posttoday

ก้างตำคอยิ่งลักษณ์

17 เมษายน 2557

รัฐบาลกำลังแพ้ทางยุทธศาสตร์ทั้งคดีแบ่งแยกดินแดน คดีจัดตั้งกองกำลังของตนเอง มาเพิ่มคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้าอีก

โดย...ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู็อำนวยการ สำนักข่าวกรองแห่งชาติ

รัฐบาลยิ่งลักษณ์เมื่อถึงเวลาเพลี่ยงพล้ำ ทำอะไรดูเหมือนว่าจะผิดพลาดไปเสียหมดบางทีตัวเองไม่ได้ทำ แต่ลูกน้องทำให้นายเดือดร้อนก็มี เช่น ขอแยกดินแดนออกไปปกครองตนเองบ้าง ตั้งกองกำลังติดอาวุธของตนเองเพื่อต่อสู้กับทหารบ้าง จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์บ้าง เหมือนกับทอดปลาที่มีก้างแยะให้คุณยิ่งลักษณ์กินจนก้างติดคอ เวลานี้ มีก้างใหญ่เพิ่มเข้าไปอีก 3 อันตำคอคุณยิ่งลักษณ์อยู่ กลืนก็ไม่เข้า คายก็ไม่ออก คิดดูก็แล้วกันคนที่มีก้างตำคอมันทรมานแค่ไหน 3 ก้างที่ว่านี้ คือ

1.กรณี นายวุฒิพงษ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ แกนนำเสื้อแดงปทุมธานีเจ้าของวิทยุเสื้อแดงที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว Vicenews ประเทศแคนาดา ภายใต้หัวข้อเรื่อง Bangkok Rising : Is Thailand on the brink of civil war? ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์เลย แต่นายวุฒิพงษ์ก็ยังดึงเอาสถาบันสูงสุดเข้ามาพัวพันจนได้ โดยตั้งใจพูดจาจาบจ้วงล่วงละเมิด ดูหมิ่น ท้าทาย คุกคาม สถาบันสูงสุดอย่างชัดเจนโดยไม่ต้องตีความแต่อย่างใด พร้อมหลักฐานเป็นคลิปวิดีโอมีทั้งภาพและเสียง ทำให้รัฐบาลต้องจำใจออกคำสั่งให้ตำรวจจับกุมตัว แต่คงมีใครกระซิบบอกให้นายวุฒิพงษ์หนีออกนอกประเทศไปเรียบร้อยแล้ว รัฐบาลและตำรวจใหญ่ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากตัดหางปล่อยวัดเพราะความผิดที่นายวุฒิพงษ์กระทำนั้นชัดเจนจนยากที่จะช่วยได้ นายวุฒิพงษ์ต้องเสียสละเพื่อให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอยู่รอด

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่นายวุฒิพงษ์พูดจาจาบจ้วง เสียดสี กระทบกระแทกสถาบันสูงสุด เป็นประจำจนเป็นที่รู้กันดี ตำรวจควรย้อนไปตรวจสอบคลิปคำปราศรัยของนายวุฒิพงษ์ ที่อนุสาวรีย์ปราบกบฏเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2556 ที่อนุสรณ์สถานเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2556 และ วันที่ 8-9 มี.ค. 2557 และที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 26-28 พ.ย. 2556 ด้วย นายวุฒิพงษ์อยู่ในกลุ่มคนที่มีพฤติการณ์คล้ายๆ กัน อาทิ นายพฤกษ์ พฤกษ์สุนันท์ “ลุงยิ้ม ตาสว่าง” นายชูพงษ์ ถี่ถ้วน หรือ “ชูพงษ์ เปลี่ยนระบอบ” ซึ่งหนีไปอยู่อเมริกาเรียบร้อยแล้ว “นายเพียงดิน รักไทย” นปช.ยูเอสเอ “นายสุรชัย แซ่ด่าน” หรือด่านวัฒนานุสรณ์ ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษไปแล้ว เป็นต้น

การที่นายวุฒิพงษ์ให้สัมภาษณ์ที่แสดงความน้อยเนื้อต่ำใจว่า “ตนเองได้ทำเพื่อรัฐบาลตลอดมา แต่พอเสร็จนาก็ฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ทำให้รัฐบาลคงพูดอะไรไม่ออก นายตำรวจใหญ่ก็พูดไม่ออก นอกจากพูดแก้เกี้ยวให้มามอบตัวแต่โดยดี ส่วนนักการเมืองใหญ่ภาคเหนือคงไม่สะดวกที่จะให้ความคุ้มครองนายวุฒิพงษ์อีกต่อไป ยกเว้นว่าจะส่งออกไปหลบภัยนอกประเทศ ดังนั้น หากตำรวจจับตัวนายวุฒิพงษ์ได้ ก็อย่าลืมสอบต่อถึงผู้ให้ที่พักพิงหรือให้ความช่วยเหลือด้วย

2.กรณี นายเอกภพ เหลือรา หรือ ตั้ง อาชีวะ ที่ขึ้นกล่าวบนเวทีเล็กและเวทีใหญ่สนามราชมังคลากีฬาสถานในวันที่ 29 และ 30 พ.ย. 2556 โดยมีหลักฐานเป็นคลิปภาพและเสียงมัดตัวอย่างดิ้นไม่หลุด หลังจากศาลออกหมายจับจนถึงขณะนี้เวลาผ่านไปสองเดือนกว่าแล้ว ตำรวจก็ยังจับนายเอกภพไม่ได้ ซ้ำยังโดนนายเอกภพโพสต์ภาพและข้อความเยาะเย้ยตำรวจเสียอีกทำนองว่าไม่มีน้ำยามาจับกุมตน มีข่าวว่า มีคนนอกเครื่องแบบให้ความคุ้มครองนายเอกภพอยู่ หลังจากถูกกดดันอย่างมาก เชื่อว่า นายเอกภพน่าจะถูกส่งไปอยู่เขมรแล้ว เพราะไอดอลของเขาคือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ต้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ก็อยู่ที่เขมรโดยมีเจ้าหน้าที่เขมรให้ความคุ้มครองเป็นอย่างดี

สังคมกำลังตั้งคำถามว่า ตำรวจจะทำอย่างไรกับรัฐมนตรีมหาดไทย รัฐมนตรีศึกษาธิการรัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมทั้งอดีต สส.และแกนนำมวลชนพรรคเพื่อไทยที่อยู่ในที่เกิดเหตุที่มีคนพูดจากหมิ่นพระบรมเดชานุภาพซึ่งผิดมาตรา 112 กฎหมายอาญา นอกจากไม่ห้ามปรามแล้ว ยังมีท่าทีชอบอกชอบใจกับสิ่งที่นายเอกภพพูดจาหมิ่นประมาทสถาบันสูงสุดด้วย ซ้ำยังมีการตบรางวัลด้วยซองขาวที่ข่าวบอกว่าเป็นจำนวนเงิน 5 หลักอีกด้วย รัฐบาลต้องตอบประชาชนในเรื่องนี้ด้วย

3.กรณีที่ผู้แสดงละครในหอประชุมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เมื่อคืนวันที่ 6 ต.ค. และ 13 ต.ค. 2556 เนื่องในวันครบรอบเดือนตุลาวิปโยค มีการพูดจาจาบจ้วง ล่วงละเมิด หมิ่นประมาทอย่างชัดเจนโดยมีหลักฐานเป็นทั้งคลิปภาพและเสียง 5 เดือนกว่าผ่านไปแล้ว ตำรวจยังไม่ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ทั้งที่มีประชาชนสอบถามอย่างมากมาย

คดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นคดีความมั่นคง ที่ตำรวจสามารถดำเนินการได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ใครมาฟ้องร้อง หากตำรวจจับกุมผู้กระทำผิดทั้งสามคดีใหญ่นี้ไม่ได้ ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะส่งผลเสียต่อรัฐบาลโดยตรงเพราะรัฐบาลต้องเป็นผู้รับผิดชอบในที่สุด สังคมก็จะสรุปว่า รัฐบาล ตำรวจ และผู้จาบจ้วงสถาบันสูงสุดเป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อนั้น รัฐบาลจะหนีคำครหาที่สังคมสงสัยกันมานานไม่ได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ ซึ่งสืบต่อจากรัฐบาลทักษิณที่เคยมีคดีหมิ่นฯ มาแล้วมากมาย สนับสนุนให้มีการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ และให้ความคุ้มครองคนในสังกัดตนที่จาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวกันทั่วไปว่า คนที่จาบจ้วงดูหมิ่นสถาบันสูงสุดนั้น ส่วนใหญ่หรือทั้งหมดอยู่ในแวดวงรัฐบาล หรือเป็นคนเสื้อแดง ซึ่งไม่ได้หมายความว่าคนเสื้อแดงทุกคนหมิ่นในหลวง แต่คนที่หมิ่นในหลวงทุกคนเป็นคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาล

รัฐบาลกำลังแพ้ทางยุทธศาสตร์ทั้งคดีแบ่งแยกดินแดน คดีจัดตั้งกองกำลังของตนเอง มาเพิ่มคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเข้าอีก พอเจอคำตัดสินจากศาลรัฐธรรมนูญอีกครั้ง ก็เท่ากับถูกประหารทันที