"บิ๊กอ๊อด-เดอะกิ๊ก-บิ๊กโก"วันที่เพื่อน...เป็นแค่ความทรงจำ

โดย...ทีมข่าวในประเทศโพสต์ทูเดย์

“บิ๊กอ๊อด-เดอะกิ๊ก-บิ๊กโก” คือชื่อเรียกขานของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และ พล.ต.ต.โกวิทย์ วงศ์รุ่งโรจน์ อดีตรอง ผบช.ก. ตามลำดับ

3 ผู้ยิ่งใหญ่ในชั่วโมงนี้ กำลังถูกจดจำในฐานะนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติซึ่งเกี่ยวพันกันในฐานะ “ตำรวจ” และ “ผู้กระทำผิดกฎหมายที่เคยเป็นตำรวจ”

ผลสอบสวนทางคดีก็ต้องว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม แต่เหนืออื่นใด หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า บิ๊กตำรวจทั้งสามนายนี้ เป็นเพื่อนร่วมเรียนจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน และสำเร็จการศึกษาเป็นนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 31 พร้อมกัน

กอดคอกันเรียน จูงมือกันออกมาจากรั้วสามพราน ร่วมกันนำวิชาที่ได้รับการประสิทธิ์ประสาทมารับใช้ประชาชน แต่โชคชะตาเล่นตลก หลายสิบปีผ่านไป จากเพื่อนก็กลายเป็น “ผู้จับกุม” และ “ผู้ถูกจับกุม” เมื่อ พล.ต.อ.สมยศ สั่งใส่กุญแจมือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ เพราะความผิดที่ก่อขึ้นร้ายแรงเกินกว่าจะใช้คำว่าเพื่อนมาประโลม

หากไล่เรียง นรต.รุ่น 31 ในปัจจุบัน มีหลายคนที่โด่งดังไม่แพ้กัน เช่น พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 พล.ต.ท.ปิยะ สอนตระกูล ผบช.สกบ. พล.ต.ต.ฉันทวิทย์ รามสูต รอง ผบช.น.

อย่างไรก็ดี หากโฟกัสในรายละเอียดของบิ๊กอ๊อด เดอะกิ๊ก และบิ๊กโก พบว่าแม้จะเดินออกจากรั้วสามพรานพร้อมกัน แต่เส้นทางการเติบโตในสายสีกากีกลับเป็นคนละขั้ว

เริ่มจาก พล.ต.อ.สมยศ เติบโตในสายงานด้าน “วิชาการ” และ “งานบริหาร” เป็นหลัก ดำรงตำแหน่งต่างๆ คือ ผู้กำกับการกองวิชาการ รองผู้บังคับการอำนวยการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก่อนขยับขึ้นตำแหน่งผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตามติดด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง

ขณะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ เติบโตใน “สายบู๊” ด้านงานปราบปรามเป็นหลัก และจะขยับในตำแหน่งพร้อมกับเพื่อนคู่บุญ คือ พล.ต.ต.โกวิทย์ ซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันจาก จ.สมุทรปราการ มาโดยตลอด เรียกว่าเดอะกิ๊กไปไหน บิ๊กโกก็ต้องตามไปด้วย โดยเฉพาะตำแหน่งต่างๆ ในกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทั้งระดับกองปราบปราม หรือหน่วยอื่นๆ ในสังกัด ทั้งสองนายก็จะติดสอยห้อยตามกันไป

ขณะที่ความสัมพันธ์ของทั้งสามนาย จากคำพูดของรุ่นพี่ นรต. ระบุว่า เนื่องจากจำนวนนักเรียนในรุ่นมีไม่มากนัก จึงเห็นความเคลื่อนไหวของรุ่นน้องเกือบทั้งหมด และทั้งสามคนต่างแข่งกันเรียน ไม่สุงสิงกันมากนัก เมื่อจบออกมาแล้วต่างคนก็ต่างออกไปทำหน้าที่ตามตำแหน่งของตัวเอง ส่วนความสัมพันธ์กันแนบแน่นอย่างไรนั้น คงอธิบายได้ยาก

“แต่งานเลี้ยงรุ่นของ นรต.31 ที่จัดกันเป็นประจำทุกปี ก็จะไม่ค่อยเห็น พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ มาร่วมงานมากนัก ยิ่งหลังๆ รู้มาว่าไม่มาร่วมงานเลย แต่สำหรับ พล.ต.อ.สมยศ จะมาเป็นประจำ หากไม่ติดขัดอะไร” นรต.รุ่นพี่ ซึ่งเกษียณไปแล้ว กล่าว

คำบอกกล่าวของอดีตตำรวจนายนี้ ตอกย้ำความน่าเชื่อถือได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่าง พล.ต.อ.สมยศ กับอีกด้านคือ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ และ พล.ต.ต.โกวิทย์ คงจืดจางลง เพราะวันที่ พล.ต.อ.สมยศ ได้รับตำแหน่งเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ก็ไร้เงาบิ๊ก บช.ก. ทั้งสองนายมาร่วมแสดงความยินดี ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่น นรต.31 นายอื่นๆ กลับตบเท้ามอบกระเช้าดอกไม้ชื่นชม

มาวันนี้ ความสัมพันธ์ที่เรียกว่า “เพื่อน” ของทั้งสามคนคงจบลงแล้ว เพราะหน้าที่คือหน้าที่ ส่วนสายสัมพันธ์ในสมัยเรียน...คงเป็นแค่เพียงความทรงจำตลอดไป