posttoday

ย้อนวีรกรรม “จ่าชูเกือก”

09 สิงหาคม 2556

พลิกปูมประวัติจ่าคนดัง พฤติกรรมฉุดรัฐสภาไทยเสื่อม

โดย...ทีมข่าวการเมือง

แม้ศึกอภิปรายร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฉบับ วรชัย เหมะ สส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทยจะผ่านด่านลงมติรับหลักการไปหนึ่งขั้น แต่วีรกรรมของ “จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ” สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ยังเป็นที่โจษจัน หลังยกรองเท้าขึ้นมาโชว์หราฝ่าเสียงโห่ของบรรดาฝ่ายค้านในสภาระหว่าง ที่นายวรชัย ทำหน้าที่อภิปรายเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา

พลิกปูมประวัติจ่าคนดัง พื้นเพเป็นคนบ้านตราด ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์ บิดาชื่อ เอม มารดาชื่อ เป็ด ประกอบอาชีพทำนา  มีพี่สาวและน้องสาวรวม 2 คนอยู่ในอ.สังขะ จ.สุรินทร์ แจ้งสถานภาพโสด แต่มีบุตรสาวนอกสมรสวัย 16 ปี อาศัยอยู่บ้านกาหลง ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

เคยแจ้งบัญชีทรัพย์สินเเละหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทจริตเเห่งชาติ (ปปช.) ว่ามีรายการเงินสด 5 แสนบาท   เงินฝาก 115,331.35 บาท  มีทรัพย์สินที่เป็นโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 2 ล้านบาท มียานพาหนะ 2 คัน มูลค่า 1.4 ล้านบาท รวมทรัพย์สินประมาณ 4 ล้าน ขณะที่หนี้สินมีเงินกู้ธนาคารเกือบ 1 ล้านบาท มีหนี้สินที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ 7 แสนบาท รวมแล้วมีหนี้ 1.6 ล้าน หักลบแล้วมีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน  2.4 ล้านบาท        

แม้บ้านเกิดอยู่ จ.สุรินทร์ แต่จ่าประสิทธิ์ เข้ามารับราชการตำรวจใน จ.สมุทรสาคร โดยปี 2549-2552 รับราชการตำแหน่ง ผบ.หมู่ ฝ่ายอำนวยการ ภจว. สมุทรสาคร ต่อมาปี 2553 รับตำแหน่ง ผบ.หมู่ สภ.บางโทรัด จ.สมุทรสาคร 

ย้อนวีรกรรม “จ่าชูเกือก”


จุดเริ่มต้นในการเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)  มาจากการที่จ่าประสิทธิ์ต้องจัดกำลังตำรวจสมุทรสาคร ดูแลเหตุการณ์ชุมนุมยึดทำเนียบและสนามบินของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แต่จากกรณีตำรวจโดนกลุ่มผู้ชุมนุมกระทืบ ประกอบกับเชื่อมั่นในหลักการและเหตุผลการต่อต้านรัฐประหารของกลุ่มคนเสื้อแดงมากกว่า ส่งผลให้หลังจากนั้นจ่าประสิทธิ์เลือกเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง โดยชวนเพื่อนครอบครัวตำรวจกว่าร้อยคนถือเดินถือธงให้กำลังใจจนขโมยซีน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ที่ปราศรัยบนเวที

จากนั้น ณัฐวุฒิ และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง เรียกเชิญตัวขึ้นเวทีในฐานะผู้สวมชุดกากีแต่หัวใจสีแดง ต่อมาจ่าผู้นี้จะเข้าเป็นแกนนำ นปช.สมุทรสาคร เต็มตัวร่วมกับนางกัญญามาศ ไกรวัฒนุสสรณ์ น้องสาวของ นายมณฑล ไกรวัฒนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด สมุทรสาคร และเข้าร่วมสมาพันธ์คนเสื้อแดงอีสาน 19 จังหวัด ขึ้นเวทีไฮปาร์คในการชุมนุมแยกราชประสงค์ ก่อนที่ จตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.จะผลักดันให้เป็นกรรมการ นปช.ชุดรักษาการของประธาน ธิดา ถาวรเศรษฐ ในขณะนั้น

หลังยุบสภา จ่าประสิทธิ์ถอดชุดข้าราชการลงเลือกตั้งในสนามบ้านเกิด จ.สุรินทร์ เขต 6 ชนคู่แข่งจากพรรคภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา เกาะกระแสความแรงของเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยเข้ามานั่งตำแหน่ง สส.ในสภาได้สำเร็จ โดยหลังจากนั้นยังเคยออกตัวแรง “ขวางปูเข้าพบป๋า” แสดงความไม่เห็นด้วยกรณีที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขอเข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี มาแล้ว

อย่างไรก็ตามหลังก้าวขาเข้าสภากลายเป็น สส.จ่าใช้กลยุทธิ์ปล่อยวาทะเสื่อมสกัดการอภิปรายของฝ่ายค้านหลายยก ไล่ตั้งแต่มี.ค.55 ระหว่างสภาหารือกระทู้สดปม รร.โฟร์ซีซันส์ จ่าประสิทธิ์ปล่อยวาทะ “รังสิมาฉี่ฉุน” โจมตี รังสิมา รอดรัศมี สส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จนเกิดการประท้วงวุ่น ก่อนที่ สส.หญิงปชป.จะออกมาถล่มว่า หยาบคาย กักขฬะ สะท้อนความไร้วุฒิภาวะ ทำลายเกียรติรัฐสภาไทย

ย้อนวีรกรรม “จ่าชูเกือก”

ศึกการอภิปรายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 291 สุดยืดเยื้อในปี 55 จ่าประสิทธิ์สวมบทนักประท้วงมือเอกของพรรคเพื่อไทยสกัดการอภิปรายของฝ่ายค้าน จนเกิดสงครามน้ำลาย “จ่าประสาท-หน้าคางคก” ตอบโต้ไปมากับ วัชระ เพชรทอง สส.บัญชีรายชื่อ ปชป.ไม่เท่านั้นในการอภิปรายของรังสิมาที่โจมตีว่า การเลือกสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) อาจถูกควบคุมด้วยท่อน้ำเลี้ยง จ่าเจ้าเก่า ลุกมาประท้วงว่า อภิปรายนอกปนะเด็นเช่นนี้เรียกว่า ปากหมา ปากตลาด

ในการประชุมวาระกระทู้ถามสดเดือน พ.ค.55 จ่าคนเดิมหลุดคำด่า “จบรามคำแหงโง่จริงๆ” สวนกลับ วัชระ เพชรทอง เป็นเหตุให้ประท้วงวุ่นวายตามอีหรอบเดิม โดยสส.-สว.ลูกพ่อขุนต่างออกมาโจมตีถึงถ้อยคำที่หมิ่นสถาบันการศึกษา รวมถึงกลุ่มสมาคมศิษย์เก่า ม.รามคำแหงยังจี้ให้กราบขอขมาพระรูปพ่อขุนรามฯ ด้วย

กระนั้นถ้อยคำดูถูกสถาบันกลับย้อนศรเข้าตัว เมื่อสืบเสาะประวัติการศึกษาจ่าอ้างว่า จบ ม.สยาม แต่เมื่อตรวจสอบกลับไร้ชื่อ สส.สุรินทร์ รายนี้ในทะเบียนประวัติรายชื่อนักศึกษา ไล่ไปเช็คมาจนจ่าประสิทธิ์ต้องพลิ้วว่าจบ “สยามคูโบต้า” แบบไม่แคร์คำพูดตัวเองก่อนหน้านี้

จวบจนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจปลายปี 55 กลายเป็นที่ฮือฮาอีกครั้ง เมื่อระหว่างที่ รังสิมา อภิปรายซักฟอกงบประมาณกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดย รังสิมา ใช้ลีลาอภิปรายว่ามีคนมาเข้าฝันให้พูดว่ามีตัวเลขทุจริต จนจ่าประสิทธิ์งัดลูกไม้เดิมลุกขึ้นประท้วงว่า “...การอภิปรายในสภาต้องเอาความจริงมาพูด ไม่ใช่เอาความฝันมาพูดเจ๊...การพูดเพ้อฝันจะนำไปสู่การไม่ไว้วางใจถอดถอนได้อย่างไร ถ้าผมฝันว่าได้นอนกับคุณรังสิมาบ้างจะว่าอย่างไร”  จนทำให้มีการประท้วงวุ่นวายในการประชุมก่อนที่ สส.หญิง ปชป.ออกมารุมถล่มว่าหมิ่นเกียรติสตรีอย่างรุนเเรง  

วีรกรรมปล่อยวาทะเสื่อมตลอดปี 55 ส่งผลให้ตำแหน่ง “ดาวดับ” สภาปี 55 มีชื่อ จ.ส.ต.ประสิทธิ์โดยไม่ต้องแปลกใจ และคาดเดาไม่ยากว่าจากพฤติกรรมชูเกือกโต้ฝ่ายค้านจะส่งผลปีต่อไปจ่าคงสอยตำแหน่งเดิมไปโดยปริยาย