posttoday

"อีฟ-ตั้น"คู่เลิฟคู่ลุยสลับบู๊-บุ๋น

02 มีนาคม 2557

"อีฟ-ตั้น" ถอดหัวโขนนักการเมืองและผู้บริหารชั่วคราว ก้าวสู่การเป็นแกนนำมวลมหาประชาชนประท้วงต่อต้านรัฐบาล

เรื่อง...ชุษณ์วัฏ ตันวานิช/ภาพ... ภัทรชัย ปรีชาพานิช          

เป็น "คู่รัก" เซเลบที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดี บนถนนสายการเมือง "ตั้น" ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ กรุยเส้นทางสายธุรกิจก่อนตัดสินใจลงสนามเลือกตั้งเป็น สส.กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ ขณะที่ "อีฟ" ทยา ทีปสุวรรณ เคยสวมบทบาทรองผู้ว่าฯ กทม. คุมด้านการศึกษา ท่องเที่ยว และกีฬา ปัจจุบันนั่งเก้าอี้ผู้บริหารโรงเรียนศรีวิกรม์         

เมื่อการเมืองไทยถึงจุดวิกฤตเปลี่ยนฉากชีวิต ของทั้งคู่จากรัฐสภาและห้องออฟฟิศกลายเป็นท้องถนนสุขุมวิท "อีฟ-ตั้น" ถอดหัวโขนนักการเมืองและผู้บริหารชั่วคราว ก้าวสู่การเป็นแกนนำมวลมหาประชาชนประท้วงต่อต้านรัฐบาล ขึ้นเวทีปราศรัย ค่ำแล้วคืนเล่า เคล้ากับ การเคลื่อนขบวนทั่วกรุงไม่มีหยุดหย่อน และกับข่าวที่สร้างความฮือฮอาครั้งล่าสุดกับการเป่านกหวีดใส่ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท

ไม่ว่าการชุมนุมจะยืดเยื้อยาวนาสักเท่าไหร่ แต่คู่รักกลางสนามรบบ่ยั่น พร้อมเดินหน้าฝ่าฟันทุกอุปสรรคด้วยลีลาขาลุยทั้งสามี-ศรีภรรยา       

"อีฟ-ตั้น"คู่เลิฟคู่ลุยสลับบู๊-บุ๋น

อีฟ ดุ แกร่ง แรง เด็ดเดี่ยว          

ณัฏฐพลกล่าวถึง ทยา ว่า การชุมนุมที่ผ่านมา อีฟจะเป็นคนที่มี ความคล่องตัวหลายๆ รูปแบบ เคยมีครั้งหนึ่ง ในช่วงที่ผมป่วยไม่สบาย ไม่สามารถออกมานำ ในช่วงที่ผมป่วยไม่สบาย ไม่สามารถออกมานำ กิจกรรมที่เวทีอโศกได้ เขาก็จะออกมาทำหน้าที่แทน รับงานอะไรไป เขาสามารถประสานได้หมดเชื่อมได้ในทันที อีฟเขาจะมีลักษณะพิเศษที่สามารถ พูดและปราศรัยต่อคนได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วมีมุขเฉพาะตัวการทำหน้าที่ของเขาก็เป็นที่ชื่นชอบของหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงจะติดตามชื่นชอบเขาเยอะ โดยเฉพาะความเป็นผู้หญิงแกร่ง ซึ่งเขาเป็นคนแกร่งจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตในเวลาว่าง หรือกิจกรรมของเขา          

โดยรวมแล้วเราจะมีอุดมการณ์เดียวกัน แต่ จะแสดงออกต่างกัน อย่างผมเวลาหากเกิดอะไรขึ้น อาจจะรักษาระยะห่างไว้ที่จะไปเอาเรื่องเพราะความเป็นนักการเมืองที่บางครั้งต้องถอยออกมาใช้ระยะเวลาในการพิจารณา คิดวิเคราะห์มากหน่อย แต่บุคลิกของอีฟเขาจะเป็นคนตรง แรง แสดงอารมณ์ตรงไปตรงมา เป็นคนแกร่งชนิดที่ว่า ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นเรียกแขกเยอะ (หัวเราะ) แต่ เป็นบุคลิกบาลานซ์กันแล้วลงตัว เพราะบางครั้งเราสองคนอาจมีความบู๊คนละแบบ บู๊คนละจังหวะ ทำให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้          

ยิ่งเวลาเลี้ยงลูกเราสองคนเหมือนกับผสมผสานกันได้ดี อีฟจะดุ และเข้มงวดหน่อยตามสไตล์ เขา เวลามีปัญหาอะไรเขาจะเรียกลูกคุยทันที สำหรับ ผมถ้าเห็นว่ามีปัญหา ผมจะดูก่อนว่าเหตุของปัญหา คืออะไร อาจจะอ้อมตะล่อมถามหรือถามคนข้างเคียงก่อนเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบถ้วนแล้วก็จะเล่น เหมือนเป็นเพื่อนกับลูกไปด้วยทำให้เขารู้สึกว่าเมื่อกดดันจากการเข้มงวดของแม่ เขาจะกลับมาหา พ่อได้โดยที่ทั้งอีฟกับผมเราคุยกันว่าถ้าคนหนึ่ง เป็นไม้แข็ง คนหนึ่งจะเป็นไม้อ่อน แต่เราสองคน วางไว้แล้วว่าเรากำลังสอนลูกมุ่งไปสู่จุดนี้นะ บางครั้งเราอาจจะสลับบทบาทกัน แล้วแต่สถานการณ์ที่ต้องการสอนลูกระยะหลังแม้เราทั้งคู่ต้องออก มาต่อสู้ทางการเมือง ไม่มีเวลาเยอะเหมือนแต่ก่อน แต่เรายิ่งประทับใจ เพราะแม้เขาจะออกมาร่วมยืนเคียงข้างเวทีนี้ มีเวลาน้อยลง แต่เขายังสามารถบาลานซ์รักษาระดับการดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี          

ที่ผมประทับใจเขามากครั้งหนึ่ง คือ ตอนที่เรากังวลเรื่องการเปิดบัญชีครัวราชดำเนินรับบริจาคเงิน แต่ชื่อแกนนำทุกคนโดนอายัดเงินหมดผมก็ นั่งคิดอยู่นานว่าจะเปิดบัญชีอย่างไร เพราะต้องสร้างความมั่นใจให้พี่น้องประชาชนที่บริจาคด้วย ผมก็นึกถึงอีฟขึ้นมา เพราะเขาอยู่ในแวดวงแกนนำอยู่แล้ว และเป็นคนน่าเชื่อถือการทำงานที่ผ่านมาไม่มีประวัติด่างพร้อยก็โทรไป ตอนนั้นอีฟกำลังเดินกับลุงกำนันที่ฝั่งธนฯ ก็ถามเขาว่า ถ้าจะให้เขามาเปิดบัญชีจะโอเคไหม แต่เราต้องรับความเสี่ยงว่าถ้าเปิดบัญชีชื่อเขารัฐบาลอาจจะอายัดเงินบัญชีส่วนตัวของเขาด้วย การใช้เงินต่างๆ จะไม่สะดวก รวมถึงเรื่องจ่ายค่าเล่าเรียนลูกด้วยเพราะชื่อผมถูกอายัดแล้ว หากใช้ชื่อเขาด้วยจะเสี่ยงทำให้บัญชีส่วนตัวของเราทั้งคู่โดนอายัดหมด เพราะบัญชีของเราไม่มีบัญชีสองบัญชีสาม          

เราก็บอกเขาไป เขาก็ตอบมาทันทีโดยไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าทำเพื่อชาติไอ้เรื่องอื่นๆไว้ทีหลัง เราสามารถบริหารจัดการได้ เขาก็ยอมแล้วรีบนั่งมอเตอร์ไซค์มาเปิดให้เลย เราก็ยอมรับและประทับใจในความเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ และการตัดสินใจของเขา"      

"อีฟ-ตั้น"คู่เลิฟคู่ลุยสลับบู๊-บุ๋น

ตั้น มือประสานสิบทิศ นักคิดมากกว่านักพูด         

ทยากล่าวถึง ณัฏฐพล ว่า ถ้าจะเดินไปข้างหน้า พี่ตั้นเป็นคนที่หากตัดสินใจที่จะเดินแล้ว เขาจะเกินร้อย ทำงานจริงจังแล้วเขาใส่เกียร์ห้าเลย ไม่มีเกียร์หนึ่ง เกียร์สอง คือลุยไปเต็มที่ จะไม่สนใจเรื่องของตัวเอง เขาจะลุยไปข้างหน้าแล้วมุ่งมั่นทุ่มเททำเรื่องส่วนรวมอย่างเดียว นั่นคือจุดดีของเขา แล้วพี่ตั้นเขาจะเป็นนักคิดมากกว่านักพูด เขาจะคิดแผนการ วางแผนตั้งแต่ระดับข้างบนไปจนถึงการทำกิจกรรมระดับข้างล่าง อย่างการเคลียร์พื้นที่อะไรทุกอย่าง เขาไปถึงหมด จุดเด่นของเขาคือเขาสามารถคุยกับผู้บริหารก็ได้ คุยกับผู้ใหญ่ก็ได้ แล้วก็คุยประสานกับลูกน้อง คุยกับคนที่เป็นมวลมหาประชาชนทั่วไปได้หมด คุยได้กับทุกกลุ่ม          

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขามาบอกกับเราว่าอาจจะต้องมีภารกิจสำคัญ และเป็นภารกิจที่มีความเสี่ยงและใหญ่มากสำหรับชีวิต เขาถามเราว่าโอเคไหมสำหรับครอบครัวที่อาจจะต้องไปเสี่ยงตรงนี้ พอได้คุยรายละเอียดเราก็ตกใจนิดหนึ่งว่าความเสี่ยงมันถึงขนาดไหน ทั้งความเสี่ยงโดนข้อหากบฏ รวมถึงความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยในฐานะที่เป็น ภรรยาแน่นอนว่าก็เป็นห่วงสามี แต่เราเองก็ทำงานการเมืองมามีอุดมการณ์เดียวกัน มีเป้าหมายที่ชัดเจน ถึงจะรู้สึกว่า เฮ้ย มันก็เสี่ยง แต่เราก็รู้ว่ายังไงพี่ตั้นเขาก็ต้องทำ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงประเทศครั้งยิ่งใหญ่ พี่ตั้นเขามองข้ามเรื่องตัวเองเรื่องครอบครัวแล้วมองไปข้างหน้าในเรื่องระดับชาติ เรารู้เลยว่าคงห้ามเขาไม่ได้หรอก ยังไงเขาก็ต้องทำอยู่ดี เรารู้เพราะเราเป็นคนคล้ายๆ กัน คือทำอะไรแล้วเราก็ลุยเต็มที่          

พอออกมาต่อสู้ข้างนอก เขาก็มีให้ กำลังใจบ้าง อยู่บนรถแห่ เขาก็จะหาอาหารมาให้ เดินแวบไปหาอะไรกินด้วยกัน ทำงานแต่ละวันใช้พลังเยอะอยู่แล้ว จนไม่มีเวลาทะเลาะกันเลย (หัวเราะ)ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่แม้หลายคนอาจจะบอกว่าเหนื่อยยากแต่มันก็เป็นช่วงเวลาดีๆ ช่วงหนึ่งที่เราได้ทำ อะไรครั้งใหญ่ร่วมกัน เหตุการณ์ที่แบบประทับใจมาก คือความทุ่มเทอะไรครั้งใหญ่ร่วมกัน เหตุการณ์ที่แบบประทับใจมาก คือความทุ่มเทของพี่ตั้นที่บางครั้งเราประทับใจจนเป็นห่วงเขา อย่างวันปีใหม่เคาต์ดาวน์ มีกิจกรรมบนเวที เขา ก็รู้ว่าเรากำลังสนุกอยู่ เฮฮา ออกไป เต้นกับคน เขาก็ถามว่าเราจะกลับ แล้วยัง เราก็บอกยังไม่กลับ ขออยู่กับคนก่อน เพราะเราต้องช่วยดูแล คิวและศิลปินที่เราเชิญมาด้วย          

เราก็บอก เฮ้ย พี่ตั้น เดี๋ยวอีฟ ยังกลับไม่ได้นะเพราะต้องเคลียร์ค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ศิลปินด้วย ก็เลย บอกว่าให้เขากลับไปก่อน เขาก็ บอกว่า ไม่เอา ไม่กลับ จะอยู่เป็น เพื่อนแต่จริงๆ ตัวเขาไม่สบายแล้ว แต่เขายังบอกว่าจะอยู่เป็นเพื่อนไม่อยากให้เรากลับเองดึกๆ คนเดียว เราก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาก็ไปนอนหลับคา เวที น้ำค้างลงอยู่จนถึงประมาณตีสี่ พอขึ้นรถปุ่บ เขาก็น็อกไปเลย รีบพาส่ง ห้องฉุกเฉิน ปรากฏว่าเป็นปอดติดเชื้อ รุนแรง ต้องนอนโรงพยาบาล 1 อาทิตย์ เต็มๆ เราก็รู้สึกผิดว่าเราเอาแต่ไฮเปอร์อยู่ แต่จริงๆ ควรให้เขาพักบ้าง คือพี่ตั้นจะคน เป็นแบบนี้ ขนาดเขาไม่สบายเขาก็ยังเป็นห่วง เรา เราประทับใจความเป็นเขาตรงนี้"

"ความเป็นนักการเมืองที่บางครั้งต้องถอยออกมาใช้ระยะเวลาในการพิจารณา คิดวิเคราะห์มากหน่อยแต่บุคลิกของอีฟเขาจะเป็นคนตรง แรง แสดงอารมณ์ตรงไปตรงมาเป็นคนแกร่งชนิดที่ว่าไม่ค่อยเหมือนคนอื่นแต่เป็นบุคลิกบาลานซ์กันแล้วลงตัว เพราะบางครั้งเราสองคนอาจมีความบู๊คนละแบบ บู๊คนละจังหวะทาให้เราสามารถอยู่ด้วยกันได้"

"อีฟ-ตั้น"คู่เลิฟคู่ลุยสลับบู๊-บุ๋น