posttoday

เบื้องหลังผ่านฟ้าเลือด"หน่วยลับ"ปะทะตำรวจ

20 กุมภาพันธ์ 2557

ระหว่างปฏิบัติการได้มีการ ปะทะกันอย่างดุเดือด ระหว่าง หน่วยอรินทราช 26 กับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

“ผมบอกแล้วให้ถอนออกมา เอาแค่เปิดการจราจรจากถนนหลานหลวงให้รถสามารถตรงมาที่ราชดำเนินกลางได้พอแล้ว แล้วให้เจรจากดดันกลุ่มผู้ชุมนุมไปเรื่อยๆ” บิ๊กสีกากี ในวอร์รูม ศรส. พูดก่อนที่จะเกิดเหตุระเบิดที่สะพานผ่านฟ้า จนเป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายนาย

การระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 2.5 หมื่นนาย เข้าขอคืนพื้นที่เพื่อเปิดการจราจรตามแผนคืนความสงบสุขให้กับคนกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 18 ก.พ. ของ ศรส. ที่ได้มีวางแผนไว้อย่างรัดกุมแล้ว แต่กลับมีช่องโหว่ในขั้นตอนการปฏิบัติการ

เริ่มจากงานการข่าวสืบทราบมาว่ามี กองกำลังติดอาวุธไม่ทราบฝ่าย แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม โดยมีการ ลำเลียงอาวุธหนักมาทางรถไฟ แล้วนำมาพักไว้ที่บ้านพักในชุมชนแห่งหนึ่งติดทางรถไฟด้านหลังกระทรวงพลังงาน

อีกสายหนึ่งมีข้อมูลว่า กองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ ลำเลียงอาวุธหนักมาทางเรือ ก่อนจะนำพักไว้ที่มหาชัย จากนั้นได้นำอาวุธเข้ามาในพื้นที่ชุมนุมผ่านทาง คลองผดุงกรุงเกษม โดยลำเลียงออกมาทางซอยวัดปรินายก ก่อนจะกระจายให้กับกองกำลังไม่ทราบฝ่าย

ปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ 5 จุด ตามแผนของ ศรส. เปิดฉากขึ้นที่บริเวณด้านหน้าสำนักงานใหญ่ ปตท. ถนนวิภาวดีรังสิตและพื้นที่ใกล้เคียง ตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อเข้ายึดอาวุธหนักตามข้อมูลของสายข่าว แต่กลับต้องจั่วลมเพราะกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ลำเลียงอาวุธออกไปตั้งแต่เวลา 03.00 น.ของวันที่ 18 ก.พ.

เบื้องหลังผ่านฟ้าเลือด"หน่วยลับ"ปะทะตำรวจ

เมื่อมีความชัดเจนว่า อาวุธหนักได้ถูกลำเลียงเข้าพื้นที่แล้ว ศรส.จึงได้จัดกำลังตำรวจออกเป็น 2 ชุดหลักๆ ชุดแรกคือ ตำรวจปราบจลาจล (ปจ.) ทำหน้าเจรจาและผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อเปิดการจราจร กำลังตำรวจชุดนี้จะมีโล่ กระบองและปืนยิงกระสุนยาง ห้ามพกอาวุธอื่น

ชุดที่ 2 คือ ชุดปฏิบัติการพิเศษ(ปพ.) มีทั้ง อรินทราช 26 สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล และ นเรศวร 261 สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เพื่อคุ้มกันชุดปราบจลาจล และ ตอบโต้กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

เมื่อถึงเวลานัดหมายชุดปราบจลาจลจากตำรวจภูธร ภาค 2 เข้าประจำการ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ภายใต้การนำของ พล.ต.ท.กวี สุภานันท์ ผบช.ภ.2 ได้เริ่มปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณถนนราชดำเนินกลาง และผลักดันกลุ่มผู้ชุมนุมจนถอยร่นไปถึงสะพานผ่านฟ้าฯ

ช่วงเวลาเดียวกันนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษก็สามารถ ดักฟังการสั่งการ ผ่านระบบวิทยุสื่อสารของกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้ โดยเสียงที่ดักฟังได้นั้นมีคุณภาพของเสียงที่คมชัด นั่นก็หมายความว่าต้องเป็นการส่งผ่านเครื่องส่งวิทยุขนาดใหญ่ ไม่ใช่วิทยุสื่อสารแบบพกติดตัว

ที่น่าสังเกตก็คือ ผู้สั่งการปริศนา รู้ความเคลื่อนไหวและจุดวางกำลังของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดที่ตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ ตั้งแต่บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ และตลอดแนวโดยรอบพื้นที่การชุมนุมเรื่อยไปจนถึงบริเวณหน้าวังสราญรมย์ ไปจนถึงบริเวณด้านข้างกระทรวงกลาโหม

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อตำรวจมีการปรับกำลังหรือเคลื่อนย้ายกำลัง ผู้สั่งการปริศนา ก็จะแจ้งผ่านวิทยุสื่อสารให้กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่แฝงตัวอยู่ในทุกพื้นที่รับทราบความเคลื่อนไหวของตำรวจ แบบนาทีต่อนาที

ย้อนกลับไปในห้วงเวลาการเผชิญหน้าระหว่าง ชุดปราบจลาจลของตำรวจภูธร ภาค 2 กับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เริ่มลุยรื้อบังเกอร์และเต็นท์ของกองทัพธรรม

ช่วงเวลาเดียวกันนั้น ผู้สั่งการปริศนา ก็ได้สั่งให้ ชุดปืนเล็ก และ ชุดปืนยาว เข้าประจำจุด เพื่อคุ้มครองกองทัพธรรมที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ

หลังประเมินสถานการณ์แล้ว บิ๊กสีกากี เห็นท่าไม่ดีจึงสั่งให้ ชุดปราบจลาจลของตำรวจภูธรภาค 2 ถอนออกจากบริเวณสะพานผ่านฟ้าฯ แต่ไม่ทันการณ์

ส.ต.ต.ศราวุธ ชัยปัญหา สภ.บางละมุง ถูกยิงเข้าที่หน้าผากกระสุนทะลุกะโหลก ล่าสุดยังมีชีวิตอยู่ แต่อาการอยู่ในขั้นวิกฤต โดยทิศทางของกระสุนพุ่งตรงมาจากฝั่งกลุ่มผู้ชุมนุม

จากนั้น ระเบิดลึกลับ ก็ได้ตกเข้าใส่ตำรวจจนล้มระเนระนาด แตกกระเจิงไปกันคนละทิศคนละทาง ตามมาด้วย กระสุนปริศนา ที่ถูกยิงเข้ามาบริเวณรถควบคุมผู้ต้องขัง จนตำรวจที่เฝ้ารถอยู่ต้องหาที่หลบกันจ้าละหวั่น ก่อนจะมีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้ามาชิงตัว สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำ กปท. ออกไป

ชุดปราบจลาจลต้องถอยร่นอย่างไม่เป็นกระบวนมาจนถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพราะมีการระดมยิงเข้าใส่ตำรวจมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตรงจุดนี้ ด.ต.เพียรชัย ภารวัตร ผบ.หมู่ ป. สภ.บางละมุง ได้กระโดดหนีขึ้นรถกระบะ ก่อนจะถูกกองกำลังไม่ทราบฝ่าย ระดมยิงเข้าใส่กระสุนเจาะเข้าที่ใต้ราวนมซ้าย เสียชีวิตอยู่บนกระบะหลัง

เบื้องหลังผ่านฟ้าเลือด"หน่วยลับ"ปะทะตำรวจ

พล.ต.ท.กวี ในฐานะ ผบ.เหตุการณ์ ได้พยายามติดต่อ ขอกำลังเสริม แต่เนื่องจากชุดปฏิบัติการพิเศษ อรินทราช 26 ปักหลักอยู่ที่ บชน. กว่าจะเดินทางมาถึงก็ร่วม 10 นาที ช่วงเวลานั้นจึงได้ เกิดการยิงตอบโต้กันไปมา

ในช่วงที่ชุดปฏิบัติการพิเศษเคลื่อนมาจาก บช.น. เพื่อมาช่วยชุดปราบจลาจลที่ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณสะพานผ่านฟ้านั้น ผู้สั่งการปริศนา ก็ได้รายงานผ่านวิทยุสื่อสารให้ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย รู้การเคลื่อนไหวตลอด

พร้อมกับสั่งให้กองกำลังไม่ทราบฝ่ายอีกชุดหนึ่ง เข้าประจำการบริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์บริเวณหัวมุมสนามหลวง

เมื่อหน่วยอรินทราช 26 เข้ามาถึงพื้นที่ ก็ได้เริ่มปฏิบัติการเข้าช่วยเหลือชุดปราบจลาจลออกมา โดยในระหว่างปฏิบัติการได้มีการ ปะทะกันอย่างดุเดือด ระหว่าง หน่วยอรินทราช 26 กับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย

เหตุการณ์ชุลมุนในช่วงนี้เอง ที่ทำให้ ผู้ชุมนุมเสียชีวิต 4 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 50 ราย   

จากนั้นหน่วยอรินทราช 26 ก็ได้เข้าควบคุมพื้นที่และลำเลียงตำรวจปราบจลาจลที่ได้รับบาดเจ็บออกมาตามถนนราชดำเนินกลาง จนกระทั่งมาถึงบริเวณหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ก็ได้ยิงปะทะกับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ที่ดักรออยู่

ระหว่างนั้นชุดปฏิบัติการพิเศษอีกชุดหนึ่ง ก็ได้เคลื่อนกำลังเข้ามาจากเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า เพื่อช่วยเหลือหน่วยอรินทราช 26 ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ผู้สั่งการปริศนา ก็ได้วิทยุแจ้งกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่ซุ่มอยู่บริเวณโรงแรมรัตนโกสินทร์ ให้ถอนกำลังออกมา

เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งหมดจึงหนีรอดออกมาได้อย่างทุลักทุเล

หลังสถานการณ์คลี่คลาย ศรส.ก็ได้มีคำสั่งเด็ดขาด ให้ยุติปฏิบัติการทั้ง 5 จุดทันที และสั่งให้ถอนกำลังตำรวจทั้งหมดออกจากพื้นที่ เพราะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้วว่า กองกำลังไม่ทราบฝ่าย มีประสิทธิภาพเหนือกว่าตำรวจมาก หากยังดึงดันปฏิบัติการขอคืนพื้นที่ต่อไป ก็จะเกิดการสูญเสียมากกว่านี้หลายเท่า

ที่สำคัญหลังมีการเปิดฉากปะทะกันอย่างดุเดือดระหว่าง ตำรวจ กับ กองกำลังไม่ทราบฝ่าย ท่ามกลางมวลชนจำนวนมาก ก็ได้มีสายตรงจาก บิ๊กสีเข้ม ยกหูมาถึง บิ๊กสีกากี พร้อมกับให้คำแนะนำว่า

“คุณไม่มีทางเอาชนะม็อบที่มีประชาชนอยู่แถวหน้า โดยมีกองกำลังติดอาวุธแฝงตัวอยู่ได้หรอก นอกจากจะทำเหมือนปฏิบัติการกระชับพื้นที่ในปี 2553 ซึ่งในที่สุดเจ้าหน้าที่ก็จะต้องตกเป็นจำเลย”

ข้อความดังกล่าวได้ถูกสื่อสารไปถึง บิ๊ก ศรส. และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

ทั้งสองเห็นตรงกันว่าควร ยุติปฏิบัติการขอคืนพื้นที่อย่างถาวร

เบื้องหลังผ่านฟ้าเลือด"หน่วยลับ"ปะทะตำรวจ