ผ่าปม"วินมอเตอร์ไซค์"เบื้องลึก"ส่วย"มหาศาล
14.5 % ของรายได้มอเตอร์ไซค์รับจ้างคือ "ส่วย" ที่ต้องจ่ายให้ กลุ่มคนมีอำนาจนอกระบบ หรือ กลุ่มที่มีอำนาจแฝงจากระบบราชการโดยตรง
โดย...อินทรชัย พาณิชกุล
ย้อนกลับไปเมื่อ 31 ปีก่อนในช่วงที่เศรษฐกิจเฟื่องฟู สังคมขยายตัว ประชากรเพิ่มมากขึ้น ตามด้วยหมู่บ้านจัดสรร ตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทางทุกเส้นทุกสายเชื่อมโยงถึงกัน
เมื่อบริการขนส่งมวลชนไม่เพียงพอ "มอเตอร์ไซค์รับจ้าง" จึงถือกำเนิดขึ้นในปี 2526 ก่อนจะขยายออกไปในทุกตรอกซอกซอยทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ตลอดจนหัวเมืองต่างๆในทุกภูมิภาคดังเช่นทุกวันนี้
เจาะลึกอาชีพไม่ธรรมดา"มอเตอร์ไซค์รับจ้าง"
จากข้อมูลของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ปัจจุบันเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานครมีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์สาธารณะ หรือวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิ้น 6,330 วิน รวม 97,620 คัน ไม่นับวินเถื่อนที่จัดตั้งใหม่โดยไม่ได้ขึ้นทะเบียนอีกมากมายนับไม่ถ้วน
จำนวนของผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้งหมดน่าจะมีมากกว่า 1.9 แสนคัน!!!
ผู้ประกอบอาชีพนี้ส่วนใหญ่มีทั้งชาวไร่ชาวนาในต่างจังหวัด อดีตกรรมกรก่อสร้าง กลุ่มคนจนในเมือง พนักงานและลูกจ้างที่ตกงาน นักเรียนนักศึกษาที่หางานทำไม่ได้ พวกนี้จะเข้าสู่ธุรกิจด้วยการไปซื้อมอเตอร์ไซค์ ผ่อนค่าเช่าเป็นรายเดือน ก่อนจะมาสมัครเข้าอยู่ในวินมอเตอร์ไซค์วิ่งรถตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงดึกดื่นมืดค่ำ
คาดการณ์กันว่ามีเงินสะพัดหมุนเวียนอยู่ในธุรกิจมอเตอร์ไซค์รับจ้างราว 1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นรายได้ในการรับ-ส่งผู้โดยสารที่อยู่ระหว่าง 300-600 บาทต่อคนต่อวัน หรือประมาณ 2 หมื่น - 4 หมื่นบาทต่อเดือน
ที่เหลือคือ "ส่วย" ที่ต้องจ่ายให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย
"ส่วย" ค่าอำนวยความสะดวก
ปัญหาเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างมีมานานแล้ว แต่มาปรากฏเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อปี 2546 สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ประกาศจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์และปราบปรามผู้มีอิทธิพล เพื่อแก้ปัญหามาเฟียรีดไถ แย่งผู้โดยสาร และไร้ระเบียบ
ผลงานวิจัยเรื่อง "หวย ซ่อง บ่อน ยาบ้า:เศรษฐกิจนอกระบบกับนโยบายสาธารณะในประเทศไทย" (2543) โดยผาสุก พงษ์ไพจิตร สังศิต พิริยะรังสรรค์ และนวลน้อย ตรีรัตน์ ระบุว่า 14.5 % ของรายได้มอเตอร์ไซค์รับจ้างคือ "ส่วย" ที่ต้องจ่ายให้ "กลุ่มคนมีอำนาจนอกระบบ" หรือ "กลุ่มที่มีอำนาจแฝงจากระบบราชการโดยตรง" เช่น หัวหน้าวินที่อาจเป็นได้ทั้งนักเลงขาใหญ่ ลิ่วล้อนักการเมือง ทหารนอกรีต รวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบางคน
หากดื้อดึงไม่ยอมจ่าย อย่าหวังจะได้ดำเนินชีวิตอย่างสงบสุข
"เขาเรียกว่า "ค่าอำนวยความสะดวก" ยกตัวอย่างถ้าวินคุณตั้งอยู่บนฟุตบาทก็ต้องเสียแป๊ะเจี๊ยะ ให้เทศกิจจ่ายเป็นค่าปรับไป ไม่งั้นตั้งวินตรงนี้ไม่ได้ ถ้าคุณตั้งวินบนพื้นผิวจราจรก็ต้องจ่ายให้ตำรวจ ไหนจะปัญหาหยุมหยิมเล็กๆน้อยๆอย่างเรื่องเลี้ยวรถกลับรถ ผู้โดยสารไม่มีหมวกกันน็อก พวกเราเลยยอมจ่ายตรงนี้ไปโดยตกลงกันเป็นรายเดือน ตั้งแต่ 3 พันถึง 1 หมื่น แล้วแต่ละพื้นที่"เฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย เล่าให้ฟังอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งนี้กลุ่มผู้เรียกเก็บส่วยเหล่านี้เป็นกลุ่มเดิมกับที่เคยถูกกวาดล้างในช่วงรัฐบาลปราบปรามกลุ่มผู้มีอิทธิพล เมื่อปี 2546 แต่ภายหลังก็หวนกลับมาอีก
"แต่กลับมาคราวนี้ก็จะเก็บในราคาที่มากเท่าเดิมไม่ได้ เนื่องจากช่วงจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์ หลายวินได้จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เลยเปลี่ยนมาขอเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาแทน ทีนี้พอเก็บได้น้อย บางคนก็ไปตั้งวินเถื่อนใหม่ขึ้นมาทับซ้อน ปัญหาเรื่องส่วยเรื่องมาเฟียมันถึงเกิดขึ้นซ้ำซากไม่รู้จบ"
เสียงจากคนสองล้อ
หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประกาศขับเคลื่อนนโยบายจัดระเบียบวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ภายใต้ 3 แนวทาง ประกอบด้วย ติดป้ายกำหนดราคาให้ชัดเจนตามกฎหมาย ตรวจสอบวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างทั้ง 50 เขต ในกทม.ว่าได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งหรือไม่ และเร่งดำเนินการให้วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างทุกที่จะต้องเป็นวินที่ถูกต้องตามกฎหมายและได้รับการจดทะเบียนตามกระบวนการของกรมการขนส่งทางบก
ถึงบรรทัดนี้ เรามาทำความเข้าใจกันว่าการที่จะมาทำอาชีพขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ต้องผ่านขั้นตอนอะไรบ้าง
หนึ่ง คนขับรายใหม่ต้องสอบถามไปยังวินที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายว่ามี "เสื้อว่าง" หรือไม่ ถ้ามีผู้ขับคนเก่าต้องการจะเลิกพอดี ทั้งคู่ต้องตกลงราคาขายเสื้อวินกันเอง ไม่ก็ปล่อยเช่าเป็นรายเดือน
สอง เขียนใบสมัคร พร้อมบัตรประชาชน ใบขับขี่สาธารณะ โดยต้องให้สมาชิกจำนวน 1 ใน 3 ต้องเป็นผู้รับรอง
สาม ส่งเรื่องขออนุญาตไปยังกรมการขนส่งทางบกเป็นผู้อนุมัติ เพื่อทำป้ายเหลือง ซึ่งเป็นแผ่นทะเบียนสำหรับรถจักรยานยนต์สาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมายเป็นลำดับต่อไป
"หลายคนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไปติดต่อกับวินเถื่อน โดนผู้มีอิทธิพลเรียกค่าเสื้อวินตัวละ 2 หมื่นถึงหลักแสน ไหนจะค่ากินเปล่า ค่าแป๊ะเจี๊ยะอะไรต่อมิอะไรอีกสารพัด เสียเงินมาก แต่สะดวกกว่า เร็วกว่า ก็คนขับใหม่บางรายก็ยอม แต่สุดท้ายได้เสื้อ แต่ขับรถป้ายดำขาว ซึ่งก็ถือว่าเป็นวินมอเตอร์ไซค์ผิดกฎหมายอยู่ดี"
อย่างไรก็ตาม ผู้ขับขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าที่ผ่านมา ตำรวจไม่ได้มีการปราบปรามจับกุมวินมอเตอร์ไซค์ผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด
ว่ากันว่าราคาเสื้อวินที่สูงที่สุดในกทม.ขณะนี้ มีราคาถึง 5 แสนบาท!!!
"ทำเลทองของวินมอเตอร์ไซค์คือที่ที่มีคนพลุกพล่าน ใกล้รถไฟฟ้า รถไฟใต้ดิน เช่น สุขุมวิท สีลม รัชดาภิเษก ค่าเสื้อตัวละ 4-5 แสน กลางๆอย่างลาดพร้าวก็ 2-3 แสน ขณะที่เขตรอบนอกอย่างมีนบุรี หนองจอกก็ 2-3 หมื่น"วินมอเตอร์ไซค์ปากซอยลาดพร้าว 101 บอก
ขณะเดียวกัน ประเด็นเรื่องราคาค่าโดยสาร ตามกฎกระทรวงคมนาคมระบุไว้ชัดเจนว่าภายใน 2 กิโลเมตรแรกห้ามเกิน 25 บาท กิโลเมตรต่อไปให้คิดเพิ่มไม่เกิน 5บาท หากระยะทางเกินกว่า 5 กิโลเมตรขึ้นไปผู้รับจ้างต้องตกลงกับประชาชนเอง หากผู้ใดฝ่าฝืนจะต้องถูกปรับ 5,000 บาท
"ปกติมอเตอร์ไซค์รับจ้างจะวิ่งในซอย ถ้าออกนอกเส้นทางไปไกล เรียกว่า"เหมา" ก็ต้องตกลงราคากับผู้โดยสาร บางคนก็ต่อราคา บางคนไม่ไปก็เรียกคันอื่น ผมว่าต่อรองราคาให้เรียบร้อยกันก่อน ไร้ปัญหาแน่นอนครับ ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย"วินมอเตอร์ไซค์ปากซอยวิภาวดี 20 ให้ความเห็น
อีกปัญหาที่ยังแก้ไม่ตก นั่นคือจุดจอดของวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เนื่องจากแต่ละพื้นที่มักตั้งจุดจอดตามใต้สะพานลอย ปากซอย บนทางเท้า จนถึงบนพื้นผิวถนน สร้างปัญหาไร้ระเบียบ กีดขวางการจราจรเป็นอย่างยิ่ง
ปฏิรูปวงการเสื้อกั๊กส้ม
เฉลิม ชั่งทองมะดัน นายกสมาคมผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างแห่งประเทศไทย ฝากถึงคสช.ว่า "อยากให้ตรวจสอบประวัติ พฤติกรรม และเปิดอบรมคนที่จะมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง พูดตรงๆว่าจะมีวินสักกี่คนรู้กฎระเบียบจราจร สักกี่คนที่รู้ว่าต้องมีใบขับขี่สาธารณะ ต้องติดแผ่นทะเบียนสีเหลือง สวมหมวกกันน็อก มารยาทก็สำคัญเช่นกันบางคนยังใส่กางเกงขาสั้น สูบบุหรี่ปุ๋ยวิ่งรับส่งผู้โดยสารอยู่เลย พอโดนตำหนิก็ไปทำร้ายเขา พวกนี้กำจัดออกไปซะ อย่าเห็นใจคนไม่ดี ลงโทษให้หนัก ประชาชนจะได้ประโยชน์สูงสุด"
รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้อง"ยกเลิกระบบส่วยทั้งหมด"
"ปัญหาอันหนึ่งก็คือในตอนเริ่มต้นของการทำวินมอเตอร์ไซค์ คนที่ดูแลก็คือตำรวจ ทำให้สามารถหารายได้โดยการขายเสื้อวินและเก็บส่วยรายเดือน ฉะนั้นการจัดระเบียบของวินมอเตอร์ไซค์ตอนเริ่มต้นอยู่ในมือตำรวจหมด รัฐบาลสมัยคุณทักษิณไม่ได้ไปแตะเรื่องนี้ สมัยคุณอภิสิทธิ์พยายามจะเข้าไปจัดการเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ช่วงเวลาสั้นไปหน่อย จึงไม่สำเร็จ
สิ่งสำคัญคือจะทำยังไงให้เสื้อวินมีราคาเท่ากับศูนย์ และคนที่จะเข้ามาประกอบอาชีพนี้จะไม่ถูกรีดไถจากคนที่มีอิทธิพล คสช.ควรกำชับไปยังผบ.ตร.ให้ยกเลิกระบบส่วยทั้งหมด ลดค่าส่วยได้ ก็ลดค่าบริการให้แก่ประชาชนได้ ขณะเดียวกันถ้ายังมีตำรวจคนใดเรียกรับส่วยอีกก็ควรตั้งศูนย์ร้องเรียนเพื่อให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาด
การจัดระเบียบครั้งใหญ่ในแวดวงวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างครั้งนี้ ถือเป็นนโยบายจัดระเบียบสังคมที่ประชาชนทุกคนกำลังให้ความสนใจ ทั้งยังคาดหวังด้วยว่าจะสำเร็จเห็นผลในเร็ววัน


