะกับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น

“รายได้อะไรเข้ามาเท่าไหร่ผมก็ไม่รู้หรอก เพราะไม่ชอบไปยุ่งเกี่ยวเท่าไหร่ แผงพระอะไรผมก็ไม่ได้ดูแล เพียงแต่หลวงพ่อให้มาทำงานก็มาช่วยกัน อีกอย่างวัดก็เปรียบเสมือนบ้านของชาวบ้านในพื้นที่ต้องช่วยกันดูแล ผมบอกตามนี้ละกัน คือ ที่ผ่านมามันไม่เคยมีปัญหาอะไรภายในวัดเลย เพราะคนในพื้นที่เข้ามาดูแลจัดการ กรรมการวัดก็ทำงานกันอย่างดี จะมีแต่คนนอกเท่านั้นที่มาสร้างความวุ่นวาย” ธวัชชัย ย้ำ

สร้างความวุ่นวายอย่างไร เป็นแบบไหน หาผลประโยชน์กับวัดกับหลวงพ่อหรือไม่ กำนันป่องขอไม่ตอบ แต่บอกเพียงว่า ต่อไปก็ต้องดำเนินการทำงานตามวัตถุประสงค์ของหลวงพ่อคูณในฐานะลูกศิษย์ คือ การหาเงินเข้าวัดเพื่อบำรุงพุทธศาสนา บำรุงโบสถ์ และถวายในหลวงตามปณิธานของหลวงพ่อคูณ ซึ่งทั้งหมดต้องทำให้สำเร็จ

“ส่วนต่อไปใครจะมาเป็นกรรมการเข้ามาจัดการภายในวัด ก็ขึ้นอยู่กับชาวบ้านเขาจะเอาใคร แต่ถ้ามาแล้วมาทำงานสร้างความวุ่นวาย ผมบอกได้เลยว่า ผมก็ไม่เอาเหมือนกัน ใครทำฉิบหายก็จะต้องได้ฉิบหาย” กำนันป่อง ย้ำหนักแน่น

กำนันป่อง บอกอีกว่า ที่ผ่านมาข่าวคราวความขัดแย้งต่างๆ เป็นเพราะสื่อมวลชนทำข่าวเสี้ยมให้เกิดการทะเลาะกันแทบทั้งสิ้น ส่วนตัวไม่เข้าใจว่ากลุ่มสื่อต้องการอะไรถึงเล่นข่าวให้เกิดแต่ความขัดแย้ง ทั้งที่เป็นเรื่องต้องช่วยกันทำนุบำรุงพุทธศาสนา แต่กลับมาสร้างความสับสนให้กับสังคม

ส่อง...อนาคตวัดบ้านไร่

กลุ่มผลประโยชน์

วัดบ้านไร่ถือเป็นวัดที่คู่บารมีของ “หลวงพ่อคูณ” เพราะหากเอ่ยชื่อใด อีกชื่อก็ต้องตามมาเช่นกัน และเมื่อเป็นเช่นนั้น ผลประโยชน์ที่มากล้นตามชื่อเสียงและบารมีของทั้งวัดและพระ จึงเลี่ยงไม่ได้ว่าเป็นช่องทางการทำมาหากินของกลุ่มบุคคลที่ต้องการทำประโยชน์เช่นกัน ดังนั้นเพื่อป้องกันหาผลประโยชน์ จึงได้มีการจัดกลุ่มคุมรายได้ต่างๆ ภายในวัดบ้านไร่ ซึ่งถูกจำแนกแบ่งส่วนตามหน้าที่ออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกัน ดังนี้

1.ตู้และแผงจำหน่ายวัตถุมงคล แผงลอตเตอรี่ กว่า 40 ราย และดอกไม้ธูปเทียนบูชาทั้งบนศาลาการเปรียญและภายในวัดทั้งหมด อยู่ในความดูแลของ ธวัช เรืองหร่าย เหรัญญิกวัดบ้านไร่ โดยมี สมบูรณ์ โสตถิอนันต์ หรือไก่โต้ง เลขานุการหลวงพ่อคูณ และ จู ปริสุทธชาติ หรือเจ๊จู คอยดูแลผลประโยชน์ โดยค่าเช่าที่เป็นทางการ คือ แผงละ 500 บาท/เดือน

2.การออกใบอนุญาตสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคล มี พล.ต.ต.มหัคฆพันธ์ สุรคุปต์ ประธานคณะกรรมการวัดบ้านไร่ จะเป็นผู้พิจารณา โดยกำหนดเป็นเงื่อนไขไว้ตั้งแต่ปี 2555 ว่าผู้ที่มาขออนุญาตสร้างจะต้องจ่ายเป็นเงินสดก่อน 2 ล้านบาท จึงจะได้รับใบอนุญาต

3.การบริหารจัดการวิหารเทพวิทยาคม มี เกรียงไกร จารุทวี คนสนิทของ ว่าที่ ร.ต.ไพโรจน์ สุวรรณฉวี อดีต สส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย เป็นผู้คอยดูแลทั้งการก่อสร้าง บริหารจัดการ และรับผิดชอบ เงินบริจาคที่วิหารทั้งหมด

4.ผลประโยชน์ของร้านค้าชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดบ้านไร่ จะมี ธวัฒน์ชัย แสนประสิทธิ์ หรือกำนันป่อง กำนัน ต.กุดพิมาน คอยเป็นแกนนำชาวบ้านประสานกับคณะกรรมการวัดบ้านไร่ และเป็นบุคคลสำคัญในการเสนอ พระภาวนาประชานาถ หรือหลวงพ่อนุช รัตนวิชโย ขึ้นรักษาการเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่แทนหลวงพ่อคูณ

ส่อง...อนาคตวัดบ้านไร่