ผ่า"บูกิต จาลิล"สังเวียนแข้งช้างศึกVSเสือเหลือง
"บูกิต จาลิล"เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ติดอันดับ 1 ใน 10ที่มีความจุมากที่สุดในโลก
โดย นายศรัทธา 13
การแข่งขันฟุตบอลซูซูกิคัพ 2014 หรือ ชิงแชมป์อาเซียน โคจรมาถึงรอบชิงชนะเลิศนัดสุดท้ายแล้ว โดยค่ำคืนวันที่20ธ.ค.57 เวลา 19.00 น. “ทีมช้างศึก” ทีมชาติไทย จะลงฟาดแข้งในฐานะทีมเยือน กับ “เสือเหลือง” มาเลเซีย
นี่คือนัดสุดท้ายที่จะตัดสินว่า ชาติใดจะเป็นจ้าวแห่งลูกหนังย่านอาเซียน
หลังจากรอบชิงชนะเลิศนัดแรก ทีมชาติไทย เก็บชัยชนะมาได้ด้วยสกอร์ 2-0 ทำให้การแข่งขันนัดนี้ ทีมมาเลเซียแพ้อีกไม่ได้ อีกทั้งถ้าจะเอาชนะต้องยิงประตูทีมชาติไทยให้ได้ 3 –0 ขึ้นไป
หรือไม่ต้องเอาชนะในเวลา 2-0 เพื่อไปต่อเวลาพิเศษหาผู้ชนะต่อไป แต่หากเสียประตูให้กับทีมชาติไทยงานนี้ต้องเหนื่อยอีกเท่าตัว
ฉะนั้น การแข่งขันนัดนี้จึงมีความหมายต่อสองทีมอย่างยิ่ง
การที่ทีมชาติไทยเก็บสกอร์ตุนไว้ถึงสองลูกจึงเป็นความได้เปรียบนิดๆ ขณะที่มาเลเซีย นอกจากนักเตะต้องเล่นเต็มสูบแล้ว ยังต้องหวังพึ่งเสียงเชียร์ หรือแม้แต่ปัจจัยแวดล้อมที่มองไม่เห็นเพื่อเอาชนะ
แน่นอน สนามแข่งขัน “บูกิต จาลิล” จึงมีส่วนสำคัญต่อการชี้ชะตาไทย-มาเลเซีย
ก่อนหน้านี้ มาเลเซีย เตรียมใช้สนาม ชาห์ อลัม จุผู้ชมได้ถึง 80,000 คน ต้อนรับการมาเยือนทีมชาติไทย ทว่าต่อมาได้ขอสหพันธ์ฟุตบอลแห่งอาเซียน หรือ เอเอฟเอฟ เปลี่ยนแปลงมาเป็นสนาม บูกิต จาลิล ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้ถึง 101,411 คน
นึกภาพดูแล้วกัน สนามราชมังคลากีฬาสถานซึ่งมีกองเชียร์ชาวไทยเข้ามาเต็มความจุ 50,000 คน ส่งเสียงเชียร์ดังกระหึ่มทั่วหัวหมาก แต่นี่คือ “บูกิต จาลิล” จุได้แสนคนหรืออีกเท่าตัวของสนามราชมังคลาฯ จะมีระดับเดซิเบลกระหึ่มขนาดไหน
จึงเป็นความพยายามมาเลเซีย ในการใช้สนามยักษ์แห่งนี้กดดันทีมชาติไทย
บูกิต จาลิล เป็นสนามที่ใหญ่ที่สุดในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ติดอันดับ 1 ใน 10 สนามที่มีความจุมากที่สุดในโลก โดยจัดอยู่ในลำดับที่ 9
สนามบูกิต จาลิล ตั้งอยู่บริเวณทางต้อนใต้ของกรุงกัวลาลัมเปอร์ ก่อสร้างโดย ดร.มาฮัดเทอ บิน โมฮัมหมัด นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 1992 ใช้งบกว่า 800 ล้านริงกิต เริ่มเปิดใช้บริการในปีคศ.1998 ในการแข่งขันกีฬาคอมมอนเวลธ์เกมส์ หรือ มหกรรมกีฬาเครือจักรภพ
สนามแห่งนี้เคยใช้ต้อนรับทีมชื่อดังระดับโลก อย่างปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลิเวอร์พูล เชลซี และอาร์เซน่อล
ประการสำคัญ สังเวียนเสือเหลืองแห่งนี้ ยังเคยใช้ต้อนรับทีมชาติไทย ในศึกฟุตบอลซูซูกิคัพ เมื่อปี 2012 รอบรองชนะเลิศนัดแรก โดยทีมชาติมาเลเซียยิงนำ กองเชียร์โห่ลั่นอัฒจรรย์แทบถล่มทลาย ก่อนที่ทีมชาติไทยจะตามมาตีเสมอ 1-1 จากนั้นทีมชาติไทยได้มาเผด็จศึกที่เมืองไทยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในปีนั้น
แต่สำหรับปีนี้ ทีมฟุตบอลภายใต้การนำของซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กำลังก้าวเข้ามาสัมผัสบรรยากาศระอุแห่งนี้ เพื่อให้คำตอบต่อทีมเสือเหลืองว่า พวกเขาสมควรพาถ้วยแห่งอาเซียนกลับสู่เมืองไทยได้หรือไม่
นี่คือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นอีก ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้
ภาพบรรยากาศกองเชียร์เสือเหลืองเต็มความจุแสนคน ณ สังเวียนแข้ง บูกิต จาลิล