posttoday

"สินบนเงินล้าน"ผมไม่เอาด้วย

15 กันยายน 2556

รัฐบาลมีจุดยืนเรื่องการปราปคอร์รัปชั่น ถ้ามันไม่หยุดที่ผม เรื่องนี้ก็จะไปยาวได้อีก เงินที่จะรับอะไรต่างๆ ใต้โต๊ะมันไม่คุ้มกับชื่อเสียง

ธรรมสถิตย์ ผลแก้ว/รัฐพงศ์ เทียมทองใบ

คนอาจได้ยินชื่อ วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ในข่าวที่ได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตรวจผับกลางกรุง 2 แห่ง คือ ที่ร้านเซฟเฮ้าส์ ซอยสุขุมวิท 63 และร้านเทอร์มินอล บาย แพน ภายในซอยรัชดาภิเษก 16

แต่ในความเป็นจริงแล้ว สำหรับ วิสาร บทบาทสำคัญของเขาคือ รมช.มหาดไทย (มท.3) กำกับดูแลกรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การประปานครหลวง (กปน.) และกรุงเทพมหานคร

โดยเฉพาะการได้กำกับดูแลกรมการปกครองที่ประกอบไปด้วย นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทั่วประเทศ ซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่าในแต่ละปีมักมีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งกันอย่างครึกโครม!!!

ขณะเดียวกัน ไม่น่าแปลกใจนักที่วิสารอาจตกอยู่ในสภาวะหัวกะไดไม่แห้ง เพราะอย่างที่กล่าวไปข้างต้นสำหรับตำแหน่งของวิสารเรียกว่ามีอำนาจเต็มในการดูแลการโยกย้าย ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็หนีไม่พ้นการซื้อขายตำแหน่ง

เรื่องนี้ วิสาร บอกว่า เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ ซึ่งได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่ามีคนนำเอาชื่อ ตำแหน่งของตัวเองไปหาเงิน หาประโยชน์เข้ากระเป๋า ตอนประชุมผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ได้กำชับบอกผู้ว่าฯ ทุกคนเสมอว่า ถ้ารู้เรื่องนี้ให้ส่งข้อมูลมาโดยตรงได้เลย และจะเร่งจัดการให้ถูกต้อง

“ยอมรับว่าไปที่ไหนคนก็จะเอาสิ่งของมาฝากมาให้ ช่วยเรื่องการโยกย้าย บางคนนำเงินมาให้เป็นล้านๆ ถามว่าคุณเอามาจากไหน ต่อไปคุณอาจไปรีดไถชาวบ้านมาทดแทนที่เสียไป ซื้อตำแหน่งแบบนี้ผมไม่เอาด้วย ซึ่งรัฐบาลก็มีจุดยืนเรื่องการปราปคอร์รัปชั่น ถ้ามันไม่หยุดที่ผม เรื่องนี้ก็จะไปยาวได้อีก เงินที่จะรับอะไรต่างๆ ใต้โต๊ะมันไม่คุ้มกับชื่อเสียง ผมคิดว่าการที่ตัวเองได้มายืนตรงจุดนี้ถือว่าโอเคมากแล้ว อยากให้คนพูดถึงเราบ้างว่าทำอะไรให้ประเทศชาติไว้บ้าง”

วิสาร เน้นย้ำว่า อยากได้คนที่มีประสิทธิภาพและศักยภาพมาทำงานให้ประเทศ โดยเฉพาะตัวเองที่ได้กำกับดูนายอำเภอ ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่าขวัญกำลังใจอาจลดลง ดังนั้น ภายในปีนี้นายอำเภอซึ่งมีประมาณ 467 อำเภอ ที่ยังค้างอยู่ ทุกคนจะได้ขึ้นเป็นซี 9 ทั้งหมด

“เรื่องนายอำเภอ ผมมาคิดเล่นๆ โรงเรียนนายอำเภอกระทรวงไหม ถ้านายอำเภอได้ซี 9 จะได้สายสะพาย อยากให้ปรับจะได้สั่งงานได้ไม่ขัดเขิน บางอำเภออย่างหาดใหญ่ที่กว้างมาก แต่นายอำเภอมีแค่คนเดียว บางที่ปลัดอำเภอก็เหลือน้อย จึงต้องให้ความสำคัญนายอำเภอเพิ่ม ผมให้กำลังใจตลอดว่าก่อนจะเกษียณคุณได้ซี 9 แน่นอน”

ยอมรับว่าอึดอัดใจบ้างที่ต้องมานั่งในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย

วิสาร บอกว่า ตามกระทรวงต่างๆ จะมีตำแหน่งที่ปรึกษารัฐมนตรี เกิดความอึดอัดเล็กน้อยตรงที่เกิดตั้งที่ปรึกษาอาจมีการทับเส้นกัน เช่น รุ่นพี่จะมาซักถามว่าทำไมต้องตั้งคนนี้ ทำไมไม่ตั้งตำแหน่งนี้ให้เขา จึงเลือกที่จะไม่มีที่ปรึกษาแบบทางการ แต่เป็นแบบลับๆ อาทิ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ คุณชวนพิศ ธรรมศิริ ท่านสวัสดิ์ โชติพานิช และอีกหลายคนที่ผมไปหาคำปรึกษาโทรถามได้ตลอด

กลับมาที่เรื่องนโยบายที่เรียกเสียงฮือฮา คือการรุกคืบจัดระเบียบสังคม โดยวิสารได้นำทีมเจ้าหน้าที่ตรวจผับกลางกรุง 2 แห่ง คือ ที่ร้านเซฟเฮ้าส์ ซอยสุขุมวิท 63 และร้านเทอร์มินอล บาย แพน ภายในซอยรัชดาภิเษก 16 จนสังคมจับตา เป็นสายตรวจสถานบันเทิงในช่วงกลางคืนที่สังคมให้ความสนใจไม่น้อย

ขณะเดียวกัน ปฏิบัติการที่วิสารกำลังดำเนินการอยู่และหายไปในช่วงนี้ ไม่อาจหนีเสียงวิจารณ์ได้ว่าทำไมตรวจจับแล้วหายไป มีอะไรแอบแฝงหรือไม่ หรือทำแบบนี้ไปเหยียบตาปลาใครหรือเปล่า?

“ตอนวัยเด็กได้ใช้ชีวิตที่ลำบากและได้พบเจอสังคมที่เยาวชนต้องเจอสิ่งที่ล่อแหลมมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่พาชักชวนไปทำสิ่งไม่ดี ครอบครัวบางคนมีปัญหาจากพ่อแม่ เราอยู่กระทรวงมหาดไทยทำอะไรไม่ได้มาก จึงอยากจะเป็นหน่วยที่จะวอร์นนิงสังคม ลดอบายมุข สร้างสุขให้สังคม ซึ่งการตรวจผับผมฝังใจกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ

รู้สึกเศร้าและหดหู่เมื่อเห็นคนประสบเคราะห์กรรมที่ซานติก้า ในหน้าที่ของผมก็ช่วยได้ในระดับหนึ่งคือบรรเทาและป้องกันสาธารณภัย กรมการปกครอง ซึ่งมีสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน (อส.) อยู่ เราอยากไปเตือนเท่านั้นเองว่าคุณอย่าล้ำเส้นไปยาเสพติดนะ บางคนก็ตั้งคำถามกับผมว่าไปรับทรัพย์คนอื่นมาหรือเปล่าถึงหยุดลงพื้นที่ปราบปราม ตรงจุดนี้ตอบได้เลยว่าไม่มี

“ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดมีรายงานส่งเข้ามาหาเราตลอด เช่นมีการควบคุมตรงนี้ มีการจับกุมตรงไหนบ้าง สิ่งที่ผมได้ทำให้รู้ว่านายอำเภอ จังหวัดเริ่มตื่นตัวขึ้นมาบ้าง ไม่ได้อยู่เฉยเกินไป สิ่งที่รับไม่ได้เลยคือเรื่องยาเสพติด โดยเฉพาะผู้หญิง เด็กผู้หญิงมีอะไรที่ต้องระแวดระวังมากกว่าผู้ชาย ไปเจอสิ่งที่มันไม่ดีขึ้นมาจะเสียคนเอาง่ายๆ ถ้าเกิดเสียคนขึ้นมาคราวนี้ก็เลยตามเลย เราจึงคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะวอร์นนิงสังคมได้บ้าง ตอนแรกท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะร่วมมือกับผมด้วย ตี 4-5 ผับมันเปิดอยู่ได้ยังไง รวมไปถึงเวลาประชุมคณะรัฐมนตรีคนอื่นๆ ก็เข้ามาให้กำลังใจผมว่าอย่าหยุดทำนะ

สิ่งที่ผมจะทำคือได้ประสานไปยัง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ท่านให้ความร่วมมืออย่างดีมาก และก็แจ้งไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วยนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปทุบไปตี รีดไถหม้อข้าวใคร ซึ่งบางที่มันทำเกินไปก็ไม่ไหว”

แน่นอนการจัดระเบียบสังคม หวย บ่อน ผับ ตามสไตล์วิสาร “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ต้อง” ว่าแล้วขณะนี้เขาได้เบาะแสเกี่ยวกับขบวนการเล่นพนันผ่านตู้ม้า ซึ่งกำลังแกะรอยถึงตัวการใหญ่

“บางที่มีตู้ม้าเยอะมาก ผมจะเน้นจับไปที่ตัวใหญ่ๆ เลย ตู้ม้าตู้บอลเคยไปศึกษามันสามารถล็อกให้ออกอะไรก็ได้โดยมีคนมอนิเตอร์อยู่ เด็กอยากรู้อยากเห็นอยากลอง พยายามหาข่าวอยู่ มีหน่วยงานหลายหน่วยอาทิ ทหาร ดีเอสไอ ฝ่ายความมั่นคง มาช่วยเราด้วย ซึ่งเป้าหมายของเราคือไม่อยากจับปลาซิวปลาสร้อย จะทำการยึดทรัพย์ ตรวจสอบเส้นทางการเงินมีต้นตอมาจากไหน ถ้าจับได้ตัวใหญ่ก็จะดีมากกว่า กำลังให้ทีมงานหาข่าวว่าอย่าไปจับรายเล็กๆ สาวลงไปให้ถึงตัวใหญ่ เบาะแสพบว่าอยู่แถว จ.ปทุมธานี นนทบุรี ปากน้ำ อยากที่จะจับเป็นขบวนการยึดทรัพย์ ถอนรากถอนโคน”

"สินบนเงินล้าน"ผมไม่เอาด้วย

อย่างไรก็ดี ในเรื่องการรณรงค์ปราบปรามยาเสพติด วิสาร บอกว่า การรณรงค์ยาเสพติดให้เห็นพิษภัยเป็นเรื่องระดับชาติ จากนี้อีกไม่กี่วันจะมีงานใหญ่ด้วยเช่นกัน

“วันที่ 27-28 ก.ย. จะทำแคมเปญรณรงค์ทั้งประเทศ เชิญทุกจังหวัดกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม อบายมุข ความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สิน ให้สังคมได้รับรู้ คุ้มครองให้เด็กห่างไกลอบายมุข มีสำนึกในทางที่ดี คือจะมีการทำเอ็มโอยูแบบเป็นทางการด้วย ให้เห็นว่าเด็กเป็นส่วนสำคัญของประเทศชาติ และท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ จะเอาน้องไปป์มาด้วย ซึ่งเป็นไฮไลต์ของงาน เราจะทำให้เห็นถึงพิษภัยของยาเสพติดว่าเป็นยังไง วางแผนสถานที่ไว้คือสนามกีฬากองทัพบก หรือไม่ก็สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง”

เวลาเปิด-ปิดผับอาจไม่ได้ไปจำกัดมาก เพราะก็เข้าใจคนมาเที่ยวว่ากำลังสนุก สิ่งที่ผมเห็นว่าสำคัญคือเรื่องยาเสพติด มันอันตรายมาก อย่างบารากุ บางร้านเราไม่รู้ว่าจะผสมยาเสพติดอะไรลงไปด้วยหรือไม่ อยากไปคุยกับทางดีเอสไอด้วยซ้ำว่าสามารถทำอะไรตรงนี้ได้บ้าง ขณะนี้ได้การตอบรับจากทางนครบาลที่ประชุมกันแล้วเห็นว่า ขณะนี้จะให้ผับปิดตี 1-ตี 2 แต่เรื่องเวลาผมไม่ซีเรียสมาก จะห่วงก็แต่เรื่องยาเสพติด ตำรวจบางท่านก็มาบอกเรา พี่อย่าไปยุ่งเลย

“ขณะนี้ได้ประสานเชิงลึกไปยังผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คราวที่แล้วอาจจะประสานผิดพลาดเวลาเชิญมาประชุมกัน เราอยากจะให้รู้ว่าไม่มีเจตนาไปจับผิดเขา แม้กระทั่งเข้าไปตรวจผับก็อยากจะขอความร่วมมือ ซึ่งผมก็ไปเล่าให้ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ฟังว่าเราจะทำอย่างไร ซึ่งท่านเป็นคนที่พูดดีมากจนอยากจะเอาไปพูดให้โรงเรียนนายอำเภอฟังด้วยซ้ำ ท่านมีข้อมูลลึกๆ อยู่หลายเรื่อง เกี่ยวกับการประสานของตำรวจกับฝ่ายปกครอง ตรงจุดนี้ผมคิดว่าโชคดีที่ได้มาดูแลกรมการปกครองและ กทม.ด้วย เรียกว่าครอบคลุมทั่วประเทศ จึงอยากจะทำงานร่วมมือกับตำรวจในการขอความร่วมมือน่าจะไปได้ดี”

อย่างไรก็ตาม มาถึงคำถามที่สังคมสงสัยว่าทำไมถึงหายไปจากการตรวจจับ ที่ว่าอาจไปเหยียบตาปลาใครบ้างหรือไม่

วิสาร บอกว่า ต้องมีบ้างอยู่แล้ว เลยบอกฝ่ายตำรวจไปว่า ถ้ามหาดไทยไม่เข้าไปช่วยเดี๋ยวมันจะลามไปกันใหญ่ การที่นำทีม อส.ลงไปตรวจ คือถ้าคุณไม่ผิดก็ไม่จำเป็นต้องหนี คุณหนีแสดงว่ามีอะไรผิดปกติ ถ้ากินเหล้าฟังเพลงปกติเราจะไปทำอะไรคุณได้

รมช.มหาดไทย เปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาหลังมีการเข้าไปจัดระเบียบตรวจผับ

“ณ วันนี้ มีคนยื่นข้อเสนอว่าให้เดือนละ 5 แสนถึงล้านบาท เพื่อให้หยุดการกระทำตรงนี้ ผมก็บอกเขาว่า ถ้าไปอีกรอบอย่าให้มีเรื่องยาเสพติดได้ไหม จะจ่ายเงินใครก็เรื่องของคุณไป แต่เรื่องทางหนีไฟ ความปลอดภัย ยาเสพติด ต้องดูแลให้ดี เด็กไม่เกิน 18 ปี ต้องดูวุฒิภาวะด้วย เราเห็นเด็กอายุไม่ถึง 18 ปี มีรูปบนหน้าหนังสือพิมพ์บอกเลยว่ารับไม่ได้”

บางคนอาจตั้งข้อสังเกตว่า ปฏิบัติการที่ทำอยู่คล้ายกับ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ อดีต รมว.มหาดไทย ที่ทำให้นโยบายจัดระเบียบสังคมกลายเป็นแบรนด์ประจำตัว

“ผมขอตอบได้เลยลุคตัวเองไม่ใช่แบบนั้น แค่ต้องการวอร์นนิงสังคม เข้าใจว่าวันนี้สังคมไม่ได้ขาวสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ เพียงแต่ว่าทำยังไงให้มันอย่าดำดิ่งไปมากกว่านี้”รัฐมนตรีจัดระเบียบสังคมมือใหม่ ยืนยัน

ขันอาสา ทอดสะพานปรองดอง

นอกจากจะเป็นรัฐมนตรีบริหารส่วนราชการในการกำกับดูแลให้เป็นไปตามนโยบาย แต่อีกความพยายามที่อยากทำให้ได้คือการสร้างความปรองดองในหมู่นักการเมือง

ความพยายามดังกล่าวเกิดขึ้นเพราะเจ้าตัวสัมผัสได้ถึงบรรยากาศการเมืองขณะนี้ แต่ละฝ่ายต่างโหมฟืนไฟเข้าใส่กันและกำลังทวีความร้อนแรงมากขึ้น

“บรรยากาศในสภาตอนนี้ มันไม่เหมือนแต่ก่อนเลย การประชุมสภาก่อนนั้น เวลาเที่ยง ไม่ว่าเป็นฝ่ายค้านและรัฐบาล เราเคยนั่งรับประทานอาหารร่วมกันได้ แต่ช่วงหลังสภาแบ่งที่นั่งเป็นคนละกลุ่มเลยนะ เดี๋ยวนี้ห้องอาหารสภาด้านหลังติดกับสระน้ำ ปรากฏว่า ปชป.ยึดไปเลย ส่วนรัฐบาลไปยึดวิทยาคาเฟ่ เลยห่างกันไปเรื่อย...

พี่ถาวร เสนเนียม พี่ชำนิ ศักดิเศรษฐ์ เคยคุยกับผม ว่าอะไรกันนักกันหนา ระดับกลางยังคิดกันได้อย่างนี้ รุ่นเล็กทักกันไม่ได้เลย ตอนนี้มันไม่รู้จักกันเลย เหมือนเป็นศัตรูกัน การเมืองแบบนี้ ถ้าเริ่มตั้งแต่สภาไม่ดี แล้วจะสมานฉันท์ได้อย่างไร”วิสาร กล่าวแบบถอนหายใจ

วิสาร ยังสะท้อนบรรยากาศในสภาอีกว่า บางทีอาจมีอารมณ์ร่วมตั้งแต่อภิปราย ทะเลาะกันไป เหมือนผัวเมียไม่ถูกกันเลย การทำงานสภาบางทีต้องเอาเหตุและผล และถึงเวลาต้องมีน้ำจิตน้ำใจ ว่าบางทีเผลอไป แต่นี่ยิ่งทะเลาะยิ่งร้าวไปกันใหญ่ ชาวบ้าน ลูกหลานที่เติบโตมาเล่นการเมืองเห็นวัฒนธรรมแบบนี้ ก่อนนั้นมีภาพสภาไต้หวัน เรารับไม่ได้จริงๆ นะ ยังหัวเราะเขาที่มีเหตุการณ์ตีกัน แต่ตอนนี้ของเราจะเป็นอย่างนั้น กลายเป็นว่าใครทำอะไรแผลงๆ ได้รับการยอมรับจากชาวบ้าน

แม้ปัจจุบันวิสารจะสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่อดีตเคยเป็น สส.ภายใต้ชายคาพรรคประชาธิปัตย์มาก่อน จึงคุ้นเคยกับผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม กอปรกับมีอัธยาศัยไมตรี จึงมีเพื่อนต่างพรรคมากมาย

“ผมอยากเน้นย้ำตรงนี้ว่ารุ่นใหญ่ที่ไม่อยากปรองดองก็เรื่องของเขาไป ตัวเองอยู่ในจุดที่สามารถคุยได้ทุกพรรคการเมือง อยากใช้คอนเนกชันเก่าที่เคยมีกับพรรคประชาธิปัตย์ช่วยแก้ไขในเรื่องความปรองดอง”

เจ้าตัวเสนอหนึ่งตัวอย่างแนวคิด “ผมลงพื้นที่ไหนจะโทรหาคนในพื้นที่ทุกจังหวัดไม่ว่าจะสังกัดพรรคไหน ตอนผมลงใต้ก็มีเพื่อนฝูงคุยกันเรื่องนี้ว่าเรารุ่นกลาง เรามาสมานฉันท์กันดีกว่า ปล่อยพวกข้างบนไป เจอกันตามสนามบอลที่ชอบเล่นด้วยกัน เราก็นัดเจอกันบ่อย ผมจะลองดูว่าแต่ละคนทำได้แค่ไหนอาจจะติดเรื่องผู้ใหญ่ เราก็ต้องทำความเข้าใจ อาจจะมีแนวคิดทางการเมืองของคนอย่าง แต่เจอกันตอนทำงานผมก็ติดต่อเสมอ บอกว่าตอนนี้ถึงแม้ผมเป็นรัฐบาลมีนโยบายที่จะทำอะไรต่างๆ จึงอยากให้มาช่วยเสริมนะ”

"มีความคิดให้พี่น้อง สส.หันมาปรองดอง เราต้องทอดไมตรีให้เขาก่อน และคุยกันว่ามีอะไรให้เราประสานได้ ก็ยินดี รัฐบาลฝ่ายค้านมานั่งคุยกัน ช่วยกันทำเพื่อจังหวัดของตนเองดีไหม เหมือนเราจีบผู้หญิง มีน้ำใจให้เขาก่อน ไม่ใช่เจอหน้าแยกเขี้ยวใส่กัน การปรองดองต้องเริ่มจากสภาก่อน พวกรุ่นใหญ่ปล่อยไป เอาคนรุ่นกลางอย่างพวกผมมาเริ่มก่อน เดี๋ยวรุ่นเล็กก็ตามมาเอง"วิสาร ตั้งความหวัง

"สินบนเงินล้าน"ผมไม่เอาด้วย

ตัวตายตัวแทน"ยงยุทธ"

ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทุกครั้งจะมีการขยับโยกย้ายช่วงก่อนที่โผ ครม.จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยชื่อวิสารผูกโยงกับ “ยงยุทธ ติยะไพรัช” ในฐานะที่เป็นป๋าดันให้วิสารมีชื่ออยู่ในโผทุกครั้ง จนหลายฝ่ายจึงพุ่งเป้าให้ว่าเป็นตัวตายตัวแทนของยงยุทธ

วิสาร ยอมรับว่า ในทางการเมืองสนิทกับยงยุทธ โตทางการเมืองมาด้วยกันตลอด และ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีต สส.พรรคเพื่อไทยอีกคน เวลาจะไปไหนไปด้วยกันตลอด สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในตัวยงยุทธก็คือ ความแหลมคม ความเด็ดขาด เฉลียวฉลาด เป็นคนกล้า ทางการเมืองคนแบบนี้จะไปได้เร็วกว่าคนอื่น โดยเฉพาะช่วงที่ยงยุทธเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ

“รู้จักท่านยงยุทธมาตั้งแต่เป็น สส.พรรคพลังธรรม ลงการเมืองครั้งแรกปี 2529 เป็นรุ่นน้องผม 2 ปี ตอนนั้นคะแนนท่านยงยุทธนำมาตลอด แต่ดันเกิดไฟดับนับคะแนนเลยแพ้ไป

ท่านยงยุทธเขาสู้มามากกว่าผม ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง ด้วยความเป็นคนซื่อ พอท่านยงยุทธเป็นเลขานายกฯ จึงสละให้ผมเป็นกรรมการบริหารพรรค จะไปแต่งตั้งอะไรใครก็ไม่ค่อยได้ อำนาจเต็มจะอยู่ที่หัวหน้าพรรค แต่ผมก็มองว่าพอถึงเวลามีความปรารถนาดีให้กับผม ช่วงที่ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์ก็เคยชูผม ขณะนี้ท่านก็ยังถูกพันธนาการจากคดีเรื่องทรัพย์สินอยู่ ยังกลับมาเล่นการเมืองไม่ได้”

วิสาร ย้ำถึงความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับยงยุทธผ่านเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อปี 2549 ด้วยว่า “ตอนที่เกิดเหตุการณ์ปฏิวัติปี 2549 ผมอยู่กับท่านยงยุทธ ตอนที่ผมไปเยี่ยมเขาที่เรือนจำห้องรับรองของทหารอากาศ ซึ่งตั้งอยู่หลังบ้านผมเอง เสร็จแล้วพอไปเห็นท่านยงยุทธถูกจัดให้อยู่ห้องรับรองแต่ว่าในห้องไม่มีอะไรเลย
ท่านเข้าไปอยู่มาสิบกว่าวัน ออกมาคุยกับผมแรกๆ ท่านเบลอไปหมดเลยนะ ประมาณว่าผมพูดอะไรกับแก ท่านไม่ได้ยินเลย อยู่ในนั้นไม่ได้คุยกับใครเลย ตามปกติคนเราต้องพูดคุยกับคนรอบข้าง เวลาสิบห้าวันไม่มีคนคุยด้วย แต่ท่านยงยุทธเป็นคนที่ทนแรงกดดันได้สูง”

“เราช่วยกันทุกด้าน เราไม่เคยปฏิเสธเรื่องความเดือดร้อนของกันและกัน เวลาไปงานที่ไหนถึงเขาจะเคยเป็นประธานรัฐสภา เขาไม่เคยถือตัวและให้เกียรติผมมาตลอด คนมองว่าท่านเป็นสายบู๊ สายฮาร์ดคอร์ แต่ความจริงท่านเป็นคนเอาพวกมากกว่า”

“ณ วันนี้ ผมก็เหมือนเป็นตัวแทนคุณยงยุทธ หมายถึงตัวแทนของคนเชียงราย ตอนแรกที่จะได้นั่งรัฐมนตรีมีข่าวปัญหาราคาข้าว ผมจึงคิดว่าจะได้ไปอยู่กระทรวงพาณิชย์ แม้แต่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ก็เคยแว่วมาว่าจะได้ไปอยู่

...พอดีท่านนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้บอกว่าจะให้อยู่ที่ไหน เราบอกว่าไว้ใจให้ทำงานกระทรวงใดก็จะไม่ทำให้ผิดหวัง ผมขอบพระคุณท่านไป จนสุดท้ายมาได้อยู่กระทรวงมหาดไทย ผมโชคดีที่เคยอยู่ที่นี่สองรอบ มันเป็นงานที่เราค่อนข้างโอเค”

วิสาร เล่าอีกว่า ได้ร่วมทำงานกับ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเวลาถึง 6 ปี ทำให้ได้ซึมซับอะไรมาเยอะ แต่เรื่องการเมืองขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยด้วย บางคนมีอาวุโสทางการเมืองเยอะกว่า แต่บางคนอยู่ที่จังหวะชีวิตด้วยว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน โดยวันนี้ส่วนตัวภูมิใจกับการทำงานการเมืองของลูกสาว (วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย) เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเวลาได้เห็นการทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำให้ตัวเองเวลาเข้าสภาสามารถหายใจได้อย่างเต็มปอดและรู้สึกผ่อนคลาย

นอกจากงานกระทรวงมหาดไทยจะไม่ให้ขาดแล้ว งานในพรรคเพื่อไทย รมช.มหาดไทย คนนี้ ยังย้ำว่าจะต้องไม่ให้ขาดตกบกพร่องเช่นกัน โดยงานในพรรคมีความสำคัญไม่แพ้กับงานอื่นๆ เพราะต้องทำหน้าที่เพื่อประสานงานกับหลายฝ่ายเพื่อให้เกิดประโยชน์กับพรรคมากที่สุด ดังนั้นจะละเลยภารกิจนี้ไปไม่ได้

“ผมดูแลโซน 1 ของพรรค คือ ภาคเหนือตอนบนทั้งหมด ต้องเป็นคนประสานงานดูแลพี่น้องทุกคนในพรรค คอยติดตามปัญหาเกี่ยวกับการประสานพื้นที่ เพราะท่านยงยุทธเองยังติดหล่มการเมืองอยู่ เลยทำอะไรมากไม่ได้ ผมจึงต้องมาทำหน้าที่แทน แต่ว่าถ้ามีอะไรที่คอขาดบาดตาย เช่น เรื่องการประสานงานใหญ่ๆ กับประเทศเพื่อนบ้าน เรื่องที่ดุเดือดเผ็ดมันทั้งใต้ดินบนดิน ต่างประเทศ อีกส่วนก็ต้องให้ท่านเป็นคนดำเนินการ” ตัวตายตัวแทนยงยุทธ กล่าวทิ้งท้าย