posttoday

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

10 มิถุนายน 2553

มีเสียงเรียกร้องมาตลอดทั้งคนเก่าแก่ภายในทำเนียบฯ ดังไปถึงคนใหญ่ในตึกไทยคู่ฟ้าให้มีการแก้เคล็ดล้างเลือดบาปบริเวณประตูที่เสื้อแดงละเลงไว้

มีเสียงเรียกร้องมาตลอดทั้งคนเก่าแก่ภายในทำเนียบฯ ดังไปถึงคนใหญ่ในตึกไทยคู่ฟ้าให้มีการแก้เคล็ดล้างเลือดบาปบริเวณประตูที่เสื้อแดงละเลงไว้

โดย ทีมข่าวการเมือง

ยามเช้าที่ทำเนียบรัฐบาลวานนี้ เป็นไปด้วยความคึกคัก  คณะรัฐมนตรี  ข้าราชการ องค์กรอิสระ กว่า 500 คน มาพร้อมเพียงกัน    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี ในชุดผ้าไหมสีฟ้า พร้อมด้วยนางพิมพ์เพ็ญ  ภริยา หรือคุณแตง    ควงคู่กันมาสีหน้าชื่นบาน  พร้อมเป็นประธานการประกอบพิธีทางศาสนา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ประเทศไทย

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

ย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้  ภาพข่าวที่ปรากฎต่อสายตาประชาชนคนไทยและต่างประเทศ คงจดจำกันได้ดี ต่อเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดง แบกถังเลือดมาสาดใส่หน้าประตูทำเนียบฯอย่างสนุกสนามเมามันส์  โดยมีการนำพราหม์เสื้อแดงทำพิธีบริกรรมคาถา ซึ่งว่ากันว่า เป็นการเล่นมนต์ดำถล่มรัฐบาลให้มีอันเป็นไป  

แต่ทว่า หลังเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมืองยุติลง สถานการณ์บ้านเมืองคืนสู่ความสงบ   รัฐบาลเดินหน้าบริหารประเทศ  มีเสียงเรียกร้องมาตลอดทั้งคนเก่าแก่ภายในทำเนียบฯ ดังไปถึงคนใหญ่ในตึกไทยคู่ฟ้าให้มีการแก้เคล็ดล้างเลือดบาปบริเวณประตูที่เสื้อแดงละเลงไว้

กอปรกับ มีจดหมายจากประชาชนจำนวนมาก ผ่านนายธีระ สลักเพชร อดีตรมว.วัฒนธรรม อยากให้รัฐบาลทำบุญสะเดาะห์เคราะห์  เสียงเรียกร้องจากกระทรวงวัฒนธรรมจึงส่งผ่านมาถึงนายสาทิตย์  วงศ์หนองเตย รมต.สำนักนายกฯ  หารือกับผู้บริหารสำนักเลขาธิการนายกฯ หาวันที่เหมาะสมจัดทำบุญเสริมศิริมงคล

10 มิ.ย. 2553  เป็นวันลงตัวหลายประการ  เหตุเพราะตรงกับใจคิดของรัฐมนตรีพรรคประชาธิปัตย์ที่หารือกันว่าถึงเวลาเดินหน้าโชว์แผนปฏิรูปประเทศไทย แต่ต้องเสริมดวงด้วยประกอบพิธีศาสนานำหน้า พร้อมกับโอกาสล้างเคราะห์ทำเนียบ ทั้งหมดจึงนำมารวมไว้ในวันเดียวกัน โดยตัดสินใจให้ช่วงเช้าทำพิธีศาสนาเสริมสิริมงคลบ้านเมือง ปัดเป่าอุปสรรครัฐบาลให้ทำงานในทำเนียบฯอย่างมั่นคง  ตกเย็นจะได้เข้าสู่โหมดเดินทัพปฏิรูปประเทศไทย 

07.00 น. พิธีทำบุญ 5 ศาสนา เริ่มต้นบริเวณสนามหญ้า หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยเป็นพิธีบวงสรวงศาสนาพราหมณ์   นายอภิสิทธิ์ เปิดกรวยดอกไม้ ที่ถือเป็นตัวแทนเขาพระสุเมรุ ก่อนรับธูปสีดำซึ่งถูกจุดแล้วไปปักตามเครื่องบวงสรวง ก่อนที่พระครูวามเทพมุนีจะอ่านบทสวดตามคัมภีร์พระเวท เพื่อให้ความอุดมสมบูรณ์กลับคืนสู่ประเทศ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมา โดยทีมรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งของนายกฯต้องถือร่มไว้ 2 คัน สำหรับนายกฯและภริยา

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

เมื่อพระครูฯอ่านบทสวดเสร็จ นายอภิสิทธิ์ก็นำข้าวตอกและดอกไม้โปรดไปบนของบวงสรวง จากนั้นนายกฯพร้อมคณะผู้ติดตามก็เดินเข้าไปในตึกสันติไมตรี เพื่อประกอบพิธีทางศาสนาอีก 4 ศาสนา  ทั้งพุทธ คริสต์ อิสลาม และซิกข์

นายกฯได้เดินไปจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เปิดกรวยหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ ก่อนนำยืนตรงเคารพธงชาติ จากนั้นเริ่มพิธีทางศาสนาพุทธ ไล่ไปจนถึงศาสนาซิกข์ โดยตัวแทนผู้นำในการทำพิธีทางศาสนาต่างๆ ประกอบด้วย ศาสนาพุทธ พระพรหมเวที จากวัดไตรมิตรวิทยาราม ศาสนาอิสลาม นายอรุณ บุญชม ศาสนาคริสต์ พระสังฆราชเกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช และศาสนาซิกข์ ศาสตราจารย์ปรีชา สัจเดย์ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ว่า หลังทำพิธีเสร็จ ฝนก็หยุดตก ท้องฟ้าสว่างแจ้งขึ้นมาทันที

สำหรับงานในวันนี้ มีบรรดาครม.พร้อมภริยา อาทิ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง นายอิสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมฯนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที  นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย  นายองอาจ  คล้าม ไพบูลย์ รมต.ประจำสำนักฯ  นายนิพิฎฐ์  อินทรสมบัติ รมว.วัฒนธรรม นายวรรณรัตน์ ชาญนุกูล รมว.พลังงาน นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม นายชินวรณ์  บุณเกียรติ รมว.ศึกษาธิการ นางสาวนริศา ตันชวาลพิพัทธ์ รมช.ศึกษาฯ นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขากกต. และผอ.สำนักข่าวกรอง และบรรดาตัวแทนผู้นำศาสนาต่างๆ เป็นต้น

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

หลังจากที่นายอภิสิทธิ์เสร็จสิ้นภารกิจแล้ว ระหว่างที่จะเดินทางไปยังตึกไทยคู่ฟ้าที่ห้องทำงาน ได้มี นายเฉลิมชัย ช่วยครุฑ เจ้าของร้านตัดผม ย่านวงเวียนใหญ่  สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์  ได้นำพระปิดตา ของหลวงพ่อทับ จากวัดทองนพคุณ  ย่านฝั่งธน ที่อยู่ในกรอบพลาสติก พร้อมสายสร้อยสแตนเลส มามอบให้พร้อมกับคล้องคอให้กับนายอภิสิทธิ์ด้วยจำนวน 1 องค์ โดยนายเฉลิมชัย กล่าวว่า จากการที่ได้ติดตามการทำงานของนายอภิสิทธิ์เห็นแล้วไม่สบายใจ เพราะท่านเป็น ผู้นำของประเทศ เราควรจะให้อะไรที่เป็นสิ่งที่มีค่ากับท่าน โดยเฉพาะพระองค์นี้ที่ตนสะสมมานานแล้ว  นายกฯ เป็นคนที่มีความสามารถ ทำให้มีคนอิจฉาริษยา เพราะท่านเป็นคนดี มีเมตตา  

“ผมมีความเป็นห่วง เกรงว่าท่านจะไม่ปลอดภัย  โดยเฉพาะระหว่างการเดิน ทางทราบข่าวมาจากหนังสือพิมพ์และจากหลายๆด้าน เขาจะลอบยิงท่าน ผมเลยนำมามอบให้ท่าน เพราะผมมีความเป็นห่วงท่านมาก ระหว่างนี้เดินทางไปไหนมาไหนก็อยากให้ท่านปลอดภัยจึงเดินทางมามอบพระให้ ท่าน” นายเฉลิมชัย  กล่าว

และก่อนที่นายกฯเดินทางกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า ผู้สื่อข่าวถามว่าได้ตั้งจิตอธิษฐานอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ ขอให้บ้านเมืองสงบ ครับ ขอให้บ้านเมืองสงบ”

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การทำพิธีนี้ ไม่ใช้การแก้เคล็ดอะไรทั้งสิ้น แต่มีคนเสนอผ่านนายธีระ สลักเพชร อดีตรมว.วัฒนธรรมมาว่าน่าจะทำ แล้วนายกฯก็เห็นว่าเป็นเรื่องดี ยืนยันยันไม่มีแนวคิดย้ายที่ตั้งศาลพระภูมิประจำทำเนียบแต่อย่างใด ขณะที่นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า “การทำบุญเป็นเรื่องดี ที่ผ่านมาบ้านเมืองอาจจะเจ็บไข้ได้ป่วยบ้าง แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว”

ด้านนายพงษ์ศักดิ์ ศิริวงศ์ ผอ.สำนักสถานที่และรักษาความปลอดภัย ทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า สำหรับการดูแลความปลอดภัย ได้มีการวางมาตรการเอาไว้อย่างเข้มงวดอยู่แล้ว มีการเฝ้าระวังตามจุดสูงต่างๆ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์จะต้องประกอบพิธีในสถานที่โล่งแจ้ง สาเหตุที่ต้องทำพิธีลักษณะ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีพิธีทางศาสนาที่ใหญ่ขนาดนี้มานานแล้ว ถือเป็นการปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดี ที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุมให้ออกไป เพื่อจะได้เริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ 

พระราชครูวามเทพมุนี หัวหน้าพราหมณ์หลวง  กล่าวภายหลังการทำบุญ 5 ศาสนาว่า เป็นการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคลของประเทศ ทำให้เกิดความสงบร่มเย็นในจิตใจ มีความสุข ไม่เกี่ยวกับการแก้เคล็ดพิธีทางไสยศาสตร์ที่มีการนำเลือดมาเทที่ทำเนียบ รัฐบาลก่อนหน้านี้

เสริมบุญทำเนียบฯล้างมนต์ดำ

ส่วนที่มีการระบุว่า ท้าวมหาพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิประจำทำเนียบรัฐบาลไม่ได้ประจำอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วนั้น พระราชครูวามเทพมุนี กล่าวว่า ตามคติของศาสนาพราหมณ์ พระพรหมอยู่บนสวรรค์ ส่วนรูปเคารพไม่ว่าจะอยู่ในสถานที่ใด หรือล็อตเกตห้อยคอเป็นสื่อแทนพระองค์บนสวรรค์ เพื่อให้ระลึกถึงหลักพรหมวิหาร 4 เพื่อนำพรหมธรรมมาสู่จิตใจ ดังนั้นรูปเคารพจึงเป็นการสื่อถึงคุณธรรม 4 ประการ จึงอยากให้มีการทำความเข้าใจเรื่องความเชื่อ โดยให้ยึดหลักปฏิบัติทางศาสนาเป็นหลัก

ส่วนที่มีการระบุว่า ศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันตั้งอยู่ในจุดที่ไม่เหมาะสม เพราะมีการย้ายศาลพระภูมิจากจุดเดิมมาไว้ที่ใหม่ พระราชครูวามเทพมุนี ตอบว่า การทำความสะอาด การปรับย้ายศาสนสถาน ศาลพระภูมิ สามารถทำได้ แต่หลักสำคัญคือ ต้องเป็นสถานที่สะอาด โปร่ง ไม่เป็นที่ปฏิกูล ไม่วางบนถังบำบัด ท่อระบายน้ำ และมีคนมองเห็น เมื่อมองตรงไปต้องไม่เจอห้องน้ำ ทั้งนี้เมื่อคนมองเห็นจะทำให้จิตใจระลึกถึงคุณความดี นำธรรมไปปฏิบัติ ซึ่งสถานที่ตั้งของศาลพระภูมิประจำทำเนียบรัฐบาลในปัจจุบันก็อยู่ในจุดที่คน มองเห็น ซึ่งเมื่อมองตรงไปก็ไม่เจอห้องน้ำ

ในพีธีดังกล่าว ยังได้มีการแจกหนังสือ "ตามรอยพระยุลบาท ด้วยทศพิธราชธรรม" และหนังสือที่ระลึกอื่นๆ แก่ผู้มาเข้าร่วมงานด้วย