posttoday

ย้อนปูม"เอกยุทธ"ปิดฉากเจ้าพ่อเเชร์ชาร์เตอร์

11 มิถุนายน 2556

พลิกปูม "เอกยุทธ อัญชันบุตร" เจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์ ตัวละครผู้โดดเด่นในวงการเศรษฐกิจ-การเมืองไทย

โดย....ทีมข่าวการเมือง         

หลายคนรู้จักชื่อ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” ในฐานะเจ้าของเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์และวีรกรรมเผ็ดร้อนทางการเมืองจากการ วิพากษ์โจมตี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดอดถกลับกับนักธุรกิจรร.โฟร์ซีซันส์ และกรณีโพสต์หมิ่นสาวเหนือประกอบอาชีพขายบริการกระทบนายกฯ หญิง จนเป็นกระแสข่าวร้อนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา 

แท้จริงแล้ว เอกยุทธ ถือเป็นตัวละครเด่นไม่น้อยในแวดวงเศรษฐกิจและการเมืองไทยตั้งแต่ช่วงหลัง พ.ศ.2520 โดยไทม์มิ่งชีวิตของนักธุรกิจและนักลงทุนผู้นี้ หลังจากเรียนจบด้านเศรษฐศาสตร์การเงินการคลัง ม.แปซิฟิก ฮาวาย ปี 2525 เขาเริ่มปูเส้นทางนักธุรกิจโดยเปิดบริษัทนายหน้า “ชาร์เตอร์อินเวสต์เมนต์” ซื้อขายคอมมอดิตี้ส์ และเงินตราต่างประเทศ

ต่อมาเขาสบจังหวะที่อัตราเงินฝากในประเทศพุ่งสูง มุ่งทำกำไรโดยการกู้เงินต่างประเทศด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำมาฝากในสถาบันการเงิน บริษัทนายหน้าของเขาได้รับการตอบรับจากนักการเมือง นายทหาร และประชาชนจำนวนมากแห่ลงทุนในเงินนอกระบบจนเป็นที่มาของ “แชร์ชาร์เตอร์” ที่ประชาชนแห่ลงทุน

ความรุ่งเรืองของ แชร์ชาร์เตอร์ เป็นอันปิดฉากลง เมื่อรัฐบาลพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประกาศลดค่าเงินบาท และออกพ.ร.บ.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ.2527 เช็คบิลหัวหน้าวงแชร์รายใหญ่ในประเทศ แต่เอกยุทธไหวตัวทันหลบหนีออกนอกประเทศในปี 2528 มีการฟ้องคดีเช็คของนายเอกยุทธเนื่องจากธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ส่งผลให้มีผู้เข้าร้องเรียนกับกองปราบจำนวนหลายพันคน จนทางการประกาศอายัดทรัพย์สินของนายเอกยุทธ บริษัท ชาร์เตอร์ อินเวสต์เมนต์ และผู้ถือหุ้นเพื่อนำออกขายทอดตลาด                  

ระหว่างหลบหนีในเยอรมันตะวันตกกับเพื่อนวิศวกรชาวเยอรมัน เอกยุทธ ขยับอาชีพตัวเอง ในฐานะอินเวสเตอร์ โดยในแวดวงนักลงทุนและวงการตลาดหุ้นต่างรู้จักเขาดีในนาม “จอร์จ ตัน” เขายังบินข้ามไปทำงานที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริการ่วมกับ เมอร์ลริล ลินช์ ในฐานะผู้บริหารไพรเวตฟันด์กองหนึ่งประมาณกว่าร้อยล้านเหรียญ

ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย เอกยุทธ ยังถูกจดจำในฐานะท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่ม"กบฏ 9 กันยาฯ" ที่เกิดจากขบวนการทหารนอกราชการพยายามก่อการรัฐประหารรัฐบาลพล.อ.เปรม ในวันที่ 9 ก.ย.2528 โดยเอกยุทธเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อการโดยได้พบกับ พล.อ.มนูญ รูปขจร ผู้นำก่อการกบฏตั้งแต่หลบหนีคดีที่เยอรมันนี เขาให้การสนับสนุนการเงินการยึดอำนาจครั้งนี้ โดยช่วงหนึ่งของการปฏิวัติเขายังนำกำลังทหารส่วนหนึ่ง และผู้นำสหภาพแรงงานเข้ายึดองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (ขส.มก.) เพื่อนำรถขนส่งมวลชนไปรับกลุ่มผู้ใช้แรงงานมาเข้าร่วมด้วย

ปี 2547  มีรายงานข่าวว่า เอกยุทธ สวมบทท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มล้มรัฐบาลอีกครั้งโดยเข้าไปยังพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมกับ อัมรินทร์ คอมันตร์ พยายามให้เงินสนับสนุนพรรคปชป.โค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร อย่างไรก็ตามทางปชป.ปฏิเสธกระแสข่าวดังกล่าวระบุว่าไม่ได้รับเงินของเอกยุทธแต่อย่างใด

ต่อมา เอกยุทธ ผนึกกำลังกับกลุ่มประชาชนเพื่อชาติและราชบัลลังก์ปราศรัยขับไล่ ทักษิณ ที่ท้องสนามหลวง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จากนั้นเขาแสดงความเห็นทางการเมืองเเละแวดวงธุรกิจตลาดหุ้นเรื่อยมาผ่านการเปิดเว็บไซต์ไทยอินไซเดอร์ และเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยมีจุดยืนแสดงทัศนคติทางการเมืองชัดเจนว่าอยู่ตรงข้ามกับขั้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และทักษิณ ชินวัตร

อย่างไรก็ตามเขายังเคยวิพากษ์วิจารณ์ สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่าสมัยทักษิณนั้น ตนเป็นผู้ออกมาต่อสู้แรกๆ แต่ตอนนั้น สนธิ กลับออกมาตำหนิ ปกป้องทักษิณ ถึงขนาดบอกว่าทักษิณเป็นนายกที่ดีที่สุดในประเทศ แต่หลังจากตกลงผลประโยชน์ไม่ลงตัว สนธิ กลับขี่กระแสมาขับไล่รัฐบาลทักษิณเสียเอง             

วันที่ 19 ธ.ค.ปี 55 เอกยุทธ ยังมีคดีฉาวฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่ร่างกาย หลังเขารวมกับพวก 2 คนทำร้ายร่างกายรองผู้จัดการร้านคาราโอเกะ ซิตี้ ย่าน ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม จนเกิดการฟ้องร้องไปมาจนขณะนี้คดียังค้างการพิจารณาในชั้นศาล          

ล่าสุด เอกยุทธ ยังโพสต์เฟซบุ๊กแสดงความคิดเห็นทางการเมืองในจุดยืนต่อต้านการทำงานของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สนับสนุนการเคลื่อนไหวของม็อบหน้ากากขาว โจมตีความล้มเหลวของโครงการรับจำนำข้าว วิจารณ์การให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ว่าการพาดพิง 3 กลุ่มธุรกิจนั้นส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยไร้ความรับผิดชอบจากรองนายกฯ

อย่างไรก็ตามการแสดงความเห็นของนายเอกยุทธ์นั้นยังอาศัยความเชี่ยวชาญของการเป็นนักลงทุน นักอสังหาริมทรัพย์ วิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองผูกโยงกับภาวะตลาดหุ้น และวิเคราะห์สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โดยข้อความวิเคราะห์ตลาดหุ้นสุดท้ายของเขาถูกโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ควันที่ 6 มิ.ย.ว่า

“...ผมเตือนนักลงทุนทั่วไปเมื่อวันที่ 1-6-13 ถึงหุ้น"ความจริง"..วันนั้นอยู่ที่11-12 บาท..และบอกไว้ว่าราคาที่เหมาะสมและเจ้ามือทุนอยู่ที่ประมาณ 6-8 บาท..วันนี้มาให้เห็นแล้ว”

ก่อนที่หลังจากนั้นในวันเดียวกันจึงปรากฏว่าเขาหายตัวไป จนในที่สุดหลังการสืบสวนสอบสวนปรากฏเป็นข่าวภายหลังผ่านการให้ปากคำของคนขับรถส่วนตัวว่า ได้เป็นผู้ลงมือสังหารเขาสืบเนื่องจากปมขัดแย้งเรื่องทรัพย์สิน อันนำมาสู่โศกนาฏกรรมปิดตำนานเจ้าพ่อแชร์ชาร์เตอร์เมืองไทย เหลือทิ้งไว้เพียงข้อความอาลัย “...ขอให้วิญญาณไปสู่สุคติ” เต็มหน้าเพจเฟซบุ๊กของเขาในขณะนี้