posttoday

แนะนายกฯยุบสภา"ถอดปลั๊ก"ปัญหา

02 ธันวาคม 2556

"สมศักดิ์ เทพสุทิน" แกนนำกลุ่มมัชฌิมา แนะนายกฯตัดสินใจยุบสภา เพื่อถอดปลั๊กของปัญหาออกไปจากบ้านเมือง

"สมศักดิ์ เทพสุทิน" แกนนำกลุ่มมัชฌิมา แนะนายกฯตัดสินใจยุบสภา เพื่อถอดปลั๊กของปัญหาออกไปจากบ้านเมือง

สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่คุกรุ่น รุนแรงจนกลายเป็นสงครามทางการเมืองในขณะนี้ ได้ขยายวงกว้างออกไปในทุกอณูของประเทศจนหาทางออกไม่เจอ

หลายคนตั้งคำถามว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะมีทางออกอย่างไร ในเมื่อฝ่ายการเมือง แกนนำรัฐบาลไม่ได้เสนอทางออกให้กับประเทศเพื่อนำพาให้พ้นจากวังวนความขัดแย้งจนกลายเป็นสงครามทางการเมือง

สมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองลายครามจากจังหวัดสุโขทัย แกนนำกลุ่มมัชฌิมา แห่งพรรคภูมิใจไทย เสนอทางออกว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้รัฐบาลในฐานะที่เป็นผู้บริหารประเทศ เป็นผู้กุมอำนาจรัฐจะต้องทอดสะพานออกไปในการหาทางออกให้กับประเทศ

“ไม่ว่าแกนนำประชาชน คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะประกาศชัดว่าจะไม่มีการเจรจา จะไม่มีการหรือกับรัฐบาล แต่ในฐานะที่รัฐบาลเป็นฝ่ายบริหารจะต้องเป็นผู้ที่จะต้องหาทางสร้างความสงบ สันติ ให้เกิดขึ้นกับประเทศ จะต้องเป็นผู้หาช่องในการหาทางออกให้กับประเทศ ไม่เช่นนั้นความเสียหายจะเกิดขึ้นกับสังคมประเทศไทยอย่างกว้างขวางหนักไปกว่าที่เป็นอยู่”

สมศักดิ์เสนอว่า ในความเห็นส่วนตัวนั้น ฝ่ายบริหาร ผู้นำรัฐบาล นายกรัฐมนตรีจะต้องหาช่องทางที่จะนำไปสู่การเจรจาเพื่อหาข้อยุติที่เป็นทางออกของประเทศ

นายกรัฐมนตรีจะต้องกล้าทอดสะพานลงไป เพื่อนำพาประเทศให้อยู่รอด เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้มีการยึดสถานที่ราชการ มีการชุมนุมที่อาจจะก่อให้เกิดเหตุรุนแรงตลอดเวลา เพราะมีการปะทะกับมวลชน

“ผมเห็นว่าในเวลานี้นายกรัฐมนตรีจะต้องกล้าที่จะประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อให้ตัดสินชะตากรรมของประเทศ ให้คนทั้งประเทศเป็นผู้พิจารณาตัดสิน จะมาบอกว่ารัฐบาลมาจากเสียงส่วนใหญ่ที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้แล้ว เพราะอำนาจในการบริหารกำลังถูกบั่นทอนทำลายอย่างรุนแรงชนิดไม่เคยมีมาก่อน”

แต่ก่อนจะประกาศยุบสภา นายกรัฐมนตรีจะตั้งมีการตั้งโต๊ะหารือกับผู้นำทางความรู้ ผู้นำองค์กรต่างๆ และใช้อำนาจในการบริหารตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศขึ้นมา 1 ชุด และเปิดทางให้บรรดาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเป็นผู้นำในการทำงานเพื่อการปฎิรูปทางการเมือง อาจจะใช้ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยมาใช้ก็ได้

กรรมการส่วนอื่นๆก็ดึงภาคเอกชนเข้ามาร่วม ภาคธุรกิจ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สภาทนายความ องค์กรภาคเอกชน นักกฎหมาย ดึงผู้มีความรู้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเข้ามาร่วม และอาจจะมีการแต่งตั้งผู้แทนนักการเมืองทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลฝ่ายละ 5 คน เข้าไปทำงานเพื่อหาทางปฏิรูปประเทศให้เดินหน้าไปได้

ส่วนคณะกรรมการชุดนี้จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีการตั้งสภาประชาชน จะทำให้การเมือง สส.ยึดโยงกับประชาชนแค่ไหนก็ให้คณะกรรมการชุดนี้เป็นผู้พิจารณา ศึกษารูปแบบ และให้ทำงานให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 2-3 เดือน

“ผมเชื่อว่าถ้ามีทางออกแบบนี้ทุกฝ่ายรับได้ จากนั้นก็คืนอำนาจให้ประชาชน นำไปสู่เวทีของการเลือกตั้ง พรรคการเมืองแต่ละพรรคก็จะต้องมีสัตยาบรรณร่วมกันว่า จะนำแนวทางของคณะกรรมการปฏิรูปที่ตั้งขึ้นมาไปแปลงไปสู่แนวปฏิบัติให้ได้ ส่วนการเลือกตั้งนั้นพรรคการเมืองแต่ละพรรคอาจจะห่าเสียงหรือกำหนดยุทธ์วิธีทางการเมืองในการหาเสียงอย่างไรก็ได้ แต่ต้องยึดเอาแนวทางของการปฏิรูปมาปฏิบัติ ผมเชื่อว่าทุกอย่างจะยุติ”

สมศักดิ์มั่นใจว่า หากรัฐบาลประกาศยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน ความชอบธรรมในการต่อต้านรัฐบาล และการออกมาชุมนุมของมวลชนก็จะสลายไป ทุกคนก็กลับบ้าน เพราะไม่มีเงื่อนไขในการชุมนุมอีกต่อไป ประเทศก็จะกลับเข้าสู่โหมดของประชาธิปไตยผ่านระบบการเลือกตั้งตัวแทน บรรยากาศของความตึงเครียด กลียุค หรือความล่อแหลมที่จะก่อให้เกิดสงครามทางการเมืองก็จะยุติลง

"ผมเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น...ไม่เช่นนั่นความขัดแย้งจะขยายวงออกไปในทุกพื้นที่ประชาชนจะมีแต่ความแตกแยก แต่ทางออกนี้รัฐบาลต้องกล้าที่จะตัดสินใจและคืนอำนาจให้กับประชาชนและแนวทางนี้รัฐบาลมีแต่ได้ เพราะเป็นการถอดปลั๊กของปัญหาออกไปจากบ้านเมือง ไม่เช่นนั้นปัญหาไม่จบแน่"