posttoday

คนชุมชนปล้นเองเจ้าของร้านหมดตัว!

24 พฤษภาคม 2553

ควันหลังเหตุคืนวิปโยค ไม่ได้นำความโศกเศร้ามาสู่คนไทยเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงสภาพของกลุ่มคนที่กลายมาเป็นโจร ไม่ใช่แค่ปล้นเซเว่นเท่านั้น แม้แต่หอพักยังถูกยกเค้าทุกห้องไม่เหลือ

ควันหลังเหตุคืนวิปโยค ไม่ได้นำความโศกเศร้ามาสู่คนไทยเท่านั้น แต่ยังเผยให้เห็นถึงสภาพของกลุ่มคนที่กลายมาเป็นโจร ไม่ใช่แค่ปล้นเซเว่นเท่านั้น แม้แต่หอพักยังถูกยกเค้าทุกห้องไม่เหลือ

โดย...พรสวรรค์ นันทะ

จากการเดินเท้าสำรวจความเสียหาย ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ ร้านค้ารายย่อย รวมถึงบ้านเรือนประชาชนตลอดแนวอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านสามเหลี่ยมดินแดง ชุมชนในซอยตลาดศรีวณิช จนถึงสี่แยกดินแดงถนนวิภาวดี พบสภาพอาคารบ้านเรือนในย่านนี้ เต็มไปด้วยร่องรอยเสียหายจากการถูกเผา ถูกงัด เพื่อขโมยสิ่งของมีค่าต่างๆนานา 

ความเสียหายเริ่มจากหัวมุมถนนร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ต้นซอยราชวิถี 11 จำนวน 3 คูหา ร้านวัตสันอีก 2 คูหาติดกัน ถูกไฟไหม้วอดดำทั้งหมด เช่นเดียวกับด้านบนชั้น 2 และชั้น 3 ซึ่งเป็นร้านหนังสือดอกหญ้า สาขาอนุสาวรีย์ชัย ที่มอดไหม้ไม่ต่างกัน เหลือไว้ให้เห็นเพียงหนังสือที่เต็มไปด้วยเขม่าดำจำนวนมหาศาล เพราะหนังสือคือสิ่งเดียวที่ผู้ชุมนุมไม่ต้องการหยิบฉวย

ผู้คนที่เดินทางมาดูซากความเสียหาย  ต่างออกปากระบายความรู้สึกไม่ต่างกันว่า “โอ้โห!น่าเสียดายหนังสือนะ ไม่คิดจะอ่านแล้วยังมาเผาซะอีก” 

คนชุมชนปล้นเองเจ้าของร้านหมดตัว!

ถัดมาในฝั่งเดียวกัน เป็นซากของห้างสรรพสินค้าเซ็นเตอร์วัน ที่มีสภาพความเสียหายไม่ต่างกัน จากการให้สัมภาษณ์ของ นายรัฐพล ไกรจิรโชติ กรรมการผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นเตอร์วัน ภายหลังถูกวางเพลิงระบุว่า ไฟน่าจะลามไปทั้ง 4 ชั้น และบริเวณด้านหลัง ซึ่งเป็นอาคารของมูลนิธิผู้บริโภคได้รับความเสียหายด้วย จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้นน่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท จากร้านค้าภายในส่วนของศูนย์การค้า ประมาณ 300 ร้านค้า และคาดว่า จะมีพนักงานตกงาน ไม่ต่ำกว่า 1,000 คน     

ส่วนพื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง อาคารพาณิชย์ 11 คูหา ซึ่งตั้งอยู่หน้าโรงแรมเซ็นจูรี่ ปาร์ค น่าเป็นจุดที่เสียหายหนักที่สุดในบริเวณนี้ เพราะมีร่องรอยการเผาทำลายอาคารพาณิชย์ 5-6 คูหา จากทั้งหมด 11 คูหา และมีรอยงัดทุบทำลายประตูเลื่อนเหล็ก เพื่อโจรกรรมของมีค่าแทบทุกคูหาด้วย

นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงกันยังมีการเผาทำลาย ธนาคารกรุงเทพ สาขาดินแดง ธนาคารออมสินและธนาคารนครหลวงไทย สาขาราชปรารภ 

ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น แถวปากซอยบุญชูศรี 2 คูหา ก็ถูกปล้นและเผาเช่นกัน ส่วนอาคารพาณิชย์ สำนักงาน บ้านเรือนต่างๆนอกเหนือจากที่ระบุไว้นี้ไม่พบร่องรอยความเสียหายใดๆทั้งสองฝั่งถนนไปจนถึงสี่แยกดินแดงจนถนนวิภาวดี รวมถึงบ้านเรือน อาคารพาณิชย์ในชุมชน ซอยตลาดศรีวณิชก็ไม่พบความเสียหาย    

จากการสังเกตใต้สะพานยกระดับข้ามสามแยกดินแดง และหน้าตึกอาคารพาณิชย์ช่วงใต้ทางด่วนดินแดงพบขวดลิโพ กระทิงแดง เอ็ม 150 เปื้อนน้ำมันและเขม่าไฟจำนวนมากกองสุ่มอยู่ทั่วบริเวณ คาดว่าจะเป็นระเบิดขวดอาวุธที่ผู้ชุมนุมใช้เหวี่ยงจุดไฟต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หรือเผาสถานที่ต่างๆ 

ที่สำคัญยังพบขวดเหล้าหลากหลายยี่ห้อกองสุ่มกันเกลื่อนตลอดริมถนน คาดว่าเป็นสินค้าที่หยิบฉวยมาจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นถูกปล้น ขณะเดียวกันยังพบข้าวกล่องจำนวนไม่น้อย ซึ่งส่วนใหญ่ยังไม่ได้เปิดกินด้วยซ้ำ วางประหลายจุดๆตลอดแนวถนน คาดว่าเป็นเสบียงที่ส่งบำรุงผู้ชุมนุมอย่างเหลือเฝือจนกินไม่หมดทิ้งกระจัดกระจายเกลื่อนฟุตบาท

จากคำบอกเล่า ของคุณป้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นชาวบ้านในย่านนี้ บอกว่า สาเหตุที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 1-2 ร้านในโซนนี้ไม่ถูกเผา เพราะเป็นแฟรนไซด์ของคนในชุมชนนี้ ป้ามานั่งเฝ้าทุกคืนตั้งแต่วันประกาศเคอร์ฟิว ถึงไฟฟ้าจะดับก็ต้องมาจุดเทียนเฝ้า เพื่อจะได้ขอให้เขาอย่าเผา อย่าปล้น คอยบอกว่าพวกเดียวกันอย่าทำถึงรอดมาได้ 

แต่ทันทีที่ถูกถามว่าคนที่มาปล้นมาเผาเป็นคนในชุมชนหรือไม่ถึงได้ขอกันได้ ป้าคนดังกล่าวรีบตอบทันทีว่า“เราไม่รู้หรอกว่าเป็นใคร ได้ยินว่าเป็นวัยรุ่นขาใหญ่มาจากย่านห้วยขวาง แต่การบอกว่าเป็นพวกเสื้อแดงเหมือนกันก็พอช่วยได้” 

ด้านนายสิริเชษฐ์ สุขประสงค์ เจ้าของอาคารพาณิชย์ 11 คูหาด้านหน้าโรงแรมเซนจูรี่ และเจ้าของบริษัทยูแอลซี ซอฟแวร์จำกัด กล่าวว่า ได้เดินทางไปขึ้นทะเบียนผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมที่ศูนย์ราชการ ที่แจ้งวัฒนะแล้ว แต่ก็ไม่มั่นใจว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลแค่ไหน สภาพตัวเองและครอบครัวตอนนี้เรียกว่าหมดตัวเพราะตึกถูกไฟไหม้ไป 6 คูหา แต่ผู้เช่าทุกรายหายหมดทั้ง 11 คูหา เพราะต้องหลบไปอยู่ที่ปลอดภัย ทำให้ไม่มีรายได้จากการเช่าสักบาท 

“ที่สำคัญนอกจากตึกถูกไฟไหม้  รายได้ปัจจุบันและในอนาคตหายไปแล้ว ข้อมูลสื่อการเรียนการสอน ทางอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นข้อมูลซอฟแวร์ต้นฉบับมูลค่ามหาศาลก็หายไปกับไฟด้วย สถานการณ์นี้ถ้าเรียกร้องได้อยากให้รัฐบาลช่วยดูแลชดเชยรายได้เพื่อเพื่อความอยู่รอดในช่วง 1 เดือนก่อน ค่อยฟื้นฟูสภาพอาคารให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะตอนนี้ครอบครัวถือว่าหมดตัวแล้ว เพราะข้าวของที่หอบหนีตายออกจากบ้านไปเมื่อคืนวันที่ 18พ.ค.มีเพียงเสื้อผ้าไม่กี่ชุด” นายสิริเชษฐ์กล่าว

ขณะที่ ร.ศ.นุชธิพย์ บรรจงศิลป์ ผู้เช่าตึกเดียวกันและเป็นเจ้าของหอพักสตรี 38 ห้อง เจ้าของร้านอินเตอร์คาเฟ่และกิ๊บซ็อป และตู้น้ำหยดเหรียญ เล่าว่า หอพักทุกห้องมีร่องรอยถูกขวานจามเพื่องัดขโมยของทุกห้อง ผู้เช่าแจ้งว่ามีของหายเยอะมาก เช่น เงินสด ธนบัตรต่างประเทศ 900 เหรียญสหรัฐฯ สร้อยคอทองคำ โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ ที่เก็บไว้ในห้องพัก เพราะผู้เช่าส่วนใหญ่ขนของหนีตายออกไปตั้งแต่วันที่ 16 พ.ค. ไม่ได้นำของมีค่าออกไปด้วย เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้ สูญหายหมดแม้จะไม่ถูกไฟไหม้ 

“เงินในตู้กดน้ำหยดเหรียญที่ไม่ได้เปิดมานานเพราะมีธุรกิจเรื่องจัดการงานศพก็หายไปหมด ปกติเปิดเดือนๆหนึ่งจะได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 – 2,500 บาท แต่นี้ไม่ได้เปิดมาประมาณ 3 เดือนเงินน่าจะไม่น้อยก็หายหมด  เครื่องคอมพิวเตอร์ในร้านอีก 6-7 เครื่องก็หายหมด ทำให้เดือดร้อนมากอยากให้รัฐบาลมาช่วยรับผิดชอบด้วย เพราะคิดว่าถ้ารัฐไม่ประกาศเคอร์ฟิว ไม่เข้าเคลียร์พื้นที่จนบ้านดิฉันกลายเป็นจุดปะทะสำคัญอาจจะไม่เกิดเสียหายขนาดนี้ก้เป็นได้ “ ร.ศ.นุชทิพย์กล่าว

ส่วนนายกษิดิศ อนุเคาระห์ เจ้าของร้านนวดกองทองและร้านกาแฟคอฟฟี่ พีค เล่าว่า ร้านถูกเผาถูกงัดเสียหายทั้ง 2 คูหา พนักงานอีก 5-6 คนก็ตกงานไม่มีรายได้ใดๆเข้ามาเลย อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ติดตามข่าวสารทุกทางเพื่อจะได้ไปขึ้นทะเบียนอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตามสถานการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น แม้จะเยียวยาได้ทางวัตถุแต่ทางด้านจิตใจคงต้องเยียวยากันอีกนาน

ที่น่าเจ็บใจก็คือคนไทยทำไมต้องปล้นคนไทยด้วยกันเอง !!