posttoday

ปปช.ฟันจีทูจีเก๊!ฟ้องค่าเสียหาย 6 แสนล้าน

20 มกราคม 2558

เปิดคำแถลงมติคณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลความผิดการทำสัญญาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

หมายเหตุ : เมื่อวันที่ 20 ม.ค.นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงถึงมติของคณะกรรมการป.ป.ช.ในการตรวจสอบโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวพร้อมกับตอบข้อซักถามของสื่อมวลชน โดยมีสาระสำคัญดังนี้

จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องการทำสัญญาซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐจำนวน 6.5 หมื่นตันวงเงิน 847 ล้านบาท รับฟังได้ว่า 1.นายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมช.พาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว 2.นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว 3.พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการและเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการรมว.พาณิชย์ 4.นายมนัส สร้อยพลอย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ  5.นายทิฆัมพร นาทวรทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศและรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ 6.นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการกรม และผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ

7.นายสมคิด เอื้อนสุภา 8.นายรัฐนิธ โสจิระกุล 9.นายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจชำระเงินและผู้รับมอบอำนาจข้าว 10.บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด 11.น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ในฐานะกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด 12.น.ส.สุธิดา จันทะเอ ในฐานะกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด 13.น.ส.เรืองวัน เลิศศลารักษ์ ในฐานะกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด 14.นายโจ หรือนิมล รักดี 15.นายสุธี เชื่อมไธสง

16.น.ส.สุนีย์ จันทร์สกุลพร 17.นายกฤษณะ สุระมนต์ 18.นายสมยศ คุณจักร 19.บริษัทสิราลัย จำกัด หรือ บริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด 20.น.ส.ธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทสิราลัย จำกัด และ 21.นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร ได้ร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงานโดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย และเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp และบริษัท Hainan grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าตลาดราคาขายภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ หรือนำไปให้บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด ไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียแก่กรมการค้าต่างประเทศและประเทศชาติอย่างร้ายแรง

คณะกรรมการป.ป.ช.ได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติว่าผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐพ.ศ.2542 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 และให้ส่งรายงาน เอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณีเพื่อส่งให้อัยการสูงสุดฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ส่วนผู้กระทำความผิดที่เป็นข้าราชการจะส่งให้หน่วยงานต้นสังกัดเอาผิดทางวินัยด้วย สำหรับผู้ถูกกล่าวรายอื่นนั้นให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็วต่อไป

พร้อมกันคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติเพิ่มเติมดังนี้ 1.ให้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องการกล่าวหานี้ ในส่วนของการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว และ การระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐให้สำนักงานป.ป.ช.ได้ดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการหรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าในการยุติธรรมตามมาตรา 19 (12) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542

2.สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับบริษัท Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp และบริษัท Hainan grain and oil industrial trading company แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายชดใช้ค่าเสียหายตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542

3.แจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงิน หรือการชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 103/7 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542

4.กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเจรจาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีนางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และประธานคณะทำงานดำเนินการระบาข้าวเป็นผู้เสนอ และ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นผู้ให้ความเห็นชอบกับ (1) บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 3,000,000 ตัน (2) บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 2,000,000 ตัน (3) บริษัท Hainan Province Land Reclamation Industrial Development ปริมาณ 4,000,000 ตัน และ (4) บริษัท Hainan Land Reclamation Commerce and Trad Group Co.,Ltd. ปริมาณ 5,000,000 ตันนั้น บริษัทดังกล่าวมิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่กระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตตามกฎหมายอื่น เห็นควรดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66  แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542

5.ให้สำนักงานป.ป.ช.ดำเนินการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานว่าในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการซื้อขายมันสำปะหลังในรูปแบบสัญญาซื้อขายรัฐต่อรัฐหรือไม่อย่างไร แล้วนำเสนอคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

ขณะเดียวกันตามที่คณะทำงานร่วมกันระหว่างอัยการสูงสุดกับคณะกรรมการป.ป.ช.เพื่อพิจาณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีอาญาของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในโครงการรับจำนำข้าว ได้ขอสำนวนคดีการระบายข้าว ทางคณะกรรมการป.ป.ช.มีมติเห็นชอบให้ส่งสำนวนไปให้คณะทำงานร่วมต่อไป

นอกจากนี้ ป.ป.ช.ได้รับคำร้องขอความเป็นธรรมจากนายทิฆัมพร และนายอัครพงศ์ ทางป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าท่านทั้งสองคนได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเจรจาซื้อขายข้าว และการให้ถ้อยคำก็ไม่ได้เป็นประโยชน์ถึงขั้นที่ป.ป.ช.จะต้องกันตัวไว้เป็นพยาน ดังนั้น ป.ป.ช.จึงไม่ได้กันตัวไว้เป็นพยานแต่อย่างใด ซึ่งจะต้องดำเนินคดีตามรูปคดีต่อไป
                      
ตัวเลขค่าเสียหายที่จะให้กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคลังดำเนินการฟ้องร้องมีจำนวนเท่าไหร่?

รวมหมดจนถึงบัดนี้ตัวเลขยังไม่นิ่งแต่ว่าได้จากการปิดบัญชีมีประมาณ 6 แสนล้านบาทขึ้นไป ซึ่งทางกระทรวงการคลังจะดำเนินการจัดทำตัวเลขที่แน่นอนต่อไป แต่ป.ป.ช.ได้มีมติว่าได้แจ้งให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีให้รับทราบด้วย
          
ตัวค่าเสียหายจำนวน 6 แสนล้านบาทเป็นตัวเลขค่าเสียหายของโครงการทั้งหมด แต่ในกรณีที่ป.ป.ช.พิจารณานี้จะต้องเรียกค่าเสียหายเท่าไหร่?

เราดูประกอบกัน จากกรณีที่ปลัดกระทรวงพาณิชย์ไปร้องทุกข์กล่าวโทษว่ามีการทุจริต ซึ่งจะมารวมอยู่ในนี้ด้วย ดังนั้น จะได้ทำตัวเลขให้มีความชัดเจนต่อไป มันจะมีความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย เพราะทางฝ่ายรัฐบาลเองก็บอกว่ามีเรื่องของโรงสีที่โกงด้วยประมาณ 2พันล้านบาทก็ให้บวกเข้าไปด้วย ทางอัยการจะทำตัวเลขให้ชัดเจนต่อไปเมื่อถึงขั้นตอนฟ้องร้อง มูลค่าความเสียหายของเรื่องข้าวมีหลายส่วน

แสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาทุกคนต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย 6 แสนล้านบาท?

จะต้องทำตัวเลขและรายละเอียดต่อไป เพราะจะต้องแยกแยะว่าใครต้องรับผิดชอบแค่ไหนเพียงใดตามระบบของกรมบัญชีกลาง ซึ่งจะอยู่ในส่วนของกระทรวงการคลัง

จะมีการยึดทรัพย์ผู้กระทำความผิดหรือไม่?

ยังไม่ได้ไต่สวนในเรื่องการร่ำรวยผิดปกติ เพราะเรื่องนี้อยู่ในความผิดชอบคุณณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช.ที่กำลังตรวจสอบอยู่

ได้มีการกำหนดกรอบเวลาให้กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหรือไม่?

ท่านคงรีบครับ เท่าที่ทราบจากนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ ก็ร้อนใจ เพราะอย่างน้อยต้องหาตัวคนรับผิดชอบ เพราะผลของความเสียหายมันเกิดขึ้นแล้ว นับว่าเป็นคดีที่มีความเสียหายใหญ่ที่สุดและมีบุคคลเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก แต่ละส่วนต้องช่วยกันทำงาน งานนี้ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดก็เพียงแค่ชี้ให้เห็นว่ามีความผิดอะไรที่เกิดขึ้นบ้าง ส่วนการเรียกค่าเสียหายนั้นทางรัฐบาลจะต้องช่วยเราต่อไป เมื่อรับทราบแล้วท่านก็ต้องลงไม้ลงมือในการทำ ท่านก็ต้องเร่งรัด

มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการที่ป.ป.ช.มีมติชี้มูลในคดีนี้ทำไมถึงมาอยู่ในช่วงที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ใกล้พิจารณาลงมติว่าจะถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์?

จำได้หรือไม่ครับว่าผมบอกล่วงหน้าตั้งแต่ปลายปีที่แล้วก่อนที่สนช.จะกำหนดวันพิจารณาคดีถอดถอน ผมได้บอกไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีขั้นตอนทำงานอย่างไร คือ เราไม่ได้อยู่ดีๆมาชี้มูลความผิด จะเห็นได้ว่าเราทำงานมีขั้นตอนของเราชัดเจนแน่นอน

มั่นใจหรือไม่เมื่อส่งสำนวนคดีนี้ไปยังอัยการสูงสุดแล้วจะไม่เกิดปัญหาเหมือนกับคดีอาญาของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์?

คงไปพูดถึงขนาดนั้นไม่ได้ เพราะเราก็ทำงานให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เอาเป็นว่าเราพยายามทำงานอย่างดีที่สุดแล้ว ส่วนใครจะทำหน้าที่ในส่วนไหนอย่างไรก็เป็นภาระหน้าที่ของแต่ละส่วน จะให้เดาล่วงหน้าคงไม่ได้