posttoday

ย้อนรอยวาทกรรม "ต้านคอร์รัปชั่น"

04 กรกฎาคม 2556

ย้อนรอยวาทกรรม "ต้านคอร์รัปชั่น" ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรที่ในรอบ 2 ปีถูกประกาศมาแล้วถึง 10 ครั้ง

โดย...ทีมข่าวการเมือง

การที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานอื่นๆ ร่วมประกาศเจตนารมณ์การบริหารประเทศ เดินหน้าหยุดคอร์รัปชั่น เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา ไม่อาจสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากตลอด 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้จัดกิจกรรมประกาศเดินหน้าเอาจริงเอาจังกับการต่อต้านทุจริต แต่การทุจริตยังไม่จางหาย มิหนำซ้ำยังเพิ่มหนักหน่วงรุนแรงขึ้นตามลำดับ

สำหรับกิจกรรมในการต่อต้านการคอร์รัปชั่น ในรอบ 2 ปีที่ ยิ่งลักษณ์ เข้ามาบริหารประเทศ มีด้วยกันถึง 10 ครั้ง ดังนี้

ครั้งแรกวันที่ 23 ส.ค. 2554 ในการแถลงนโยบายของ ครม.ต่อรัฐสภา เรื่องนี้อยู่ในนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ข้อ 1.3 ระบุว่า จะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลที่เป็นสากล ปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ขยายการบังคับใช้บทบัญญัติเรื่องการห้ามการกระทำที่เป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ให้ครอบคลุมผู้ใช้อำนาจรัฐในตำแหน่งสำคัญและตำแหน่งระดับสูงอย่างทั่วถึง

ครั้งที่ 2 วันที่ 25 ก.ย. 2554 กิจกรรมเดินรณรงค์รวมพลังต่อต้านคอร์รัปชั่นที่สวนลุมพินี ซึ่งจัดโดยภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น ยิ่งลักษณ์ กล่าวนำปฏิญาณ “เราคนไทยผู้รักชาติขอให้ปฏิญาณว่าจะไม่ยอมเป็นเหยื่อของค่านิยมการติดสินบน ไม่ใช้อำนาจหน้าที่มาคดโกง และต่อต้านการโกงทุกรูปแบบเพื่อนำประเทศสู่ความเจริญ”

ครั้งที่ 3 วันที่ 18 พ.ค. 2555 นายกฯ เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “ยุทธศาสตร์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น” ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ ศูนย์ราชการฯ โดยมอบ 4 นโยบายเชิงรุกต่อต้านคอร์รัปชั่น แก่รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ขีดเส้น 1 เดือน ให้ 159 ส่วนราชการ 76 จังหวัด เฟ้นหาหน่วยงานที่สามารถจัดระบบการป้องกันปราบปรามทุจริตแห่งละ 1 หน่วยงาน หรือ 235 หน่วย เสนอเข้ามายังนายกฯ ภายใน 1 เดือน เพื่อเป็นตัวอย่างในการให้หน่วยงานอื่นนำไปปฏิบัติ

ครั้งที่ 4 วันที่ 6 มิ.ย. 2555 นายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษเรื่อง “บทบาทภาครัฐต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริต” ในงานสัมมนาผลการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ระยะที่ 1 ในปี พ.ศ. 2551-2555 ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ “รัฐบาลได้น้อมนำการทำงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ต้องระเบิดจากข้างในที่ต้องเริ่มจากภายในองค์กรก่อน โดยรัฐบาลได้ให้มีการจัดทำ 1 หน่วยงาน 1 ข้อเสนอ จากข้างในองค์กร ในการปรับระบบลดการทุจริต”

ครั้งที่ 5 วันที่ 24 ก.ค. 2555 ครม.มีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและสำนักงานปลัดทุกกระทรวง

ครั้งที่ 6 วันที่ 18 ส.ค. 2555 นายกฯ เป็นประธานเปิดงานประกาศแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ พร้อมกล่าวว่า “ปัญหาคอร์รัปชั่นถือเป็นปัญหาของทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หากหยุดยั้งปัญหานี้ได้ ก็จะสร้างความเชื่อมั่น และช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ”

ครั้งที่ 7 วันที่ 4 ก.ย. 2555 นายกฯ เป็นประธานการรับฟังการแถลงยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. 2556-2560 ที่สโมสรทหารบก ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะทำให้ปราศจากทุจริตคอร์รัปชั่นต้องร่วมกัน 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการ และนักธุรกิจ ต้องไม่ให้วงจรนี้กลับมา ตั้งแต่เรื่องการจ่ายเงินใต้โต๊ะ หรือการซื้อขายตำแหน่ง

ครั้งที่ 8 วันที่ 22 ม.ค. 2556 นายกฯ มอบนโยบายสำหรับขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประเทศ และการชี้แจงการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2557 ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ โดยหนึ่งในยุทธศาสตร์ คือ การป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ

ครั้งที่ 9 วันที่ 19 มิ.ย. 2556 นายกฯ เป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อทบทวน และจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ ที่ตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล โดยระบุตอนหนึ่งถึงโครงการรับจำนำข้าว ว่า “ไม่อยากเห็นการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นในขั้นตอนการปฏิบัติงาน อย่าให้พบว่ามีเจ้าหน้าที่เป็นหูเป็นตาให้เกิดช่องการทุจริตคอร์รัปชั่น”

ล่าสุดครั้งที่ 10 วันที่ 2 ก.ค. 2556 นายกฯ นำ ครม.และหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารรัฐวิสาหกิจ ร่วมประกาศเจตนารมณ์การบริหารประเทศ ที่ทำเนียบรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า “ยืนยันว่ารัฐบาลจะต้านทุจริต เน้นที่การกระทำเพื่อให้บังเกิดผลอย่างต่อเนื่องและจริงจัง ...ยืนยันอีกครั้งว่า ไม่ว่าจะเป็นใคร มีอิทธิพลเพียงใด หากทุจริตคอร์รัปชั่น รัฐบาลจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างไม่ละเว้น”