อย่าพลาด แสงสีเสียงพระมหาชนกไลฟ์โชว์ อลังการยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ

โดย...นิติพันธุ์ สุขอรุณ
 
เนื่องในโอกาสมหามงคล 5 ธ.ค. เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด ได้จัดแสดงละครเวที พระมหาชนก เดอะ ฟีโนมีนอนไลฟ์ โชว์ ถือได้ว่างานนี้จะเป็นการจัดการแสดงครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดที่ประเทศไทยเคยมีมา ทั้งแสง สี เสียง รวมถึงมัลติมีเดียตระการตา
 
ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ เปิดเผยว่า จุดมุ่งหมายของการน้อมนำบทพระราชนิพนธ์ "พระมหาชนก" มาจัดแสดง นอกจากจะสร้างความสนุกสนานให้กับผู้ชมแล้ว ยังเป็นการถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนจากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปยังเด็ก เยาวชนและประชาชนคนไทย เพื่อให้ตระหนักถึงความเพียร ความอดทน และการใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ที่คนไทยทั้งประเทศต้องร่วมกันทำความดีให้กับประเทศชาติ
 
วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด ผู้ควบคุมการจัดงานทั้งหมด กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ผ่านมามีผลงานเด่น เช่น งานแสดงแสงสีเสียง "พ่อ…The Greatest of the Kings The Greetings of the Land" ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม ,งานแสดงแสง สี เสียง เนื่องในพิธีเปิดประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์และสะพานภูมิพล และงานแสดงเรือไฟเฉลิมพระเกียรติ จุดเทียนชัยถวายพระพรกลางแม่น้ำเจ้าพระยา 5 ธ.ค. 2553 ทุกอย่างยังไม่ยิ่งใหญ่เท่าการแสดงพระมหาชนก
 
“ละครเวทีชุดนี้ ถือได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา จะทำให้ประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้รับชมการแสดง ได้สัมผัสถึงความรัก ความซื่อสัตย์ ความเสียสละ ความอดทนและความเพียรพยายามของ พระมหาชนก และน้อมนำหลักธรรมคำสอน ไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี” วินิจ กล่าว

 
ด้วยเนื้อหาของบทพระราชนิพนธ์ และความไพเราะของบทเพลงของ ยืนยง โอภากุล หรือ แอ๊ด คาราบาว พร้อมด้วย อัสนี โชติกุล หรือ ป้อม ร้อยเรียงขึ้นใหม่ ขับร้องโดย กิตตินันท์ ชินสำราญ นักร้องเสียงโอเปร่า ในบทเพลง "พระมหาชนก" ร่วมด้วยวงออร์เคสตรา บิ๊กแบนด์ เครื่องดนตรี กว่า 60 ชิ้น โดยใช้คำง่ายๆที่สามารถเข้าไปตราตรึงในจิตใจได้เป็นอย่างดี
 
ด้านรูปแบบการแสดง มีการเนรมิตเรือไฮดรอลิกขนาดใหญ่กว่า 30 เมตร มาโลดแล่นบนเวทีกลางน้ำ โดยเรือลำนี้จะมีฉากเรือแตกออกเป็น 4 ส่วน เสมือนการได้เห็นเรือกำลังล่มของจริงตรงหน้า ส่วนการแสดงจะเล่าเรื่องให้เห็นถึงการผจญภัยของพระมหาชนก ที่มีความเพียรพยายามในการว่ายน้ำตลอด 7 วัน 7 คืน โดยมิทรงย่อท้อ ทั้งยังต้องพบเจอกับเหล่าอสูรกายขัดขวาง และปูยักษ์ที่มาช่วยพระองค์ในยามที่เหนื่อยล้ากลางมหาสมุทร ทว่าไฮไลท์อยู่ที่ต้นมะม่วง หรือบทตอนที่ 7 ทีสะท้อนมุมมองความคิดถึงการดูแลต้นมะม่วงให้ออกดอกผล เฉกเช่นเดียวกับ การรักษาไว้ซึ่งความมั่นคงของประเทศไทย
 
เบื้องหลังการแสดงสุดอลังการนี้ สุเทพ จับสี ผู้บริหารแห่งบริษัทบ้านริก ผู้สร้างจินตนาการให้เกิดขึ้นจริง ด้วยการออกการเคลื่อนไหวของแต่ละฉากด้วยระบบไฮดรอลิก ทั้งยังมีโครงเสาเหล็กความสูง 30 เมตร ขึงลวดสลิงยาว 250 เมตร พาดผ่านกลางทะเลสาบ ซึ่งต้องก่อสร้างด้วยความยากลำบาก
 
สุเทพ กล่าวว่า จากประสบการเบื้องหลังถ่ายทำภาพยนตร์เพื่อให้ได้มุมภาพที่แปลกใหม่ เรายึดถือหลักการสั้นๆว่า “ได้คร๊าบ ทุกอย่างที่ผู้กำกับต้องการ จะจัดให้”  การก่อสร้างเอฟเฟคทุกอย่างจะทำสุดความสามารถ เพื่อให้คนทั้งโลก ได้รับชมและจดจำสิ่งที่เห็นไปอีกนาน ดังนั้นการแสดงที่มีขึ้นไม่ใช่เพียงเพื่อสร้างความบันเทิงเท่านั้น แต่เป้าหมายสูงสุดก็เพื่อบอกว่า วงการแสดง แสง สี เสียงของไทย ไม่ได้น้อยหน้าชาติใดในโลกเลย 
 
นอกจากนี้ ยังมีนักแสดงมากความสามารถ อาทิ ทฤษฎี สหวงษ์ รับบท พระมหาชนก, แคทรียา อิงลิช รับบท นางมณีเมขลา, กุลมาศ ลิมปวุฒิรานนท์  รับบทพระนาง สีวลีเทวี, ญาณี ตราโมท รับบท อำมาตย์ ร่วมด้วยนักแสดงสมทบและทีมงาน จำนวนมาก
 
สำหรับการแสดงจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-9 ธ.ค.รวม 9 วัน 9 บท ที่เวทีกลางทะเลสาบ สวนเบญจกิติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมการแสดงฟรี วันละ 1 หมื่นที่นั่ง โดยสามารถรับบัตรเข้าชมได้ที่ผู้สนับสนุนการจัดงาน หรือสามารถรับบัตรหน้างาน ได้ด้วยตนเองจำนวน 5,000 ที่นั่ง/วัน ตั้งแต่ในเวลา 17.00 น. เป็นตันไป